ตอนที่ 158 หลิงเอ๋อร์ขอการสนับสนุนให้ศิษย์พี่ก่อนจากไป (2)
วันนี้ศิษย์สี่สิบแปดคนมารวมตัวเรียงแถวตามตำแหน่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยที่มุมห้องโถงกันอีกครั้ง
โหย่วฉินเสวียนหย่า และศิษย์แปดอันดับแรกของสำนักนั่งบนเบาะในแถวแรก
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ในมุมหนึ่งและพร้อมที่จะรับภารกิจที่ผู้อาวุโสจะมอบหมายให้เขา…
ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อนๆ เช่นกัน
ผู้อาวุโสเก่อ ผู้อาวุโสอันดับหนึ่งซึ่งดูแลกิจการภายในของสำนัก มาถึงพร้อมกับผู้อาวุโสเซียนเทียนสองสามคน ทั้งหมดนั่งลงตรงข้ามกับบรรดาศิษย์พร้อมเผยรอยยิ้มเมตตาออกมา
ผู้อาวุโสเก่อกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “งานที่มอบหมายให้ไปเตรียมการก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร? เอาพวกมันทั้งหมดออกมา”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” บรรดาศิษย์ต่างพยักหน้ากันทีละคน พวกเขาล้วนหยิบกล่องไม้สี่เหลี่ยมกว้างออกมาจากคลังเวทจัดเก็บ ซึ่งมีลักษณะเป็นปิ่นปักผม แหวน เข็มขัด และจี้หยก จากนั้นก็หยิบม้วนภาพวาดออกมา
พวกเขาแต่ละคนล้วนคลี่เปิดม้วนภาพ แต่ภายในนั้นกลับพบว่าเต็มไปด้วยถ้อยคำต่างๆ
จากนั้นผู้อาวุโสเก่อก็กล่าวว่า “เสวียนหย่า มาตรวจสอบดูทีว่าพวกเขาได้คัดลอก ‘หลักการของศิษย์’ ถึงสามสิบหกจบหรือไม่”
“เจ้าค่ะ” โหย่วฉินเสวียนหย่าตอบอย่างจริงจังก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปมาเพื่อตรวจงานของสหายศิษย์ร่วมสำนัก
ในไม่ช้า โหย่วฉินเสวียนหย่าก็รายงานว่า “ถึงสามสิบหกจบแล้วเจ้าค่ะ”
“ดี” ผู้อาวุโสเก่อพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับกล่าวว่า “เนื้อหาของ ‘หลักการของศิษย์’ ชุดนี้ดีมาก มีมาตรการรับมือมากมายให้จัดการเมื่อพบกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งพวกเจ้าต้องจดจำเอาไว้ตลอดเวลา ในอีกสามเดือนข้างหน้า พวกเจ้าจะต้องเดินทางติดตามเจ้าสำนัก ผู้อาวุโส และผู้บริหารดูแลสำนักไปที่สำนักจินกงในดินแดนเทวะมัชฌิมา ข้าจะไม่พูดซ้ำในสิ่งที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้ เรามาต่อจากจุดที่ค้างไว้ในบทเรียนครั้งก่อนแล้วกัน ท่านผู้อาวุโสโปรดชี้แจงสามบทสุดท้ายของ ‘หลักการของศิษย์’”
จากนั้นบรรดาศิษย์ต่างก็ก้มศีรษะตอบรับในขณะที่เหล่าผู้อาวุโสสลับกันอธิบายรายละเอียดของเนื้อหามากกว่าสามพันคำในส่วนครึ่งหลังของ ‘หลักการของศิษย์’ ทีละคน
หลี่ฉางโซ่วถึงกับชะงักงัน
แน่นอนว่า เขาสัมผัสได้ว่าสำนักให้ความสำคัญต่อการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าในครั้งนี้มากเพียงใด
แต่ในบทเรียนนั้น เป็นเพียงประสบการณ์เล็กน้อยของเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตีความให้มากเกินไป
เรื่องนี้สิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกทำอะไรไม่ถูกที่สุดก็คือ เหล่าผู้อาวุโสต้องการให้เขาอ่านทำความเข้าใจและเขียนงานสะท้อนการใคร่ครวญในงานของตัวเขาเองหลังจากนั้น…
ประเด็นที่สำคัญก็คือ เขามักถูกวิจารณ์ว่าตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่งจะทำให้เขาผ่านได้ยากมาก
ในศาลาที่อยู่ด้านข้างกรงสัตว์วิญญาณบนยอดเขาหยกน้อย…
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากไปในดินแดนเทวะมัชฌิมาด้วยกันจริงๆ หรือ?”
