ในเวลานี้ ผู้บำเพ็ญสามคนจากเกาะเต่าทอง ซึ่งซ่อนลมปราณของพวกเขาเอาไว้พลันระเบิดพลังกดดันระดับเซียนจินของพวกเขาออกมา!
บัดนั้นในสำนักตู้เซียน เจ้าสำนักและมีลมปราณของเซียนจินอีกคนก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อตอบโต้!
หลี่ฉางโซ่วแอบสังเกตเห็นว่ามีลมปราณอีกสายหนึ่งของเซียนจินภายในสำนักกำลังพุ่งออกมาจากหอพระสูตรเต๋า
นั่นคือ…
ผู้อาวุโสฉีหลิง?
เฮ้ นามเต๋าของเขาแปลกจริงๆ!
และก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะคิดอะไรได้มากกว่านี้ จู่ๆ ก็เกิดเสียงคำรามดังก้องมาจากยอดเขาต่างๆ
ทันใดนั้นบนภูเขาสูงสิบหกลูก ลำแสงสีต่างๆ สิบหกสายล้วนพุ่งขึ้นจากยอดเขา และกระแสพลังวิญญาณที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องนั้นก็ผสานเข้าสู่ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา!
ฉับพลันนั้น ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาก็ไม่เหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป มันเปลี่ยนจากพลังงานเบาบางและเรียบรื่นเป็นหนาขึ้น กว้างขึ้น และเต็มไปด้วยพลัง!
ในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีเมฆดำสองก้อนพุ่งผ่านเข้ามาอย่างดุเดือด ซึ่งความจริงแล้วความเร็วของพวกเขาจริงๆ…มันไม่ได้เร็วไปกว่าก่อนมากนัก
เขากำลังจะประจัญบานกับพวกเขาอย่างเต็มกำลัง!
เนื่องจากเขาค้นพบร่องรอยของศัตรูได้ทันเวลา สำนักตู้เซียนจึงเริ่มจัดเตรียมกองกำลังตามแผน
ในขณะนั้น เซียนเสิ่นและเซียนเทียนของยอดเขาต่างๆ เริ่มรวมตัวกัน มุ่งตรงไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ จากนั้น พวกเขาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มบินไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ และด้านนอกยอดเขาตามลำดับ
เซียนหยวนรวมตัวกันบนยอดเขาพิชิตสวรรค์ และเริ่มเตรียมสร้างค่ายกล
ในเวลานี้ บรรดาศิษย์ของยอดเขาต่างๆ ล้วนถูกพาไปที่หอไป่ฝานบนยอดเขาพิชิตสวรรค์
ขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าได้พาศิษย์ของยอดเขาพิชิตสวรรค์สองสามคนมาช่วยนำทางและชี้แนะบรรดาศิษย์ที่ไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ให้ไปรวมตัวกันที่หน้าหอไป่ฝานอย่างเป็นระเบียบ
บัดนี้ ไม่ต้องวิตกกังวลและให้รีบหนีไปทันที
ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาเป็นปราการแรก
ปรมาจารย์ภายในสำนักเป็นปราการที่สอง
หากสถานการณ์การต่อสู้ไม่เอื้ออำนวยและต้องจบลงด้วยความตาย บรรดาศิษย์เหล่านั้นและเซียนเสิ่น บางส่วนจะถูกส่งไปใต้ดินและย้ายออกไปจากพื้นที่ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายชีพจรปฐพี…
ในเวลานี้ บรรดาเซียนในสำนักตู้เซียนส่วนใหญ่ล้วนสับสนเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้ว่าเหตุใดถึงถูกศัตรูที่ทรงพลังโจมตีอย่างกะทันหัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะไม่ยอมทิ้งชีวิตของพวกเขาอย่างแน่นอน!
บัดนี้บรรดาเซียนในสำนักตู้เซียนไม่เหลือรอยยิ้มเมตตาและใจดีตามปกติของพวกเขาอีกแล้ว
พวกเขากัดฟันและจ้องไปยังศัตรูที่ไม่รู้ที่มา ซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาจากระยะไกลและรบกวนการฝึกบำเพ็ญที่เงียบสงบของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาที่มองศัตรูล้วนเต็มไปด้วยความเดือดดาลและหัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยโทสะเช่นกัน
แม้บางคนจะดูตื่นกลัวและวิตกกังวล แต่ในตอนนี้ ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่จากสำนักตู้เซียนก็ยังสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้…
ในเวลานี้ บนยอดเขาหยกน้อย
ชั้นต่างๆ ของค่ายกลที่หลี่ฉางโซ่วจัดวางเอาไว้ได้เปิดใช้งาน และมันได้กลายเป็นสถานที่อันตรายแล้ว
ในทางกลับกัน หลิงเอ๋อร์กำลังแบกตุ๊กตากระดาษมนุษย์หมายเลขสามเอาไว้บนไหล่ของนาง นางแบกท่านอาจารย์ของนางที่สลบไปแล้ว จากนั้นจึงใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อสัมผัสเส้นชีพจรปฐพีอย่างช้าๆ…
ดูเหมือนว่านางกำลังแบกอนาคตของ ยอดเขาหยกน้อยเอาไว้บนบ่าบอบบางของนาง!
