ตอนที่ 182 ท่านคิดว่าข้าสูญเสีย แต่… (2)
หลี่ฉางโซ่วยังคงเผยสีหน้าลังเล แน่นอนว่าเขาต้องแสร้งแสดงให้สมจริงต่อไป
ทว่าจี้อู๋โหย่วที่ไม่รู้นอกใน ก็กระแอมไอสองครั้งแล้วจ้องมองหลี่ฉางโซ่ว
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านผู้อาวุโส โปรดช่วยวางข่ายอาคมกั้นก่อนเถิด ข้าจะให้ท่านดูของสิ่งนี้ขอรับ หากท่านผู้อาวุโสบอกว่าไม่อาจสร้างมันขึ้นมาได้ ข้าก็คิดว่าทุกคนในที่นี้คงเชื่อข้าแล้วขอรับ”
ทันใดนั้น เจ้าสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินผู้หนึ่งจึงดุว่า “เจ้าศิษย์น้อย เจ้าจะปกปิดพวกเราอะไรกันนักหนา จึงทำราวกับพวกเราเป็นขโมยเช่นนี้?”
หลี่ฉางโซ่วจึงมีท่าทางลำบากใจ แต่อวิ๋นจงจื่อกลับออกหน้าแล้วพูดแทนด้วยรอยยิ้มว่า “เหตุใดกัน? หรือว่าพวกเจ้าทุกคนไม่เชื่อข้า?”
จึงเป็นเหตุให้เซียนจินเหล่านี้ไม่กล้าเอ่ยมากความ
ในขณะนั้น อวิ๋นจงจื่อก็หยิบขวดสมบัติออกมาแล้ววางลงไว้ข้างๆ ก่อนจะบินไปอยู่ข้างหน้าหลี่ฉางโซ่วพลางคว้าแขนของเขาไว้ จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในขวดสมบัติด้วยกัน
ทันใดนั้นกลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญก็เข้าล้อมรอบขวดนั้นทันที
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบอย่างไร ก็ไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ในขวดนั้นได้เลย
ครู่ต่อมา ก็มีลำแสงพุ่งออกมาแล้วกลายเป็นร่างหลี่ฉางโซ่วและอวิ๋นจงจื่อ ในเวลานั้น อวิ๋นจงจื่อขมวดคิ้วและครุ่นคิดวางแผนอย่างต่อเนื่องก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่อาจสร้างเครื่องมือเวทนี้ได้”
ทุกคนรอบตัวเขาล้วนมองหน้ากันและกันทันที
อวิ๋นจงจื่อพึมพำว่า “ของสิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับหลักการหลอมเครื่องมือและเจตจำนงแห่งเต๋า มันไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้ด้วยซ้ำ จนถึงวันนี้ ข้าได้หลอมสมบัติมานับหมื่นชิ้น แต่ก็ไม่เคยเห็นของลึกลับเช่นนี้มาก่อน เต๋าอันยิ่งใหญ่นั้น เรียบง่ายแต่ก็มีความซับซ้อนในตัวเองอยู่บ้าง… ข้าเองก็บอกไม่ถูกว่ามันมหัศจรรย์หรือแปลกดี”
ในยามนี้ ทุกคนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสำนักเซียนทั้งหก บรรดาผู้อาวุโสและศิษย์ของสำนักตู้เซียน และผู้คนจากสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่เฝ้าดูสถานที่แห่งนี้โดยใช้สัมผัสเซียนรับรู้ ล้วนตกตะลึงอย่างยิ่ง
แม้แต่อวิ๋นจงจื่อ ฝูเต๋อเซียนจินแห่งวังอวี้ซวี ก็ยังบอกว่าสร้างมันขึ้นมาไม่ได้?
