ตอนที่ 382 ถนอมตัวด้วย สหายเฒ่า (2)
เมื่อเห็นว่า หลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่เข้าปิดด่านอยู่ในกระท่อมมุงจากของเขา หลี่ฉางโซ่วจึงวางข่ายอาคมพลังเซียนขึ้นสองชั้น ซึ่งอยู่ในระดับความแข็งแกร่งของเซียนหยวนก่อนจะยืนขึ้นแล้วออกจากกระท่อมมุงจาก
จากนั้น เขาก็ไปดูการเติบโตของเหล่าสัตว์วิญญาณที่ของพวกมันก่อนจะไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อเยี่ยมชมต้นไม้ที่เลิศล้ำคุณูปการแห่งยอดเขาหยกน้อย
เฮ้อ…กล่าวได้ว่าหากไม่มีต้นไม้วิญญาณเหล่านี้อุทิศตนให้จากรุ่นสู่รุ่น ก็คงไม่มีหลี่ฉางโซ่วอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้!
และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพวกมัน หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจปลดระวางต้นไม้วิญญาณกลุ่มนี้ออกไปก่อนกำหนด เขาขุดรากถอนโคนพวกมันทั้งหมด แล้วเผาด้วยเพลิงสมาธิแท้ก่อนจะกระจายขี้เถ้าของพวกมันด้วยมือของเขาเอง
เขาไร้ทางเลือก เพราะพวกมันรู้มากเกินไป
เมื่อมองดูขี้เถ้าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก… ด้วยเหตุที่ร่างหลักของเขาไม่ได้ออกไปที่ใดมาเป็นเวลานาน ตอนนี้จึงคาดการณ์และวางแผนได้มากขึ้นแล้ว แต่ไม่มีโอกาสมากนักที่จะกระจายเถ้าถ่าน[1]ด้วยมือของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วได้วางแผนว่า ต่อจากนี้ เขาจะไปยังสถานที่ที่เหมาะสมและแสวงหาสมบัติวิญญาณเพื่อปกป้องตัวเองต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า เขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ต่อสู้กับผู้ฝึกบำเพ็ญคนอื่น ๆ ได้
ส่วนการกระจายขี้เถ้านั้น นั่นเป็นวิธีที่จำเป็นในการตัดกรรมเมื่อเผชิญกับการต่อสู้ เพราะร่างหลักของเขาไม่อาจออกไปค้นหาสมบัติได้ และมันจะกลายเป็นความผิดพลาดเล็กน้อยที่นำไปสู่การสูญเสียที่ใหญ่หลวงได้และยังเป็นการวางเกวียนไว้หน้าม้า[2]อีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขายังมีเต๋าแห่งการหลอมโอสถที่เหล่าจื้อถ่ายทอดให้เขา และเขาย่อมจะกลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถในยุคของเขาได้อย่างไร้ปัญหา
แม้เขาจะไม่อาจใช้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติวิญญาณล้ำค่าอย่างแท้จริงได้ แต่ก็สะสมให้มากขึ้นได้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพได้เช่นกัน
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วกำลังมองดูควัน และพึมพำว่า “ถนอมตัวด้วย สหายเฒ่าของข้า”
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนี้ ข้าก็ควรจะหาต้นไม้วิญญาณระดับสูงเพื่อให้ได้เยื่อไม้ทำกระดาษที่มีคุณภาพดีขึ้น
หลังจากที่เขาปรับปรุงเวทหลบหนีทุกประเภทในภายหลัง เขาก็จะพยายามปรับปรุงพลังเวทตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
เขาคิดว่า ถึงเขาจะสร้างร่างจำแลงของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในขอบเขตเซียนจินไม่ได้ แต่ก็ควรจะสามารถปรับปรุงคุณภาพของเซียนจินบ้าง…
ด้วยเหตุที่พลังเซียนของเขาทะยานสูงขึ้นสู่เซียนจินซึ่งไม่อาจเทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ได้อีกแล้ว และภายใต้การสนับสนุนของพลังเซียนจิน ก็คาดว่า ความแข็งแกร่งโดยรวมของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์น่าจะไปถึงเซียนเทียนขั้นปลายได้
หากมีปริมาณมากกว่านั้น ก็ถือได้ว่าเป็นพลังการต่อสู้จำนวนหนึ่ง
และเมื่อรวมกับพลังเวทโปรยถั่วเป็นทหาร จำนวนทหารถั่วที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สร้างขึ้นได้ในคราวหนึ่ง ก็จะทวีขึ้นอีกหลายเท่าเช่นกัน
มันไม่ใช่ความเพ้อฝันของคนเขลาอีกต่อไปแล้วที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จะต่อสู้กับเซียนจิน คนหนึ่งได้! อย่างไรก็ตาม หากองค์เง็กเซียนปล่อยร่างจำแลงของเขาออกมาจริง ๆ และนำทหารถั่วหนึ่งแสนนายไปสู้ทุกที่… มันก็จะมีคุณค่าต่างออกไป…
