ก่อนหน้านี้ ตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว เขาฆ่าปีศาจใหญ่จำนวนมากโดยรู้สึกว่ามันง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลยในขณะที่เขาใช้ยาพิษมากขึ้นอีกสองสามเม็ดเท่านั้น…
แต่ในระหว่างการต่อสู้นี้ ดูเหมือนว่า ทั้งยาพิษ ทักษะเวทพิษ และทักษะพิษของเขาจะอ่อนด้อยลงอย่างมาก…
รู้สึกต้องใช้กำลังมากและยากที่จะบรรลุได้
มันรู้สึกไม่ดีเท่ากับตอนที่เขาวางแผนต่อต้านศัตรูร่วมกับหลี่ฉางโซ่ว
แท้จริงแล้ว ฉางโซ่วไม่เพียงแต่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องพิษเท่านั้น แต่ศักยภาพในอนาคตของเขานั้นยังไร้ขีดจำกัดเช่นกัน
ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็โจมตีรุนแรงขึ้น
ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าหากเขาสามารถปกป้องสำนักในการต่อสู้ครั้งนี้ได้ เขาจะมอบคัมภีร์พิษที่เขาภาคภูมิใจที่สุดให้กับหลี่ฉางโซ่วเป็นรางวัลสำหรับคำเตือนลับของหลี่ฉางโซ่ว
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็รู้สึกว่ามีลมพัดเบาๆ พัดผ่านหู และจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย…
“ผู้อาวุโสว่านขอรับ นี่ศิษย์เอง ฉางโซ่วขอรับ”
“ผู้อาวุโส โปรดอย่ารำลึกถึงการต่อสู้ในอดีตจนหันเหความสนใจของท่านไป ท่านโปรดสังเกตสถานการณ์ทางทิศใต้จะเป็นการดีที่สุด หากทั้งสองฝ่ายถอยไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ด้วยกัน แล้วต่อจากนั้น เราจะใช้ค่ายกลป้องกันตัวเองของยอดเขาพิชิตสวรรค์ ซึ่งนั่นจะเป็นวิธีที่เหมาะสมในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตภายในสำนักขอรับ”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนแอบพยักหน้า แล้วสังเกตสถานการณ์รอบตัวเขาในเวลานี้ ก่อนจะตระหนักว่ามีเขาเพียงคนเดียวแล้ว
ไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสว่านหลินหยุนดุดันเกินไป แต่เพราะเซียนในสำนักเดียวกัน…ถอยกลับเร็วเกินไป
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงของเขาอีกครั้ง
“ท่านผู้อาวุโสไม่ต้องกังวลเรื่องศิษย์ ศิษย์จะเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพีร่วมกับศิษย์ของยอดเขาอื่นในภายหลัง ท่านผู้อาวุโส โปรดถนอมตัวด้วยนะขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
ทันใดนั้น ปีศาจสองสามตัวที่กำลังต่อสู้กับผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพลันตื่นตระหนกและรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ถอยกลับเช่นกัน โดยเข้าไปใกล้เหล่าเซียนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขามากขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้ เขามีความสุขเพียงเพราะรู้ว่า หลี่ฉางโซ่วปลอดภัย…
หลังจากจัดการรายละเอียดเล็กน้อยแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงแอบสังเกตสถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายอยู่
ในขณะนั้นเหลือเพียงไม่กี่ยอดเขาบนยอดเขาพิชิตสวรรค์
สัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วจับได้ว่า มีผู้อาวุโสเซียนเสิ่นซึ่งรับผิดชอบกิจการภายนอกของสำนัก ได้รับบาดเจ็บสองสามคน และพวกเขากำลังรีบมุ่งหน้าไปที่หอไป่ฝาน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการให้เหล่าศิษย์ออกไปก่อน…
ต่อไป ยอดเขาพิชิตสวรรค์จะกลายเป็นสนามรบแล้ว
แม้ว่าจะยังมีค่ายกลป้องกัน แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ยังไม่ได้เป็นเซียนก็มีขอบเขตพลังต่ำ หากพวกเขาไม่ระวัง หอไป่ฝานก็อาจต้องประสบกับการนองเลือดที่เกิดจากการปล่อยทักษะเวทรวมถึงอาวุธเวท