อวิ๋นจงจื่อถอนหายใจพลางหยิบแผ่นหยกออกมาจากตะกร้าดอกไม้ แล้วยื่นให้หลี่ฉางโซ่วพร้อมกับกล่าวว่า “วันนี้ ข้าเป็นหนี้น้ำใจสหายน้อยครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้ หากเจ้ามีเรื่องใด จงใช้สิ่งนี้เรียกหาข้าได้”
หลี่ฉางโซ่วถือแผ่นหยกเอาไว้ในมือด้วยรู้ว่าเป็นเพราะปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ อวิ๋นจงจื่อจึงให้ความช่วยเหลือเขาชั่วคราว…
เขาจำได้ว่า อวิ๋นจงจื่อเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ไม่กี่คนในสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่ผ่านความเป็นตายในการข้ามผ่านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ
ด้วยความที่อวิ๋นจงจื่อเป็นถึงเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และรู้ว่าลิขิตสวรรค์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน คือการสนับสนุนอาณาจักรโจว แต่เขายังคงไปให้กระบี่ไม้เพื่อช่วยพระเจ้าโจ้วจัดการต๋าจี่[1]ที่เมืองเจาเกอเพื่อไม่ให้ถูกต๋าจี่ครอบงำและทำให้ประชาชนต้องทุกข์ยากเดือดร้อน
และสุดท้าย ฝูเต๋อเซียนจินผู้นี้ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในรายนามเทพเจ้า ล้วนเป็นเพราะเขามีจิตเมตตา…
ด้วยการที่หลี่ฉางโซ่วใช้วิธีป้องกันไฟฟ้าสถิตเช่นนี้ ทำให้เซียนชรา อวิ๋นจงจื่อผู้นี้สงสัยในทักษะการหลอมเครื่องมือของหลี่ฉางโซ่วว่า…ค่อนข้างจะไม่ค่อยได้มาตรฐานถูกต้องสักเท่าใด…
แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ ได้อย่างไรเพราะรู้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่ใช่เซียนใหญ่ไมเคิล ฟาราเดย์[2]กลับชาติมาเกิด หรือ เซียนจิน ชเรอดิงเงอร์[3]มาเกิดใหม่นะ “ช่างมันเถิด!”
เมื่อหลี่ฉางโซ่วไม่อธิบายใดๆ อวิ๋นจงจื่อก็หัวเราะเบา ๆ เขามีสีหน้าผิดหวังด้วยความคับข้องใจเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหลังบินกลับไปยังเมฆพร้อมกับถือตะกร้าดอกไม้ขณะที่ยังคงส่ายศีรษะและถอนหายใจเมื่อจากไป
ความจริงแล้ว ในเวลานั้น แม้จะมีอวิ๋นจงจื่อเป็นผู้ออกหน้ารับรองให้โดยกล่าวว่า เขาไม่เข้าใจหลักการของเครื่องมือนี้และไม่สามารถทำเลียนแบบขึ้นมาได้ ถึงขนาดกล่าวตรงๆ ด้วยว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณหลี่ฉางโซ่วและจะคอยปกป้องหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งอาจพอทำให้พวกบรรดาเซียนไม่สร้างความลำบากใจให้เขาอีกต่อไป …
ทว่ามันยังไม่พอสำหรับหลี่ฉางโซ่ว
ทันทีที่อวิ๋นจงจื่อจากไป หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจและเรียกกรงทั้งสองออกมา เขาถือกรงไว้แล้วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเจ้า ทำให้ผู้อาวุโสต้องผิดหวัง ล้วนเป็นความผิดของศิษย์เอง”
ตูม!
ขณะกล่าว พลังเวทในมือของเขาก็พุ่งพรวด แล้วกรงทั้งสองก็ระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทางพร้อมๆ กัน
บรรดาเซียนที่อยู่รายรอบล้วนไม่คาดคิดว่าเขาจะทำเช่นนั้น แต่หลี่ฉางโซ่วลงมือรวดเร็วเกินไปจนไม่ว่าฐานพลังปราณของพวกเขาจะสูงมากเพียงใด ก็ยังไม่อาจหยุดเขาได้ทันการณ์
จี้อู๋โหย่วร้องตะโกนว่า “อ้า! เจ้าอย่าทำเช่นนั้น! เจ้าเก็บมันเอาไว้ใช้เองก็ได้นี่!”