ในเวลานี้ นางก็ยังเปลี่ยนนิสัยขี้เล่นที่เคยมีตามปกติไปด้วย ดวงตาของนางกะพริบอย่างต่อเนื่อง และระดับความตื่นตัวของนางก็สูงกว่าคนทั่วไปมาก
และที่มุมหนึ่งของชั้นวางหนังสือในหอโอสถที่ว่างเปล่า กล่องไม้ไผ่ถูกผลักเปิดออก และตุ๊กตากระดาษอีกตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ซึ่งมีคำว่า ‘แยกสวรรค์’เขียนอยู่บนหลังของมัน
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กระโดดลงบนพื้นและแกว่งตัวไปมาก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นนักพรตเต๋าชราฉีหยวน เขาถือป้ายหยกควบคุมค่ายกลสามอันเอาไว้ในมือ
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วยังคงทิ้งจิตเอาไว้เล็กน้อยที่นี่เพื่อสังเกตการต่อสู้ภายสำนัก
หลังจากนั้น เขาได้ทำงานหลายอย่างพร้อมกันและนำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ปฐพี สองตัวคือ หมายเลขสามและหมายเลขห้าซึ่งเดิมควบคุมค่ายกลพิษเอาไว้ ออกจากลำต้นไม้และสระน้ำที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้
พวกเขายังต้องทำงานให้เสร็จ
การกระทำของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองนั้นเกือบจะเหมือนกันอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษต้นกำเนิดกระโดดออกมาจากแขนเสื้อแต่ละข้างของพวกมัน
หลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อไปยังจุดที่ค่ายกลพิษระเบิด
มีตุ๊กตากระดาษสี่ตัวอยู่ทั้งสองฝ่าย พวกมันแปลงร่างเป็นชายและหญิงต่างวัยกัน และโบยบินไปข้างหน้าตามหลังตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองไปอย่างใกล้ชิด….
หลี่ฉางโซ่วไม่สามารถเพิกเฉยต่อซากศพของสหายของเขาได้
นอกจากซากศพแล้ว ตุ๊กตากระดาษก็เริ่มจัดการกับหมอกพิษที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง พวกเขาไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นและก่อให้เกิดกรรมใหม่
พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องสภาพแวดล้อมเดิม
ในทั้งสองทิศทาง มีตุ๊กตากระดาษต้นกำเนิดทั้งหมดแปดตัวที่ทำงานหนัก ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองมีเพียงพลังทักษะเวทของหลี่ฉางโซ่ว ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและไม่กล้าแสดงใบหน้าของพวกเขา…
เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องจับตาดูการไล่ยุงอย่างใกล้ชิด!
ตุ๊กตากระดาษสองกลุ่มที่มีแปดตัวนี้ มีการแบ่งงานที่ชัดเจน พวกมันทำงานร่วมกันได้ดีและการเคลื่อนไหวก็มีประสิทธิภาพและมั่นคง
พวกมันใช้ถุงเก็บสารพิษ เพื่อรวบรวมพิษที่แพร่กระจายและแทรกซึมไปทุกหนทุกแห่ง
พวกมันทำลายค่ายกลพิษ ที่ไม่เคยเปิดใช้งานมาก่อน
พวกมันรวบรวมศพทั้งหมด นำสมบัติและอาวุธเวทที่เก็บไว้บนร่างของอีกฝ่ายออกไป…
และเมื่อผ่านไปครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีสายฟ้าร้องคำรามดังก้องอยู่ด้านนอกของสำนักตู้เซียน
ที่ด้านนอกค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา ขณะนี้ เซียนจินทั้งห้าได้เริ่มต่อสู้กันแล้ว และผลพวงที่ตามมาของการต่อสู้ก็ทำให้ส่วนเล็กๆ ของโลกเปลี่ยนสีไป
เจ้าสำนักตู้เซียนกำลังต่อสู้กับคนสองคนจากทางตะวันตกเฉียงใต้ ในขณะที่ผู้อาวุโสฉีหลิงกำลังสกัดกั้นเซียนจินที่เป็นศัตรูอีกคนจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ และป้องกันไม่ให้ปรมาจารย์เซียนจินทั้งสามคนเข้าไปใกล้ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของสำนักตู้เซียน
ในขณะนั้น แสงทุกประเภทจากสมบัติต่างผสมผสานในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างโจมตีกัน!
