ครึ่งชั่วยามต่อมา…
ในขณะนั้น ค่ายกลเงียบไป แล้วจากนั้นก็มีร่างสองสามร่างหล่นลงมาจากต้นไม้และกระแทกกับพื้นราวกับกระสอบทรายทันที…
และในขณะนั้น ใต้พื้นดิน ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนที่กำลังจะรีบออกไปฆ่าคนเหล่านี้ก็รู้สึกประหลาดใจ
“ท่านผู้อาวุโส!”
ฉับพลันนั้น หลี่ฉางโซ่วรีบคว้าร่างของผู้อาวุโส และกล่าวว่า “เหตุใดเราต้องออกไปตอนนี้ขอรับ จะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนจงใจแกล้งทำเป็นหมดสติเพื่อหลอกล่อให้เราปรากฏตัวออกไปเล่า เราจะไม่ตกหลุมพรางของพวกมันหรือขอรับ”
“อืม เจ้าพูดถูก ฉางโซ่ว แล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี”
หลี่ฉางโซ่วคิดและกล่าวในใจว่า “ใช้วิธีเดียวกัน ปล่อยพิษ…แต่คราวนี้ ต้องเป็นพิษฤทธิ์แรงและทรงพลังพอที่จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสตอบโต้ได้ขอรับ”
“เราต้องพิจารณาด้วยว่า พวกมันจะสามารถหลบหนีจากฤทธิ์ยาในขณะที่พวกมันอยู่ในสถานการณ์เป็นตายได้หรือไม่ คำนึงด้วยว่าปราณวิญญาณและวิญญาณของพวกมันก็จะ…”
และในขณะที่เขากล่าว ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ยังคงพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นด้วยของเขา
เวลานี้ดวงตาของผู้อาวุโสเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและอบอุ่น
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็กังวลเช่นกัน…
เขากังวลว่าฐานพลังของหลี่ฉางโซ่วจะต่ำเกินไป และตื้นเขินเกินไปจนไม่อาจใช้ยาพิษได้อย่างมีผล และจบลงด้วยการสูญเสียเม็ดยาที่เขาหลอมออกมาอย่างยากเย็นด้วยความระมัดระวังเหล่านี้ไปโดยเปล่าประโยชน์
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพลันตระหนักว่า…ศิษย์คนนี้ของเขาเข้ากันได้กับแขนงพิษมากกว่าตัวเขาเองมาก!
หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วแนะนำไปอีกสองสามคำ เขาก็กล่าวว่า “หากท่านไม่แน่ใจ ท่านสามารถฆ่าปีศาจใหญ่เหล่านั้นก่อนได้ขอรับ ข้ามีไข่มุกสะกดวิญญาณที่สามารถค้นหาความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์และหาที่มาของพวกมันได้ขอรับ”
“ถ้าหากผู้บำเพ็ญมนุษย์เหล่านี้โจมตี มันจะไม่สายเกินไปที่เราจะฆ่าพวกมัน อย่างไรก็ตาม พวกมันเป็นเพียงปีศาจ และเราก็สามารถฆ่าพวกมันได้ทันที”
“ดี!”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเห็นด้วย หลังจากครุ่นคิดในใจ เขาก็ตัดสินใจจะใช้กำลังอย่างเต็มที่
และทันใดนั้น ผู้อาวุโสก็ยกไม้เท้าทองสัมฤทธิ์ขึ้นจากพื้นแล้วชี้ขึ้นไปทางด้านบน จากนั้นหมอกพิษสีเขียวหนาแน่นก็พวยพุ่งแพร่กระจายออกมาจากพื้นดินและเข้าไปในร่างของปีศาจที่ถูกวางยาจนมึนงงเอาไว้
ไม่นานหลังจากนั้น ปีศาจใหญ่เหล่านี้ก็เริ่มตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ในตอนแรก หลี่ฉางโซ่วยังคงรู้สึกกังวลเล็กน้อย ทว่าในท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้ทำมันเอง หากไม่มีค่ายกลใดที่จะกำราบมันได้ เขาก็จะเสียเวลามากเกินไป ในขณะที่ไม่มีวิธีสำรองอื่นใดซ่อนเอาไว้ และบางที อาจมีวิญญาณปีศาจหนึ่งหรือสองดวงที่หลบหนีออกไปได้จริงๆ…
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ตกใจเช่นกัน
จอมพิษเซียนเทียนช่างทรงพลังอะไรเช่นนี้!