ในขณะนั้น จิ่วจิ่วถือน้ำเต้าสุราขณะนั่งอยู่บนเตียงข้างหน้าต่างพลางหันไปมองป่าด้านนอกแล้วถามอย่างจริงจัง
หลิงเอ๋อร์ที่กำลังทำความสะอาด จัดเก็บชามและตะเกียบด้านข้างพลันแย้มยิ้มพร้อมกับพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ฐานพลังปราณของข้าต่ำเกินไป ข้าจะฝึกบำเพ็ญอย่างสงบสุขอยู่บนภูเขาเจ้าค่ะ”
“ก่อนหน้านี้มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งอยากแนะนำให้เจ้าได้ไปเข้าร่วมการประชุม แล้วไยเจ้าจึงปฏิเสธเขาเล่า?”
หลิงเอ๋อร์ยิ้มโดยไม่เอ่ยวาจาใดขณะรีบกำจัดหลักฐานการกระทำผิดของนาง และเรียกธารน้ำพุวิญญาณมาล้างมืออย่างรวดเร็ว
จิ่วจิ่วไม่เอ่ยถามเพิ่มเติมอีก แล้วนอนหาวอยู่ที่นั่นก่อนจะมองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างต่อไป
จิ่วจิ่วถูกผู้อาวุโสของสำนัก เตือนสองครั้งเพื่อให้นางใส่ใจกับคำพูดและการกระทำของนางให้มากขึ้นเมื่อไปเข้าร่วมการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า
เป็นผลให้จิ่วจิ่วต้องปรับเปลี่ยนท่าทางปกติของนางให้ดูจริงจังมากขึ้นเมื่อออกไปข้างนอกและพื้นนิสัยอารมณ์ร้อนของนางทั้งหมดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน
ในท่าทีจริงจังของนางแฝงไว้ด้วยความหมองเศร้า ทว่านัยน์ตาลึกซึ้งของนางนั้นกลับเผยให้เห็นความงดงามบริสุทธิ์ที่เปี่ยมล้นมานานนับพันปี
ในเวลานั้น นางจิบสุราจากน้ำเต้าอยู่ข้างหน้าต่างขณะเผยอารมณ์ลึกซึ้งจากภายในออกมา…
ก่อนจะพบกับหลี่ฉางโซ่ว ศิษย์หลานตัวน้อยที่น่าสนใจคนนี้ นางมีนิสัยเช่นนั้นอยู่เสมอ ต่อมาเพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดียิ่ง นางจึงมีความสุขมากเกินไป…
หลังจากนั้น หลิงเอ๋อร์ก็ถือถาดผลไม้พร้อมกับลอยกลับเข้ามาในบ้านก่อนจะถอดรองเท้าปักและนั่งลงบนเตียงพลางมองดูทิวทัศน์ภายนอกหน้าต่าง
หลังจากครุ่นคิดในเรื่องนี้แล้ว หลิงเอ๋อร์จึงตัดสินใจช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็นให้ศิษย์พี่ของนาง
ดังนั้นหลิงเอ๋อร์จึงกระซิบว่า “อาจารย์อาจิ่ว หากศิษย์พี่ของข้านั่งอยู่ตรงมุมห้องเพียงคนเดียว…”
จิ่วจิ่วจึงกล่าวออกมาทันทีว่า “วางใจเถิด เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะไปแกล้งเขาเอง!”