หนึ่งในผู้อาวุโสใหญ่สั่งให้ศิษย์ที่มีขอบเขตพลังต่ำหลบไปชั่วคราวก่อน ส่วนผู้อาวุโสเซียนเสิ่นที่ได้รับบาดเจ็บจะรับผิดชอบในการปกป้องศิษย์เหล่านี้ต่อไป
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงให้คำแนะนำเล็กน้อยแก่หลิงเอ๋อร์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้ค่ายกลเคลื่อนย้ายใต้ดินมาระยะหนึ่งแล้ว เขาบอกให้นางแอบเข้าไปในฝูงชนของบรรดาศิษย์ในภายหลังและจากไปพร้อมกับร่างหลักและอาจารย์ของพวกเขา
หลิงเอ๋อร์พยักหน้าทันทีเพื่อเผยให้เห็นว่านางเข้าใจ นางยังคงซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกของหินเงียบๆ รอให้บรรดาศิษย์กลุ่มใหญ่จากสำนักตู้เซียนปรากฏขึ้นมาก่อน
ส่วนร่างหลักของหลี่ฉางโซ่ว ในเวลานี้…
เมื่อสองเดือนก่อน เขาได้พบที่ซ่อนและซ่อนกายอยู่ภายในนั้นอย่างชาญฉลาดโดยไม่คิดที่จะย้ายไปอีกเลย
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีรูปรากฏขึ้นที่มุมของหอไป่ฝาน
และภายใต้การกระตุ้นอย่างต่อเนื่องของเหล่าผู้อาวุโส โหย่วฉินเสวียนหย่า จิ่วอู และบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ก็รีบเข้าไปในรูที่ถูกผลักลงไปในพื้นดินในแนวตั้งและบินลงไปที่พื้นใต้ดิน
เมื่อกลุ่มศิษย์มาถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพี หลิงเอ๋อร์ก็สบโอกาส แล้วเดินออกจากมุมไปพร้อมกับหลี่ฉางโซ่วเพื่อเข้าร่วมกับเหล่าศิษย์
กระบวนการนี้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ และศิษย์น้องหญิงของเขาก็ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนอีกครั้ง
เมื่อโหย่วฉินเสวียนหย่ามาถึงและเห็นหลี่ฉางโซ่ว และหลิงเอ๋อร์ นางก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
นางถือยันต์หยกและเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพี
ทันใดนั้น ที่ด้านล่างของถ้ำใต้ดิน มีจานเวทขนาดกว้างร้อยจั้งที่มีลวดลายซับซ้อนปรากฏขึ้น และดูเหมือนจะมีเสียงคำรามของมังกรดังมาจากใต้แผ่นจานเวท…
ผู้อาวุโสจากหอไป่ฝานร้องตะโกนว่า “เร็วเข้า เข้าไปในค่ายกลทีละห้าสิบคน!”
“เสวียนหย่า เจ้ากับผู้อาวุโสเก่อจะเป็นผู้นำทางไปด้วยกัน! ค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่ในหุบเขาทางทิศตะวันออก!”
โหย่วฉินเสวียนหย่ารับคำและดำเนินการตามคำสั่งทันที นางนำศิษย์ที่อยู่ใกล้กับค่ายกลที่สุด เข้าไปในจานเวทค่ายกล จากนั้นร่างของนางก็จมลงไปเล็กน้อยและหายตัวไปในพริบตา!
เส้นชีพจรปฐพี ความจริงแล้วก็เทียบเท่ากับ ‘เส้นเลือดฝอย’ ของเทพผานกู่
ค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพีสามารถอนุญาตให้ผู้บำเพ็ญเคลื่อนที่ไปตามเส้นชีพจรปฐพีโดยเคลื่อนที่ไปได้ในสองทิศทางที่แตกต่างกัน
ในเวลานี้ ศิษย์ของสำนักตู้เซียนไม่ได้ตื่นตระหนก บางคนถึงกับเริ่มไปอยู่ด้านหลังและปล่อยให้ศิษย์ที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อยก้าวออกไปข้างหน้าก่อน…
การอพยพทั้งหมดเป็นไปอย่างมีระเบียบ และหลิงเอ๋อร์ก็ยังได้รับการดูแลจากผู้อาวุโสหลายคนจากยอดเขาอื่นๆ เช่นกัน และแล้วกลุ่มที่สามก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไป
หลี่ฉางโซ่วปล่อยให้เสี้ยวสัมผัสเซียนรับรู้ของเขามากับศิษย์น้องหญิงของเขาตลอดเวลา และด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
ศิษย์รุ่นเยาว์ส่วนใหญ่อพยพออกไป และในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าเซียนของสำนักตู้เซียนก็ได้ถอยกลับไปยังบริเวณใกล้เคียงของยอดเขาพิชิตสวรรค์
ในขณะนั้น แนวรบส่วนหน้าถูกดึงแยกออกจากกัน ขณะที่ค่ายกลของยอดเขาหลักยังไม่ได้เปิดใช้งาน
เหล่าเซียนเทียนของสำนักตู้เซียนมีท่าทีหดหู่ใจ ในขณะหุ่นเชิดยุงมุ่งความสนใจไปที่เหล่าปรมาจารย์ใหญ่เซียนเทียนสองสามคนของสำนักตู้เซียนแล้ว!