“ฉางโซ่ว อย่าทำลายสมบัติล้ำค่าเช่นนี้!”
“นี่!”
“ฉางโซ่ว!”
ใบหน้าของหลี่ฉางโซ่วดูเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ขณะที่โยนยันต์ออกไปมาหลายสิบแผ่น แล้วกลายเป็นไฟลุกโชนทั่วแผ่นฟ้า และในชั่วพริบตา มันก็แผดเผากรงส่วนที่กระจัดกระจายออกไปจนสิ้นซาก…
จนไม่นานก็เหลือเพียงเถ้าถ่านอยู่บนพื้น
แล้วกรงทั้งสองซึ่งแต่เดิมใช้ศิลาวิญญาณไม่ถึงร้อยก้อน ก็ถูกหลี่ฉางโซ่วทำลายลงอย่างง่ายดาย กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวไปในสายลม…
ไม่เหลือร่องรอยใดให้เห็นอีกเลย
หลี่ฉางโซวโค้งคำนับให้ผู้อาวุโสทั้งหมดและกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ ศิษย์ทำให้พวกท่านล้วนขุ่นเคืองแล้ว วอนท่านผู้อาวุโสโปรดอย่าได้ตำหนิศิษย์ที่ใจไม่สงบนิ่ง ดังนั้นศิษย์จึงคิดว่า ยามนี้ขอนั่งสมาธิทำใจให้สงบก่อนสักพักขอรับ”
กล่าวจบ เขาก็กลับไปนั่งลงข้างๆ สงหลิงลี่แล้วหลับตาลงทำสมาธิพร้อมปกปิดกลิ่นอายลมปราณของเขาเองอย่างเต็มที่ เพื่อจัดการกับบรรดาสัมผัสเซียนรับรู้ที่กำลังตรวจสอบเขาอยู่
ในอีกด้านหนึ่งนั้น เจ้าสำนักเซียนทั้งห้าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินต่างก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนยิ่ง พวกเขาล้วนอยากก้าวออกไปข้างหน้าแต่ก็ไม่กล้าพอ สุดท้ายจึงหันไปหาจี้อู๋โหย่ว
“ศิษย์น้องอู๋โหย่ว ครั้งนี้ ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้เจ้าคับข้องใจ” สตรีชรากล่าวพลางหยิบเครื่องมือเวทสองชิ้นออกมาแล้วใช้พลังเซียนส่งไปให้พร้อมกับกล่าวว่า “โปรดรับไว้ ถือว่าของขวัญเหล่านี้เป็นการขอโทษเจ้า ศิษย์น้อยผู้นี้ด้วย”
“เราเพียงแค่อยากสังเกตดูเพียงเล็กน้อย ไม่คิดจะให้เครื่องมือที่สหายน้อยฉางโซ่วจะใช้เพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ต้องถูกทำลาย สมบัติเหล่านี้ถือเสียว่าเป็นการขอโทษสหายน้อย”
“ศิษย์น้องอู๋โหย่ว หลังจากนี้ โปรดพาศิษย์หลานฉางโซ่วไปเป็นแขกที่สำนักเซียนเซียวเหยาของข้าได้ทุกเมื่อ”
“ของสองชิ้นนี้ เป็นของที่สามารถปกป้องปราณวิญญาณในยามฝ่าด่านทัณฑ์สวรรค์ได้ แม้จะเทียบไม่ได้กับกรง แต่ก็น่าจะพอทดแทนมันได้”
จี้อู๋โหย่วมิได้ปฏิเสธ เขาขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกดูแคลนของเหล่านั้นอยู่บ้าง ทว่าก็ยอมรับของขวัญทั้งหมดนี้ไว้ให้หลี่ฉางโซ่ว
จากนั้น เจ้าสำนักเซียนทั้งห้าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินต่างก็ไม่รั้งอยู่อีกต่อไป พวกเขาพากันกล่าวขออภัยแล้วเร่งรีบจากไปทันที…
เมื่อสัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วรู้ว่า พวกเขาจากไปกันแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หากเป็นเช่นนี้ กรงฟาราเดย์ก็จะไม่มีอันตรายใดซ่อนเร้นอยู่มากเกินไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจวางใจได้
เมื่ออาจารย์ลุงจิ่วอูส่งของขวัญไถ่โทษจากเจ้าสำนักเซียนทั้งห้าไปให้ หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วและยอมรับพวกมันมาพลางก้มศีรษะลงและถอนหายใจ…
การแสดงที่ออกมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบของเขา ในขณะนี้ ก็เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่จากการทำลายกรงฟาราเดย์
แต่ในความเป็นจริงแล้ว… ทันใดนั้น ความมั่งคั่งของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างกะทันหัน ในตอนนี้ ผู้อาวุโสอวิ๋นจงจื่อก็ได้มอบเครื่องมือระดับสมบัติวิญญาณให้กับเขาแล้ว ทั้งยังมีเครื่องมือระดับสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนในขวดสมบัติ…ของเล็กๆ น้อยๆ
พวกมันล้วนเป็นของที่อวิ๋นจงจื่อสร้างขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้ผู้อื่น
ทว่าเมื่อเทียบกับสมบัติล้ำค่าที่อวิ๋นจงจื่อสร้างขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่า สิ่งของชดเชยคำขอโทษของเจ้าสำนักเซียนทั้งห้านั้นย่อมด้อยกว่า แต่เครื่องมือเวทสองชิ้นที่สามารถปกป้องปราณวิญญาณในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้นั้น นับว่าหายากมาก
และแล้วถุงของขวัญสำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของหลิงเอ๋อร์ก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันที…
หือ?
จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกเหมือนเกิดกระแสคลื่นซัดเข้ามาในใจ เขารับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหว ซึ่งดูเหมือนว่าจะมาจากวิหารเทพทะเลทักษิณ
หลี่ฉางโซ่วจึงเพ่งจิตส่วนหนึ่งไปที่รูปปั้นเทพหลักในวิหารเทพทะเล และทันใดนั้นเขาก็ ‘เห็น’ ร่างแข็งแกร่งที่คุ้นเคยก้าวออกมาจากประตูวิหาร แล้วกำลังเดินเข้ามาหาเขา
เหตุใดอาจารย์ลุงจ้าวถึงมาหาเขาที่นี่อีก?
ไม่เพียงแค่อาจารย์ลุงจ้าวเท่านั้น แต่เขายังมาถึงพร้อมกับลากสาวน้อยนางหนึ่งมาด้วย และกล่าวต่อไปไม่หยุดว่า “น้องหญิงน้อย ฟังข้านะ เทพแห่งท้องทะเลผู้นี้ฉลาดปราดเปรื่องยิ่ง หากเขายินยอมตกลง ข้าจะสอนกลเม็ดเด็ดๆ ในการทำร้ายคนโดยที่อีกฝ่ายจะไม่กล้าเอ่ยอันใดให้กับเจ้า!”
………………………………………………………..
[1] เป็นนางสนมคนโปรดของพระเจ้าโจ้วซึ่งเป็นปีศาจจิ้งจอก
[2] ผู้สร้างกรงฟาราเดย์โดยใช้ระบบล่อฟ้า
[3] แอร์วิน ชเรอดิงเงอร์ นักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย ผู้วางรากฐานกลศาสตร์ควอนตัมและโดยเฉพาะสมการชเรอดิงเงอร์ เป็นสมการทางคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายระบบฟิสิกส์จากปรากฏการณ์ควอนตัม เรียกได้ว่าเป็นสมการคลื่น เพื่อหาพฤติกรรมการเคลื่อนที่ของคลื่น ทำนายการเคลื่อนที่ของอนุภาคและอธิบายธรรมชาติในระดับจุลภาคได้