หลี่ฉางโซ่วเดินเล่นอยู่บนภูเขาอีกครึ่งชั่วยามและในขณะที่กำลังจะกลับไปที่หอโอสถ จู่ ๆ ระฆังในสำนักตู้เซียนก็ดังขึ้นเมื่อเจ้าสำนักเรียกผู้นำยอดเขาทั้งหลายไปที่โถงตู้เซียนเพื่อหารือเรื่องต่างๆ
ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็เห็นท่านอาจารย์ของเขารีบออกจากกระท่อมมุงจากด้วยดวงตางัวเงีย เขาถือเสื้อคลุมเต๋า และลูบเคราในขณะที่รีบขี่เมฆไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์
ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์หลับไปนานเพียงใด…
หลังจากนี้อีกหนึ่งหรือสองปี อาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่ที่กลับชาติมาเกิดก็จะกลับมา เมื่อถึงยามนั้น ท่านอาจารย์ก็น่าจะมีพลัง กระปี้กระเป่ามากกว่านี้
จุดประสงค์ของการเรียกประชุมผู้นำยอดเขาทั้งหมดในคราวนี้ น่าจะเป็นการหารือเกี่ยวกับพิธีเปิด
หลังจากนี้ เขาจะต้องเตือนท่านอาจารย์ไม่ให้รับศิษย์กลับมาโดยไม่ตั้งใจอีก
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ แผ่ขยายสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปในสำนัก และได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของบรรดาศิษย์ลาดตระเวนสองสามคน … “ตอนนี้ สำนักตู้เซียนมีเซียนจินสามคน ไม่รู้ว่า ในบรรดาเซียนจินสามคนนี้ เซียนจินคนใดจะมีพลังเวทแข็งแกร่งกว่ากัน?”
“แน่นอนว่า ต้องเป็นท่านเจ้าสำนักสิ! ท่านเจ้าสำนักกลายเป็นเซียนจินมานานกี่ปีแล้วเล่า? ” “ผู้อาวุโสฉีหลิงก็สืบสายโลหิตสัตว์เทพโบราณนะ…”
“ไม่จำเป็นหรอก ข้ารู้สึกว่าพลังเวทของปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่งนั้น ทรงพลังแข็งแกร่งที่สุด ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้ยินมาว่าหลังจากที่เขากลายเป็นเซียนจินแล้ว เขาก็ทะลวงด่านพลังได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง”
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย มาลาดตระเวนบนภูเขาให้ดีตามหน้าที่แล้วคิดว่าเราจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนได้อย่างไรดีกว่า!” แล้วเสียงนั้นก็ลอยหายไปกับสายลม…
หลี่ฉางโซ่วยิ้มสงบก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
……
ไม่กี่วันต่อมา เพื่อจะไปพบองค์เง็กเซียน หลี่ฉางโซ่วจึงไปที่หอสมบัติหลิงเซียว แล้วรีบไปที่หอทงหมิงและมองไปที่พระราชโองการที่กำลังจะออกมา
ในช่วงเวลาราวครึ่งปี ก็จะออกพระราชโองการได้สำเร็จ และเผ่ามังกรก็จะได้รับตำแหน่งเทพระดับล่างบางตำแหน่ง
แน่นอนว่า เผ่ามังกรย่อมเป็นผู้จัดหาผู้สมัครตำแหน่งเทพเหล่านั้น
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ปวดหัวจริงๆ เมื่อคิดว่าจะให้รางวัลตอบแทนอย่างไร
ในกระบวนการนี้ ไม่เพียงแต่จำเป็นต้องเน้นย้ำถึงความยิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์เท่านั้น แต่ยังต้องให้เผ่ามังกรรู้ว่าตำแหน่งเทพแห่งศาลสวรรค์นั้นไม่ได้มาง่ายๆ และยังต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากเผ่ามังกรด้วย…
หลังจากอยู่ในสำนักอย่างปลอดภัยเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้คิดถึงเรื่องนี้ในขณะที่ทำความเข้าใจเต๋าอันยิ่งใหญ่และเต๋าแห่งการหลอมโอสถ ในที่สุด เขาได้จัดทำแผนหนึ่งขึ้นมา ด้วยหลักการให้องค์เง็กเซียนมีส่วนร่วมในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงได้จัดทำบันทึกเสนอแนะเพื่อให้องค์เง็กเซียนได้อ่านดู
หลังจากได้รับพระราชานุญาติจากองค์เง็กเซียนแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไปที่หอทงหมิงเพื่อรวบรวมทหารสวรรค์ชั้นยอดจำนวนห้าพันคน ต่อจากนั้น เขาก็จะไปออกประกาศพระราชโองการและแสดงความขอบคุณกับเขาด้วย
หลังจากนั้น ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะติดต่อกับอ๋าวอี่ อ๋าวอี่ก็ได้ส่งคำเชิญผ่านการสื่อสารทางเจตจำนงวิญญาณมาด้วยแล้ว เพียงเมื่อพวกเขาทั้งสองคนเพิ่งสร้างการสื่อสารผ่านรูปปั้น อ๋าวอี่ก็ร้องตะโกนออกมาอย่างเบิกบานใจ…
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก!”