มันเป็นพิษร้ายแรงที่สามารถทำลายปราณวิญญาณของปีศาจเซียนเทียนได้!
ไม่นานนักปีศาจใหญ่ทั้งหมดในที่แห่งนี้ก็เปิดเผยร่างที่แท้จริงของพวกมันออกมาในขณะที่มีผู้บำเพ็ญระดับสูงสองสามคนโบกมือสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และในขณะนั้น ลมปราณของพวกมันพลันหายไป แต่พลังปีศาจของพวกมันยังเต็มอยู่
ทว่าเมื่อผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกำลังจะออกไป หลี่ฉางโซ่วก็หยุดผู้อาวุโสเอาไว้อีกครั้ง
และนี่เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน…
เหตุใดผู้อาวุโสท่านนี้จึงพยายามจะออกมาจากพื้นดินอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่เขาสามารถทำทุกอย่างอยู่ที่ใต้ดินได้!
“ฉางโซ่ว พวกเราจะยังไม่ไปหรือ”
ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านมีเพลิงสมาธิแท้หรือเพลิงแท้ที่ทรงพลังกว่า แค่เผาพวกมันทิ้งจากที่ไกลก่อนขอรับ”
ว่านหลินหยุนจึงกล่าวว่า “ข้ามีแน่นอน ข้ามีเพลิงกลั่นวิญญาณหมื่นพิษ มันทรงพลังเหนือกว่าเพลิงสมาธิแท้”
ทันใดนั้นชายชราร่างผอมบางก็ทำตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว แล้วปล่อยเปลวเพลิงลงไปในใต้ดินทันที…
บัดนี้ หากมีคนเฝ้าดูค่ายกลนี้จากฟากฟ้า พวกเขาก็อาจจะได้เห็นเรื่องราวสยองขวัญอันยิ่งใหญ่ได้
แล้วร่างที่ซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ก็หมดสติไปอย่างเงียบๆ และปีศาจเหล่านั้นก็ค่อยๆ ถูกหมอกพิษห่อหุ้มจนกลืนไปกับมัน และไม่นานร่างกายของพวกมันก็กระตุกและตายไปอย่างรวดเร็วอย่างปราศจากการดิ้นรนใดๆ…
หลังจากนั้น ก็มีกองไฟสีเขียวปรากฏขึ้นบนพื้น และกลืนกินซากศพของปีศาจเหล่านี้จนกลายเป็นกองขี้เถ้า…
ตั้งแต่ต้นจนจบ ปีศาจเหล่านี้ไม่ได้ต่อสู้ใดๆ เลย พวกมันล้วนจากไปอย่างสงบ…
ผู้ที่ถูกวางยาเหล่านั้นไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย
กระทั่งขณะนี้ ในที่สุดก็มีร่างหนึ่งปรากฏออกมาจากพื้นดิน
นางเป็นสตรีสาวในชุดยาว ถือไข่มุกอยู่ในมือและเดินผ่านกองขี้เถ้าเหล่านี้เข้ามา
ไข่มุกสะกดวิญญาณได้ดึงวิญญาณที่เหลือ และค้นหาเศษเสี้ยวความทรงจำ…
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีหมอกหนาพวยพุ่งออกมาจากพื้นดิน แล้วกวาดล้างปราณวิญญาณของผู้บำเพ็ญมนุษย์เหล่านั้น
เปลวไฟลุกโชนไปทั่ว และภายในค่ายกลอำพรางนี้…บัดนี้ ก็เต็มไปด้วยสีเขียว
จากนั้นสตรีสาวก็เดินไปมาในขณะที่ไข่มุกสะกดวิญญาณหมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว…
ทันใดนั้น ลำแสงสีเลือดเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากไฟสีเขียว จากนั้นก็พุ่งตรงไปที่สตรีสาว ทิ่มแทงลำคอของนางกะทันหัน
สตรีสาวคนนั้นเอียงศีรษะและหันไปมองแสงสีเลือดเจิดจ้าก่อนจะตบมันลงไปเบาๆ ทันที
ตุบ!
