ตอนที่ 335 ไปสู่สวรรค์! (1)
ฝ่าบาทองค์เง็กเซียนทรงมาทำอะไรที่นี่?
เมื่อมองดูร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนขี่เมฆบินไปบนท้องฟ้า หลี่ฉางโซ่วก็เต็มไปด้วยความสงสัยในใจ
ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้เขาทำอะไรกับองค์เง็กเซียนบ้าง?
เขาไปซื้อของ พูดคุย พูดคุยกันทุกเรื่องไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบ เที่ยวเขา ล่องน้ำ และควบขี่อาชาไปรอบๆ กับเขา
เขา ศิษย์น้อยเซียนหยวนคนใหม่แห่งสำนักตู้เซียน กุนซือกองทัพของเผ่ามังกร เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เป็นสหายคู่หูกับบุรุษผู้หนึ่งมาสองวันแล้ว?
นี่…
หรือว่าก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่งในศาลสวรรค์อย่างเป็นทางการ ศาลสวรรค์จะมีการประเมินขั้นสุดท้ายคือ การออกเดินทางติดตามองค์เง็กเซียนไปเที่ยวชมภูเขาแม่น้ำ?
ในช่วงเวลาเหล่านี้ มีพฤติกรรมที่ทำให้สับสนมากเกินไปจริงๆ…
“สามปีต่อมา”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดสักพักแล้วเริ่มพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
นั่นเป็นข้อมูลที่มีค่าเพียงอย่างเดียวที่จักรพรรดิหยกมอบให้เขาหลังจาก “ตรวจสอบ” เขาในครั้งนี้
อีกสามปีต่อมา จะมีการออกพระราชโองการ ซึ่งเร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้ก่อนหน้านี้มาก
ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้บอกหรือว่าต้องใช้เวลาร้อยถึงสองร้อยปีในการออกพระราชโองการ? หรือว่าพวกเขากระตุ้นให้เต๋าสวรรค์เร่งการส่งถ่ายข้อมูลและจัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าให้เขา?
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ย่อมเป็นการดีที่จะให้ศาลสวรรค์เข้ามาแทรกแซงในเรื่องเผ่ามังกรอย่างเป็นทางการ
แผนเล็ก ๆ ที่เขาทำเอาไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนก็มีประโยชน์ล่วงหน้าเช่นกัน…
หลี่ฉางโซ่วรอสักพักหนึ่ง ยุงที่ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไป ก็บินเข้ามาอย่างระมัดระวังและร่อนลงบนไหล่ของหลี่ฉางโซ่ว
“นายท่านเจ้าคะ ร่างจำแลงแห่งบุญเมื่อครู่นี้คือ…”
“อย่าถามถึงบางอย่าง และบางคนให้มาก เมื่อถึงเวลาแล้ว เจ้าก็จะรู้ ข้าจะบอกเจ้าเอง”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่น แล้วทันใดนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ได้รับคำตอบทันที
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา: “เป็นลูกน้องของคุณที่ช่างพูดเจ้านายของฉันวังมังกรทะเลตะวันตกจะส่งลูกชายมังกรและสาวมังกร 36 คนไปสักการะทั้งสามนิกายและครึ่งหนึ่งจะบูชานิกายหกคน
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงกล่าวตามตรงว่า “เป็นความผิดของผู้น้อยที่สอดรู้ไปเองเจ้าค่ะ นายท่าน วังมังกรทะเลประจิม กำลังจะส่งบุตรหลานมังกรจำนวนสามสิบหกคนไปกราบขอเป็นศิษย์ที่ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ครึ่งหนึ่งของผู้ที่จะไปเข้าน่วมในหกกลุ่มของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน นี่เป็นแผนของสำนักบำเพ็ญประจิมที่วิญญาณดุร้ายนามจินฉานซึ่งมีฐานะพอๆ กับข้าได้กล่าวถึง
บุตรหลานมังกรเหล่านี้จะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมควบคุมเอาไว้เพื่อหาโอกาสที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเพื่อให้เผ่ามังกรตกอยู่ในสถานการณ์ที่โดดเดี่ยวและอับจนหนทาง ”
“อืม” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ แล้วกล่าวว่า “ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก”
“นี่คือสิ่งที่ผู้น้อยทำได้เจ้าค่ะ เช่นนั้น ผู้น้อยขออำลา”
ทันใดนั้น ยุงเลือดก็กลายเป็นเมฆสีเลือดแล้วค่อยๆ หายไป
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วซัดเพลิงสมาธิแท้เพิ่มเข้าไปอีกเพื่อแผดเผาหมู่เมฆหมอกนี้ให้หมดสิ้นซาก ไร้ร่องรอย
ดูเหมือนว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะเปลี่ยนไปมาก?
ไฉนจึงง่ายเช่นนี้?
ดังคำกล่าวที่ว่า แม่น้ำ ขุนเขานั้นเปลี่ยนแปลงง่าย แต่นิสัยผู้คนล้วนเปลี่ยนได้ยาก และผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ ก็กำลังแสดงท่าทีในสิ่งที่เขาต้องการให้นางแสดงออกมาเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วย่อมไม่มีวันเชื่อว่า วิญญาณที่ชั่วร้ายเช่นนาง จะกลายเป็นคนใจดีหลังจากที่ได้รับการฝึกฝนจนประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย
หลังจากตรวจสอบทั่ววิหารเทพทะเลมาสักพักแล้ว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็กลับมาที่ลานตุ๊กตากระดาษใต้ดินเงียบ ๆ และนั่งลงข้างต้นเซียงซือ
เชิงเขาหลิงซาน ในถ้ำยุง
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ค่อยๆ ลืมดวงตาดุจหงส์ที่เรียวยาวอย่างช้าๆ ดวงตาของนางฉายแววสงสัยออกมาเล็กน้อย
ยามนี้ หากนางเดาได้ถูกต้อง ร่างจำแลงที่มาจากบุญเกือบทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน จักรพรรดิหยก ห้าวเทียน บุตรแห่งบรรพาจารย์เต๋า ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับจอมปราชญ์เทพ…
องค์เง็กเซียน สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เทพแห่งท้องทะเล…
ผลประโยชน์ที่เทพแห่งท้องทะเลกล่าวชี้แนะให้นางในครั้งแรกที่นางได้สัมผัสกับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ บัดนี้ ได้ปรากฏต่อหน้าขึ้นต่อหน้านางแล้ว
บรรดาสำนักบำเพ็ญใหญ่ต่างไม่ลงรอยกัน เกิดความวุ่นวายจนยากที่จะควบคุม และ ในยามนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ค่อยๆ เข้าใจสถานการณ์ทีละน้อยแล้ว
“เหอะ!”
ข้าจะติดตามท่านสักสองสามปีแล้วดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชายผู้นี้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ก็สมเหตุผล
การแสวงหาของข้า…
หลายปีมานี้ ข้ากำลังมองหาอะไร?
ดวงตาของผู้บำเพ็ญเหวินจิงค่อยๆ ว่างเปล่าและฉายแววสับสน นางค่อยๆ ขยับจากท่านั่งสมาธิมาเป็นนอนตะแคง แล้วค่อยๆ ขดตัวขึ้นอีกครั้ง…
ถ้ำนี้โล่งไปหน่อย ได้ยินเพียงเสียงน้ำหยดสะท้อนดังกังวานเบาๆ
โชคดีที่ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วถามคำถามเล็กๆ สองสามข้อ หากเขาถามคำถามสุดท้ายสามข้อ “ข้าเป็นใคร? มาจากที่ใด? และจะไปที่ใด?”…
ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจจินตนาการได้
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน ออกจากเมืองอันสุ่ย วิญญาณทั้งร่างของเขาก็เต็มไปด้วยพละกำลัง และรู้สึกสุขสบายสุดๆ
ความจริงแล้ว มันน่าสนใจอย่างยิ่งที่ได้ไปเที่ยวลาดตระเวนตรวจสอบเรื่องทั่วไปในโลกมนุษย์กับฉางเกิง ผู้ใต้บัญชาของข้า
องค์เง็กเซียนหัวเราะเบา ๆ และไม่รีบกลับศาลสวรรค์ แต่ขับเคลื่อนเมฆไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วใช้สัมผัสเซียนรับรู้เฝ้าสังเกตดูชีวิตมนุษย์เบื้องล่าง
“เมื่อใคร่ครวญถ้วนถี่แล้ว ก็ดูเหมือนว่า ทุกประโยคของขุนนางฉางเกิงจะสมเหตุสมผล ไม่เผยความชัดเจนใด ๆ แต่กระตุ้นให้คนได้คิด น่าทึ่ง น่าทึ่งจริงๆ
ขุนนางฉางเกิงเรียนรู้ที่จะทำตัวเช่นนี้มาได้อย่างไรกัน? หรือเป็นวิถีชีวิตในโลกมนุษย์?
หากเป็นไปได้ ข้าจะให้เหล่าเซียนและเทพแห่งศาลสวรรค์ได้เรียนรู้ทักษะนี้ เช่นนั้นแล้ว ข้า องค์เง็กเซียน ย่อมจะไม่เบื่ออย่างแน่นอน
ขณะที่ผ่านโลกมนุษย์ไปตลอดทาง องค์เง็กเซียนก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างและเห็นวิถีการฝึกฝน
ในเวลานี้ วิถีนี้ยังคงคลุมเครืออยู่เล็กน้อยโดยไม่เผยร่องรอยที่แท้จริง และองค์เง็กเซียนก็เข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น ยังไม่อาจเข้าใจได้ถูกต้องทั้งหมด
“หรือว่าข้ายังมีโอกาสอยู่ในโลกมนุษย์?”
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนเลิกคิ้วขึ้น แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมากขณะขับขี่เมฆขึ้นไปบนท้องฟ้า
เป็นธรรมดาที่องค์เง็กเซียนย่อมเข้าใจว่า เขาถูกเต๋าสวรรค์ยับยั้งจนไม่อาจเข้าสู่ขอบเขตจอมปราชญ์ได้อย่างแน่นอน
และยิ่งไปกว่านั้น เขาได้รับการคุ้มครองจากเต๋าสวรรค์ ซึ่งจะไม่มีผู้ใดที่อยู่ในขอบเขตด้อยกว่าจอมปราชญ์จะสามารถทำร้ายเขาได้
แทนที่จะใช้เวลาและความทุ่มเทไปกับฝึกบำเพ็ญ จึงย่อมเป็นการดีกว่าที่จะทุ่มเทไปกับการจัดการสามอาจักร
ระหว่างทาง เขาเคลื่อนไหวอย่างไร้ตัวตนและมีเมฆหมอกปกคลุม
เมื่อร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนกลับสู่ศาลสวรรค์ เขามาอยู่ที่ชายแดนเชื่อมต่อของดินแดนเทวะบูรพา และดินแดนเทวะทักษิณ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไปที่ประตูสวรรค์บูรพา
นอกจากนี้ พร้อมกันนั้น เขายังสามารถทดสอบแม่ทัพสวรรค์ผู้พิทักษ์ประตูสวรรค์บูรพาได้อีกด้วย
เมื่อร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนบินเข้าไปใกล้บริเวณประตูสวรรค์บูรพา เขาก็อดจะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้
ที่ด้านนอกประตูบูรพาที่ยิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์ เหตุใดกัน… มีคนกำลังนอนลงบนพื้น?
ขณะนี้ มีร่างหนึ่งกำลังนอนอยู่บนวิถีเมฆตรงหน้าประตูบูรพา ดูราวกับว่าเขาจะกรนเสียงดังขณะหลับสนิทในขณะที่เหล่าแม่ทัพสวรรค์สองสามคนที่กำลังเฝ้าประตูต่างก็ขมวดคิ้วและเหล่าทหารสวรรค์ก็กัดฟัน
และไม่ไกลจากประตูแห่งศาลสวรรค์ ก็ชายชราสองสามคนคนนั่งยองๆ อยู่หลังก้อนเมฆสีขาว พวกเขาล้วนปิดหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอับอายจนไม่อยากพบหน้าผู้ใดเลย
นักพรตเต๋าหนุ่มที่กำลังนอนอยู่ที่นั่น ครองฐานพลังเซียนเทียน และหนึ่งในบรรดาชายชราที่ซ่อนตัวอยู่ไกลๆ นั้นคือ ปรมาจารย์เซียนจิน
‘นี่เป็นการต่อสู้เยี่ยงใดกัน?’
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนขมวดคิ้วแล้วก้าวออกไปข้างหน้าจนถึงประตูบูรพาแห่งศาลสวรรค์
ในขณะนั้น เซียนเทียนหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นก็ลืมตาขึ้นและเหลือบมองไปที่ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน
“พี่หวา ท่านเพิ่งกลับมาจากข้างนอกหรือ?”
แม่ทัพสวรรค์ทักทายเขาและฝืนยิ้มออกมาบนใบหน้า “ใช่ ข้าออกไปจัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่าง” ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนเอ่ยถามว่า “เกิดอันใดขึ้น?”
……………………………………………………………….