“ในยามนี้ โปรดอย่าใส่ใจศิษย์พี่ของข้าเจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์กล่าวพลางถอนหายใจ “เมื่อศิษย์พี่ของข้าอยู่ข้างนอก จริงๆ แล้วเขาเป็นคนขี้อายมาก หาใช่หน้าหนาแต่อย่างใดไม่ หากมีสตรีเข้าใกล้เขามากเกินไป เขาจะรู้สึกว่ากำลังเป็นที่จับตามองของทุกคนอยู่เจ้าค่ะ…”
“อย่างนั้นหรือ”
จู่ๆ จิ่วจิ่วก็นึกถึงอาการป่วยแปลกๆ ของหลี่ฉางโซ่วเมื่อยามที่ไปยังดินแดนเทวะอุดรได้ในทันใด
หลิงเอ๋อร์พยักหน้าจริงจังแล้วขอร้องจิ่วจิ่วอีกสองสามคำ จากนั้นจิ่วจิ่วพึมพำกับตัวเองและตกลงอย่างหนักแน่น
แต่เมื่อถึงเวลา ปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิงของนางก็จะไปกับนางด้วย นางจึงไม่อาจ… กระวนกระวายมากเกินไปได้
“ในอนาคตอันใกล้ จะมีการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักจินกงในดินแดนเทวะมัชฌิมา อ๋าวอี่”
“ศิษย์อยู่นี่แล้วขอรับ”
ที่ข้างสระสมบัติบนเกาะเต่าทอง มีนักพรตเต๋าวัยกลางคนที่แข็งแกร่งยืนอยู่ข้างหน้าอ๋าวอี่
นักพรตเต๋าผู้นี้มีใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีความโกรธหรือไว้ตัวยโสใดๆ และให้ความรู้สึกอ่อนโยนนุ่มนวลขณะกล่าวออกมาช้าๆ
เขาคืออาจารย์ของอ๋าวอี่ เซียนใหญ่อู้หยุน ซึ่งเป็นผู้นำของเซียนทั้งเจ็ด
อ๋าวอี่เอ่ยถามว่า “ท่านอาจารย์ ท่านอยากให้ศิษย์เข้าร่วมด้วยใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ใช่” เซียนใหญ่อู้หยุนตอบพลางพยักหน้า “การประชุมสามนิกายในคราวนี้ เป็นเรื่องของโชคชะตาของสำนักบำเพ็ญเต๋า เจ้าเป็นศิษย์คนเดียวของข้า ต้องไปเข้าร่วมแทนข้า นี่เป็นของเจ้า ”
เซียนใหญ่อู้หยุนหยิบกระดองเต่าหยกขนาดเล็กออกมาแล้ววางไว้ในมือของศิษย์ของเขา
“ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ล้วนมีแหล่งกำเนิดเดียวกัน นี่เป็นประโยคที่ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์มักกล่าวถึง ท่านไม่ประสงค์จะเห็นความขัดแย้งระหว่างเรากับสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
จำเอาไว้ให้ดี หากพวกเราคนใดคนหนึ่งอยากหารือร่วมกัน เจ้าจงถือสิ่งนี้ไว้ในมือแล้วข้าจะสัมผัสถึงมันได้”
“ขอรับ ศิษย์เข้าใจแล้ว”
อ๋าวอี่ตอบกลับด้วยความเคารพ เซียนใหญ่อู้หยุนจึงยิ้มบางพลางยกมือขึ้นตบศีรษะของอ๋าวอี่เบาๆ
จากนั้น พลังงานบริสุทธิ์ก็หลั่งไหลเข้าไปในศีรษะของอ๋าวอี่ ทันใดนั้น อ๋าวอี่พลันตกตะลึง บัดนี้ในใจของเขาเปี่ยมปัญญาหยั่งรู้ลึกซึ้งจนสัมผัสได้ถึงการรู้แจ้งในขณะที่ขอบเขตลมปราณในร่างของเขาค่อยๆ ทะยานเพิ่มสูงขึ้น และพลังสายโลหิตในร่างของเขาก็เดือดพุ่งพล่านขึ้นมาทันที!!
ปรมาจารย์เซียนจับศีรษะของเขาและมอบขอบเขตเสวียนให้กับเขา
ทำให้เขาขจัดม่านหมอกแห่งความสับสนจนได้รับปัญญาเป็นผู้รู้แจ้ง ก่อกำเนิดเต๋าของตัวเองขึ้นมา
ไม่นานหลังจากนั้น อ๋าวอี่ก็กอดกระดองเต่าหยกและจมลงไปในสระสมบัติ
เซียนใหญ่อู้หยุนยิ้มบางแล้วหายวับไปในสายลมโดยไม่ได้เป็นที่สังเกตของผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ บนเกาะเต่าทองเลย
ครึ่งวันผ่านไปหลังจากนั้น จ้าวกงหมิงก็เหยียบเมฆขาวตรงไปที่เกาะเต่าทองอย่างรวดเร็ว…
………………………………………………