แล้วยุงดำปีกโลหิตก็ถูกสตรีสาวผู้นั้นตบเบาๆ จนตาย
และในขณะที่ลำแสงสีเลือดเจิดจ้าอีกสายหนึ่งกำลังจะโบยบินผ่าน มันก็ถูกเปลวเพลิงแท้กลืนกินและแผดเผาจนกลายเป็นกองเลือดในทันที
ยุงตัวนั้นไม่ใช่ยุงจริง ดูเหมือนว่า มันจะก่อตัวขึ้นจากเลือดที่ควบแน่นและประกอบเข้าด้วยกันด้วยทักษะเวท
…
ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงซึ่งสวมชุดคลุมสีเลือดก็ได้ลืมตาขึ้นในถ้ำหินใกล้ภูเขาหลิงซานในดินแดนเทวะประจิม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
ข้าสะสมหุ่นเชิดมาระยะหนึ่งแล้ว หนึ่งในสามของพวกมันจะถูกทำลายไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีเสียงใดๆ เลยได้อย่างไรกัน
เนื่องจากนางอยู่ไกลเกินไป ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจึงใช้เวลานานกว่าจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…สตรีสาวคนนั้นเป็นผู้ใดกัน
เหตุใดข้าจึงไม่พบปราณวิญญาณของนางเลย
เป็นไปได้หรือไม่ว่า มีปรมาจารย์บางคนถูกจัดการไปแล้ว
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงหรี่ตาลง และรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ความเสียหายเกิดขึ้นโดยที่นางไม่ทันระวังตัว
อย่างไรก็ตาม ผู้บำเพ็ญที่สำคัญที่สุดสามคนของเกาะเต่าทองไม่ได้รับผลกระทบเพราะพวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังดอกบัวโลหิต และแผนของพวกเขาก็ยังไม่ได้ล้มเหลวลงอย่างสมบูรณ์
ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงยังคงหลับตาเพื่อสัมผัสถึงค่ายกล ทว่านางไม่อาจ ‘เห็น’ ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในค่ายกลได้อีกต่อไป
และบัดนี้ หุ่นเชิดก็ล้วนตายไปหมดแล้ว
…
ภายในป่า ดินแดนเทวะบูรพา
ใต้ดิน
ในขณะที่จับแสงสีเลือดนั้นได้ หลี่ฉางโซ่วและว่านหลินหยุนต่างก็มองหน้ากันและสบสายตากันทันที…
บัดนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็คิดค่อนข้างเรียบง่ายพลางถอนหายใจในใจ
“โชคดีที่ฉางโซ่วระวังตัวมาก หากเราถูกซุ่มโจมตี สำนักตู้เซียนย่อมจะตกอยู่ในอันตราย!”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วกลับครุ่นคิดมากขึ้น…
ยุง?
ยุงสามารถควบคุมจิตใจคนได้หรือไม่
มียุงที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ในโลกบรรพกาลหรือไม่
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…ในช่วงมหันตภัยครั้งใหญ่ของเหล่าทวยเทพ กุ้ยหลิงเซิ่งหมู่ ได้ดูดกินศิษย์ชั้นในของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ยังมีจินเหลียนระดับสิบสอง และยุงดำปีกโลหิตระดับสามอีก!?!
นางเป็นตัวการใหญ่จริงๆ หรือ
โลกบรรพกาลช่างอันตรายจริงๆ!
“ท่านผู้อาวุโส อย่าออกไปขอรับ ใช้เพลิงแท้เผาสถานที่แห่งนี้ด้วยเถิดขอรับ”
“ได้แน่นอน!”
และในขณะนั้น เปลวเพลิงสีเขียวน่ากลัวก็ลุกโชติช่วงเต็มไปในอากาศ กลืนกินต้นไม้ไปทั่ว
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ภายในค่ายกลก็ถูกกวาดล้างทั้งหมด ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย ในขณะที่พื้นดินแห้งแล้ง และไม่เห็นใบหญ้าแม้แต่ใบเดียว
ร่างสองสามร่างโผล่ออกมาจากพื้นดิน พวกเขารีบใช้พลังศักดิ์สิทธิ์รวมขี้เถ้าทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
พวกเขายังเก็บสมบัติและอาวุธเวทที่เหลืออยู่ทั้งหมดและเผาทั้งหมดนั้นลงในถุงเก็บสมบัติสองสามใบพร้อมกับสมบัติอื่น ๆ
จากนั้น หนึ่งในนั้นก็ถือปลาไม้และเคาะมันเบาๆ ในขณะที่พวกที่เหลือก็เริ่มท่องพระสูตร
และในใต้ดินนั้น ว่านหลินหยุนก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ฉางโซ่ว นี่เจ้ากำลังทำอะไรอีก”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่องพระสูตรเพื่อความยุติกรรม หากมีเศษวิญญาณที่ไข่มุกสะกดวิญญาณไม่อาจดูดซับได้หมด ข้าจะส่งพวกเขาไปยังนรกเพื่อกลับชาติมาเกิดใหม่และหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตขอรับ”
“หลังจากนี้ ท่านผู้อาวุโส ท่านโปรดลงมืออีกครั้งเพื่อทำลายขี้เถ้าที่เหลือเหล่านี้ก่อนที่มันจะกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกหนแห่ง แล้วฝังพวกมันเอาไว้ในที่ที่ควรจะเป็น เมื่อเกิดจากธุลีก็ให้คืนกลับสู่ธุลีดังเดิมขอรับ”
“การฝึกบำเพ็ญเกี่ยวกับการรับพลังแห่งสวรรค์และปฐพี ปล่อยให้พวกเขากลับคืนสู่ธรรมชาติหลังจากที่พวกเขาตาย เช่นนี้ก็ถือว่าสอดคล้องกับเต๋าของสำนักตู้เซียนของเราขอรับ”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
และทันทีที่การสวดมนต์หยุดลง เซียนพิษก็โบกสะบัดเสื้อคลุมเต๋าของเขาใต้พื้นดิน แล้วกองขี้เถ้าขนาดใหญ่ก็ลอยขึ้นและตกลงไปในส่วนต่างๆ ทั่วทุกหนแห่งในค่ายกลนี้
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจเบาๆ ในใจ
สมบูรณ์แบบ…
ทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้ทำเอง…
แต่ความรู้สึกแห่งความสำเร็จยังคงอยู่…
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกะพริบตา “สมบูรณ์แบบ? เจ้าหมายถึงอะไรหรือ”
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “โอ้ ข้าหมายความว่าเราไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วขอรับ”
จากนั้นเขาก็รีบนำจี้หยกในมือออกเพื่อหยุดการสื่อสารผ่านจิตและความคิดของเขา
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงกระบวนการทั้งหมดที่พวกเขาทั้งสองคนฆ่าศัตรู ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็รู้สึกมีอารมณ์พุ่งสูงขึ้นในหัวใจของเขาขณะมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว…
เขายิ่งชอบหลี่ฉางโซ่วมากขึ้นไปอีก
จากนั้น ร่างเหล่านั้นก็เจาะลงไปที่พื้นและกลายเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งหลี่ฉางโซ่วเก็บไว้ในถุงเก็บสมบัติเปล่า
เมื่อกลับไปแล้ว เขาต้องฆ่าเชื้อมันก่อนที่จะใช้มันต่อไป…
เขาไม่กล้าดูถูกพิษของท่านผู้อาวุโสว่าน หลินหยุน
“ท่านผู้อาวุโส กลับกันเถิดขอรับ ทิ้งสิ่งเหล่านี้และไข่มุกสะกดวิญญาณไว้ที่สำนักและปล่อยให้พวกเขาจัดการมันเอง”
“ดี”
“อีกอย่าง ท่านผู้อาวุโส ในคราวนี้ โปรดอย่าบอกผู้ใดว่าศิษย์อยู่ที่นี่ด้วยนะขอรับ…”
ครั้นแล้วเขาก็แนะนำทำเช่นนั้น เช่นนี้ ไปเรื่อยๆ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็พร่ำบอกผู้อาวุโสท่านนี้ไปตลอดทาง ตั้งแต่ขณะที่อยู่ใต้ดินจนพวกเขาแอบกลับมาที่สำนักตู้เซียน…