อย่างไรก็ตาม นอกค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา เหล่าเซียนเทียนที่ดุร้ายได้เริ่มโจมตีกำแพงค่ายกลแล้ว…
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้สนใจเรื่องนี้และยังคงยุ่งอยู่กับงานของเขาต่อไป
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘สวรรค์’ ที่จะปรากฏตัว ยังมีกระบวนการที่ยาวนานสำหรับอีกฝ่ายในการโจมตีค่ายกล
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองฝ่ายต่างเร่งเพิ่มความเร็ว และในที่สุดก็รวบรวมศพที่ถูกทิ้งไว้ก่อนที่ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาจะถูกทำลาย แล้วพวกเขายังทำความสะอาดไอพิษที่แทรกซึมอยู่บริเวณนั้นอีกด้วย
หลังจากนั้น ก็โยนสองฉัตรเปลี่ยนสวรรค์ขึ้นไปในอากาศ และเปิดค่ายกลแยกตัวสองชุด
ตุ๊กตากระดาษสี่ตัวต่างขว้างไข่มุกสะกดวิญญาณออกมา และค้นหาวิญญาณที่เหลืออย่างเข้มข้น จากนั้นก็นำปลาไม้ ระฆังทองสัมฤทธิ์ ลูกตุ้ม และแตรออกมา ตามลำดับ
ผู้ที่เคาะปลาไม้ท่องพระสูตรแห่งการหลุดพ้น
ผู้ที่ตีลูกตุ้มสวดมนตราขจัดภัยพิบัติ
ผู้ที่ตีระฆังทองสัมฤทธิ์ สวดมนตราแห่งความตาย
ตุ๊กตากระดาษสองตัวที่ถือแตรยกมือขึ้นและสาดเปลวเพลิงสมาธิแท้ออกไป ทำให้ปีศาจ มนุษย์ และซากวิญญาณสว่างไสว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเริ่มบรรเลงเพลงเศร้า…
ต่อจากนี้ไป หลังการต่อสู้ นอกจากจะเกินขีดจำกัดอย่างแรงแล้ว ข้ายังจะต้องรวมบริการจัดงานศพให้ด้วย!
ขณะนี้ เซียนจินทั้งห้ากำลังต่อสู้อยู่ใกล้สำนักตู้เซียน พวกเขาสาดลำแสงออกไปจนเป็นประกายทั่วแผ่นฟ้าและแผ่นดินก็สั่นสะเทือน
หลี่ฉางโซ่วแอบสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากรอสักครู่ ศพทั้งสองฝ่ายก็ถูกเผาไปแล้ว ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษอ่านพระคัมภีร์เสร็จแล้วก็ทิ้งขี้เถ้าสีดำสองกองเอาไว้บนพื้น
และคราวนี้ ตุ๊กตากระดาษสี่ตัวก็รวมพลังพร้อมกันแล้วเป่าเถ้าถ่านทิ้งไป…
ในช่วงเวลาเช่นนี้ เขาทำได้เพียงสละพิธีกรรมบางอย่างไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสมากมายที่จะทำได้ในระหว่างศึกครั้งนี้…
ตุ๊กตากระดาษทั้งแปดตัวทำความสะอาดร่องรอยของพวกมันและใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อขุดใต้ดิน แล้วกลับไปที่แขนเสื้อของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสอง
บัดนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองได้เสร็จสิ้นภารกิจอย่างเป็นทางการแล้ว และมุ่งหน้าไปยังที่ซ่อนก่อนหน้านี้ จากนั้นก็รอให้หลี่ฉางโซ่วเรียกคืนหรือทำลายพวกมัน
หากสำนักตู้เซียนยังคงแข็งแกร่ง พวกมันย่อมมีโอกาสถูกดึงให้กลับคืนมา มันไม่ง่ายเลยที่จะขัดเกลาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
และหากสำนักตู้เซียนไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ในครั้งนี้ พวกมันก็ไม่อาจอะไรทำได้ และพวกมันก็จะถูกทำลายโดยไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้ข้างหลังเท่านั้น…