และหลี่ฉางโซ่วก็กำลังรอคอยช่วงเวลานั้นอยู่!
“กองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ โจมตี!”
ใกล้กับยอดเขาพิชิตสวรรค์ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สี่ตัวปรากฏขึ้นมาโดยโผล่ร่างออกมาจากดินครึ่งร่างอย่างเงียบๆ ในหุบเขาทั้งสองระหว่างภูเขา
จากนั้น ก็มีตุ๊กตากระดาษขาวตัวเล็กกระโดดออกมาจากแขนเสื้อและตะเข็บเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ก็จมลงสู่พื้นใต้ดินทันที
มีตุ๊กตากระดาษยี่สิบตัวในแต่ละด้านของหุบเขาแม่น้ำทางทิศเหนือและทิศใต้ พวกมันกระจัดกระจายไปรอบๆ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่อย่างรวดเร็ว…
จำนวนตุ๊กตากระดาษนี้ถึงขีดจำกัดแล้วที่หลี่ฉางโซ่วจะสามารถถ่ายทอดคำแนะนำของเขาเพื่อควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ซึ่งนอกจากนี้ มันยังอยู่ได้ไม่นานอีกด้วย…
ตุ๊กตากระดาษสี่สิบตัวกลายเป็น ‘กองทัพเซียน’ สี่สิบคนในชุดเกราะสีฟ้าอ่อน
พวกเขาทั้งหมดล้วนมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันและดูไม่แข็งแกร่ง แต่การป้องกันของพวกเขาสมบูรณ์แบบ แต่ละคนถืออาวุธเวทธรรมดาๆ ไว้บนหลัง ซึ่งเป็นคันธนูยาว และถือลูกธนูพิเศษเอาไว้ด้วย
คันธนูยาวเหล่านั้นมีข้อจำกัดพื้นฐานบางประการเท่านั้น และพวกมันไม่ถือว่าเป็นสมบัติด้วยซ้ำ
พวกมันรีบวิ่งไปที่ป่าข้างหน้า และเมื่อมาถึงที่ซ่อนที่หลี่ฉางโซ่วเคยพบ พวกมันก็ดึงสายคันธนูยาวจนสุดสาย
บนลูกศรมีลวดลายเส้นสายซับซ้อนที่ส่องสว่างขึ้นมาทันที!
‘ศรพิษสวรรค์เงียบ’ อาวุธเวทที่พัฒนาขึ้นเองสามารถส่งผลเป็นวงกว้าง จะให้ความแม่นยำสูง และปล่อยผงพิษจำนวนมากได้ในทันที!
ในการฆ่าศัตรู ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะเวทหรืออาวุธเวท แต่เราควรเพิ่มความได้เปรียบของเราให้สูงสุดแทน
ร่างกายที่ฝึกฝนจนแข็งแกร่งและแข็งแรงทั้งตัวก็ยังไม่อาจเทียบกับอิฐได้
ปล่อย!
ในมุมมืดและแคบ เมื่อหลี่ฉางโซ่วดีดนิ้วของเขา ฉับพลันนั้น สายคันธนูยาวสี่สิบคันก็สั่นสะเทือนพร้อมกันทันที!
ทันใดนั้น ลูกศรเวทก็ถูกปล่อยออกไปอย่างเงียบๆ ด้วยความเร็วที่รวดเร็วและเงียบเชียบ จากด้านหลังกองทัพศัตรู พวกมันพุ่งไปยังที่ซึ่งหุ่นเชิดยุงกำลังรวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด…