ตอนที่ 362 ส่งอาจารย์ป้า…ไปตามวิถี (2)
ดังนั้น องค์เง็กเซียนจึงอนุมัติให้มีเทพผู้พิทักษ์ทะเลสิบหกคน ให้ออกลาดตระเวนในทะเลและปกป้องกฎต่างๆ อยู่ใต้บังคับบัญชาของเทพแห่งท้องทะเล และให้หลี่ฉางโซ่วไปจัดการมอบหมายงานให้พวกเขาด้วยเอง
พระราชโองการนี้จะเข้าสู่หอทงหมิงในภายหลัง และตามขั้นตอน ก็จะใช้เวลาประมาณสิบปี
เมื่อถึงเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็จะไปที่วังมังกรเพื่อเลือกสรรเทพน้อยแห่งศาลสวรรค์สิบหกคนด้วยตัวเอง…
ดังนั้นเรื่องสถานการณ์โดยรวมของเผ่ามังกรก็ได้รับการตัดสินแล้ว!
จากนี้ไป ก็เพียงแค่ทำตามแผนทีละขั้นตอน และสุดท้ายก็รับรองให้เหล่าราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรขึ้นสู่ศาลสวรรค์ เช่นนั้น เขาก็ทำสำเร็จแล้ว…
“ขุนนางฉางเกิง”
องค์เง็กเซียนในชุดเสื้อคลุมขาว นั่งบนแท่นสูง แย้มยิ้มและกล่าวว่า “เรื่องนี้มีความคืบหน้าที่น่ายินดี แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นหรือไม่?”
“กระหม่อมย่อมไม่กล้าทูลเท็จฝ่าบาท”
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เล่าเหตุการณ์ในวิหารเทพทะเลให้องค์เง็กเซียนฟังอย่างละเอียด
เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้เอ่ยชื่อ ‘จินฉานจื่อ’ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าไปพัวพันในกรรมประหลาด…
เมื่อได้ยินเช่นนั้น องค์เง็กเซียนก็ปรบมือและหัวเราะลั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉางเกิง กลอุบายของเจ้าช่าง… คาดไม่ถึงจริงๆ! ”
หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้มแล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า ““กระหม่อมใช้เป็นเพียงกลอุบายเล็กๆ เท่านั้น และกระหม่อมก็ยังใช้มันโดยไม่หวั่นไหวกับคำวิจารณ์ใดๆ”
บุรุษหนุ่มในชุดขาวยืนขึ้นก่อนจะค่อยๆ เดินลงมาจากแท่นสูงช้าๆ แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ให้คิดดูก่อนว่าคราวนี้จะให้รางวัลเจ้าอย่างไรดี!”
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท ไยไม่รอให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีก่อน? ตอนนี้ เรายังต้องค่อยๆ ดำเนินการ ต้องก้าวไปทีละขั้น ไว้กระหม่อมค่อยทูลขอประทานรางวัลหลังจากที่ทำเต็มที่แล้ว ก็ยังไม่สายเกินไป ฝ่าบาท”
“ได้” องค์เง็กเซียนพยักหน้าพลางยิ้มขณะยืนอยู่หน้าโต๊ะหยกและมองดูหอสมบัติหลิงเซียวที่ว่างเปล่านี้
“ฉางเกิง ข้าจะรวบรวมแม่ทัพสวรรค์และเจ้าหน้าที่เซียนทั้งหมดที่นี่ได้…”
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน”
“จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่ต้องรีบ” องค์เง็กเซียนหัวเราะเบา ๆ “เมื่อมีฉางเกิงมาช่วยข้าแล้ว ข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
ขออภัย ข้าเพียงแค่อยากเป็นคนไม่เอางานอะไร
ทว่าย่อมเป็นธรรมดาที่ไม่อาจเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกไปได้ ไม่เพียงแค่นั้น แต่หลี่ฉางโซ่วยังต้องแสร้งแสดงท่าทางมีอารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย แต่สงบใจเอาไว้ได้
หลี่ฉางโซ่วเรียบเรียงคำพูดของเขาและยิ้มพลางกล่าวว่า “กระหม่อมเพียงทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท และปฏิบัติตามพระบัญชาของฝ่าบาทอย่างเชื่อฟังเพื่อทำเรื่องที่ยังประโยชน์ต่อศาลสวรรค์ จึงไม่กล้าถือเป็นผลงาน และไม่กล้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจอะไรมากนัก ฝ่าบาท”
องค์เง็กเซียนอดจะหัวเราะออกมา ไม่ได้และกล่าวว่า “เจ้า… อย่างไรเสีย ฉางเกิง ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”
“กระหม่อมน้อมรับฟัง ฝ่าบาท”
“แม่ทัพสวรรค์ที่ปลูกถั่วใกล้วังดุสิต ดูเหมือนจะมีชื่อว่าเปี้ยนจ้วง เขาเพิ่งได้รับรางวัลจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้หรือ?”
องค์เง็กเซียนขมวดคิ้วและกล่าวว่า “สองสามวันมานี้ ชาติของข้าได้ยินคนพูดแบบนี้สองสามครั้งแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เป็นเรื่องจริง ฝ่าบาท”
“โอ้?”
ดวงตาขององค์เง็กเซียนเป็นประกายพลางยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คิดว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ ข้าจึงควรใช้เขาให้ดี”
หลี่ฉางโซ่วชี้แจงว่า “เรื่องนี้ แล้วแต่พระประสงค์ของฝ่าบาท กระหม่อมไม่กล้าเอ่ยอะไรมาก วันนั้นเป็นเพียงว่าจอบของเปี้ยนจ้วงหัก ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงให้เด็กชายคนหนึ่งมอบคราดให้เขาแทน หาใช่เรื่องใหญ่อันใดไม่”
องค์เง็กเซียนพยักหน้าช้าๆ ทว่าเขามีแผนอยู่แล้ว
ไม่สำคัญว่าเปี้ยนจ้วงจะโชคดีพอที่จะได้รับเครื่องมือเวท หรือเป็นที่ชื่นชอบของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ…
สิ่งสำคัญคือองค์เง็กเซียนอยากทำให้เรื่องนี้ใหญ่โตเพื่อแสดงความเคารพต่อเหล่าจื้อ เจ้าของแห่งวังดุสิต
ไม่มีทางเลือก ตอนนี้องค์เง็กเซียนยังต้องประจบเอาใจเพื่อสร้างสัมพันธภาพกับจอมปราชญ์เทพไท่ชิง
หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดีเช่นกัน เขาจึงหยุดกล่าว และไม่ใส่ใจเรื่องนี้อีก
เปี้ยนจ้วง ‘พี่รอง’ ในอนาคต ในไม่ช้านี้ เขาน่าจะต้องต้อนรับคลื่นแห่งความก้าวหน้าแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่า ตำแหน่งแม่ทัพเทียนเผิงนี้อาจ ได้มาเพราะคราดอันนั้น
หลี่ฉางโซ่วรีบทูลลาและออกจากหอสมบัติหลิงเซียวไปอย่างรวดเร็ว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลับไปที่จวนเซียนของเขา และยังคงรักษาสถานะเตรียมพร้อมเพื่อฟังการประกาศเรียกตัวเอาไว้ตลอดเวลา
บัดนี้ เขาวางเรื่องของเผ่ามังกรเอาไว้ก่อนสักพัก
แม้ว่าจะมีโอกาสสูงที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้ในอนาคต แต่ตอนนี้เขาต้องทุ่มเทพลังงานส่วนใหญ่ไปที่การเตรียมพร้อมสำหรับทัณฑ์สวรรค์เซียนจินของเขาเอง
หลังจากทัณฑ์สวรรค์เซียนจินของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกกระสับกระส่าย…
ในบรรดาสูตรโอสถที่ได้รับมาจากเหล่าจื้อ หลี่ฉางโซ่วเลือกโอสถใจรู้แจ้งให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุน
แต่โอสถนี้ ต้องรอจนกว่าเขาจะผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินและได้รับผลเต๋าอายุยืนก่อน จึงจะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้
ตราบใดที่เขารับประกันได้ว่าจะได้ระดับห้า ก็ยังมีความหวังที่จะช่วยผู้อาวุโสว่านหลินหยุนให้ทะลวงฝ่าจุดตีบตันไปได้ ไม่ว่าเขาจะไปถึงทัณฑ์สวรรค์เซียนจินได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับโชคของชายชราเองแล้ว
เขาตั้งใจจะตอบแทนความช่วยเหลือด้วยความช่วยเหลือและขอบคุณผู้มีพระคุณของเขา
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนได้ถ่ายทอดคัมภีร์พิษให้เขามาก่อนแล้ว และตอนนี้เขาจะช่วยผู้อาวุโสว่านหลินหยุนให้ฝ่าทะลวงขอบเขตพลังซึ่งจะเป็นการชดใช้หนี้กรรมอย่างที่ควรเป็น
ยิ่งกว่านั้น ผู้อาวุโสที่เชี่ยวชาญเต๋าพิษจะได้เลื่อนขั้นเป็นเซียนจิน…
เพียงแค่คิดก็ตื่นเต้นสุดๆ แล้ว!
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มเก็บรวบรวมสมุนไพรวิญญาณ ร่างจำแลงของเขาเดินทางไปทั่วดินแดนเทวะบูรพาและทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับมา
เขากำลังเตรียมจะหลอมโอสถวิญญาณอีกสองชนิดที่เขาอาจใช้ในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน
ในเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเขา ก็ย่อมไม่อาจปล่อยให้มีข้อผิดพลาดใดๆ ได้
ในครั้งนี้ เป็นเรื่องยากนักที่หลี่ฉางโซ่วจะมีสมาธิ มุ่งไปที่การหลอมโอสถได้อย่างเต็มที่ เพราะเขากลัวว่าจะเสียสมุนไพรเซียนอันล้ำค่าและหายากเหล่านั้นไปอย่างสูญเปล่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และได้รับผลเต๋าอายุยืน เขาก็ได้พา ปรมาจารย์ใหญ่เจียงหลินเอ๋อร์เข้าปิดด่านไปด้วยกัน และคาดว่า บางทีพวกเขาคงจะเข้าปิดด่านกันเป็นเวลานาน
นอกจากจะเสริมสร้างขอบเขตพลังของเขาเองแล้ว ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งยังตั้งใจที่จะเพิ่มพูนฐานพลังให้ปรมาจารย์ใหญ่เจียงหลินเอ๋อร์
เมื่อหนึ่งในพวกเขาต้องมีชีวิตอยู่ตลอดไปในขณะที่อีกคนต้องคอยคำนวณการสิ้นสุดอายุขัยของนาง นั่นย่อมเป็นความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดใจที่สุดในระหว่างคู่บำเพ็ญเต๋า ซึ่งจะทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกสิ้นหวัง
ก่อนที่เจียงหลินเอ๋อร์จะเข้าปิดด่าน นางก็มาหาหลี่ฉางโซ่วและและหลิงเอ๋อร์โดยเฉพาะ และมอบหมายให้หลี่ฉางโซ่วดูแลวิญญาณต้นไม้น้อยที่กลับชาติมาเกิด
หลังจากใคร่ครวญเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วก็รับปาก…
ในเวลานี้ ถือได้ว่าเขามีคนรู้จักในแดนยมโลก และไม่น่าจะยากที่เขาจะเดินเข้าทางประตูหลัง[1]
ใช่แล้ว พวกเผ่าเวทชอบกินเลือด บางที คราวนี้ กรงสัตว์วิญญาณของยอดเขาหยกน้อยและแหล่งเพาะเลี้ยงปลาวิญญาณของทะเลสาบเซียน คงจะช่วยสนับสนุนได้อีกครั้ง
วิญญาณต้นไม้น้อยผู้นี้ อาศัยอยู่บนยอดเขาหยกน้อยมานานมากกว่าสิบปีแล้ว บัดนี้ มันมีอายุยืนยาวมากกว่าอายุขัยของมันเล็กน้อย
เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้เตรียมโอสถวิญญาณทุกชนิดที่เขาต้องใช้ในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ รวมทั้งชุดสำรองของโอสถวิญญาณในขณะที่วิญญาณต้นไม้น้อยก็ค่อยๆสูญเสียความสามารถและกำลังใกล้จะตาย ในวิญญาณต้นไม้น้อย…มันไป
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่ว หลิงเอ๋อร์ สงหลิงลี่ จิ่วจิ่ว รอคอยเงียบ ๆ อยู่ข้างๆ
เมื่อร่างวิญญาณของต้นไม้วิญญาณสลายไป หลี่ฉางโซ่วก็ได้ลงมือและใช้เครื่องมือเวทรวบรวมวิญญาณที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อเก็บวิญญาณที่ค่อนข้างไม่สมบูรณ์ของวิญญาณต้นไม้
โชคดีที่หลังจากใช้เวลามากกว่าสิบปีในการประคบประหงมในยอดเขาหยกน้อย วิญญาณแท้ของวิญญาณต้นไม้น้อยได้ฟื้นคืนสู่ความสมบูรณ์แบบและสามารถกลับชาติมาเกิดได้โดยตรง
หลี่ฉางโซ่วไม่รอช้า เขากำลังจะไปแดนยมโลกทันที
แต่คราวนี้ จิ่วจิ่วอาสาจะตามไป แต่หลี่ฉางโซ่วเกลี้ยกล่อมให้นางฝึกบำเพ็ญอยู่บนภูเขาเพราะภายนอกนั้นอันตรายเกินไป
ทว่าจิ่วจิ่วยังคงฝึกบำเพ็ญที่ฐานพลังเซียนเสิ่นขั้นสูงสุด และนางก็หันไปใช้กระบวนท่าไม้ตายของนางอีกครั้ง… ร้องไห้
หลี่ฉางโซ่วจึงทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น จากนั้น เขาก็ให้ตุ๊กตากระดาษจำลองที่จะออกในไปครั้งนี้เตรียมการฉุกเฉินเพิ่มเติม เขาเพิ่มจำนวนตุ๊กตากระดาษจำลองที่เขามีและใช้ไพ่ไม้ตายสองสามใบ…
ครึ่งวันต่อมา พวกเขาก็นั่งอยู่บนน้ำเต้าขนาดใหญ่ของอาจารย์อาน้อยและรีบไปที่เสาสวรรค์ทะเลบูรพาด้วยกัน
เมื่ออาจารย์อาจิ่วจิ่วยืนกรานที่จะไป พวกเขาก็คาดว่าน่าจะไปถึงแดนยมโลกในอีกหนึ่งหรือสองวันต่อมา…
………………………………………………………………..
[1] เหมือนการติดสินบนแบบหนึ่งโดยการเข้าหาผู้ใกล้ชิดของผู้ที่มีอำนาจ เพื่อขอบางสิ่งบางอย่างที่จะเป็นผลประโยชน์แก่ตัวผู้ไปหา แทนที่จะไปหาผู้ที่มีอำนาจโดยตรง