“เหตุใดเจ้าถึงเบิกบานนัก? มีอะไรน่ายินดีหรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ!” อ๋าวอี่รีบพยักหน้าแล้วลังเล และในที่สุด เขาก็กล่าวเบา ๆ ว่า “ข้าพูดเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ขอรับ”
“ระหว่างเจ้าและข้า ยังต้องทำดุจเป็นคนนอกเช่นนี้อีกหรือ?”
“นั่นสินะ สหายของท่านก็เป็นสหายของข้า” ใบหน้าของอ๋าวอี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะกล่าวว่า “พระมารดาของข้ามีความคิดหนึ่ง นางอยากให้ข้ามีน้องชายหรือน้องสาวสักคนขอรับ!”
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเปล่งประกายทันที
อ๋าวปิ่งจะเกิดหรือ?
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอและยิ้มพลางกล่าวว่า “ยินดีด้วย ยินดีด้วย… แล้วเป็นปัญหาหรือไม่ที่ราชามังกรจะมีลูก?”
“ใช่แล้วขอรับ” อ๋าวอี่ถอนหายใจและกล่าวว่า “ส่วนใหญ่เป็นเพราะกรรมร้าย แม้พระมารดาจะคิดขึ้นมาแล้ว และพระบิดาก็เห็นด้วยเช่นกัน แต่ก็อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะได้”
“อย่ากังวลไปเลย ข้ามีข่าวดีให้เจ้า พระราชโองการแห่งศาลสวรรค์ได้ออกมาแล้ว และข้าก็ได้รับมาแล้ว”
“จริงหรือขอรับ?!”
อ๋าวอี่ยิ้มแฉ่งทันที “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าจะให้พระบิดาเตรียมตัวเดี๋ยวนี้! ครั้งนี้เราต้องฉลองแล้ว!” “ไม่ต้องรีบร้อน ข้ามีความคิดดีๆ บางอย่างแล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้เผ่ามังกรรักษาสถานการณ์ให้มีเสถียรภาพได้เท่านั้น แต่ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามังกรและศาลสวรรค์อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์เง็กเซียนประทานตำแหน่งเทพเพิ่มเติมให้ได้ในภายหน้าอีกด้วย ”
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก โปรดชี้แนะข้าเถิดขอรับ!”
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวชี้แจงอ๋าวอี่
ในเวลานั้น พื้นที่เจตจำนงวิญญาณนั้นมีหมอกพร่ามัว ร่างสองร่างหยุดอยู่ในนั้น หลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานาน ในที่สุด อ๋าวอี่ก็ออกไปจากสถานที่นั้นอย่างตื่นเต้น
……
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ชายแดนของดินแดนเทวะอุดร เสือดำที่เต็มไปด้วยบาดแผลได้วิ่งเข้าไปในป่าพักหนึ่งจนในที่สุดก็มาถึงทะเลสาบที่ไม่คุ้นเคย จากนั้น มันก็แปลงร่างเป็นมนุษย์และนอนลงพลางหอบอย่างหนักอยู่ในทะเลสาบในสภาพที่น่าเวทนา
ในขณะนั้น เสี้ยวพลังวิญญาณที่ปะปนอยู่ในน้ำได้แทรกซึมเข้าไปในบาดแผลของมันอย่างรวดเร็วและรักษาอาการบาดเจ็บของมันจนหาย การเป็นปีศาจ มันช่างยากจริงๆ
หลังจากที่ราชาแรดถูกสังหาร เขาก็หันไปเข้าร่วมกับกลุ่มปีศาจเล็กๆ และคราวนี้ ก็แสร้งทำเป็นใบ้
แต่ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่คลายความระแวดระวังในใจเล็กน้อยเท่านั้น กลุ่มนี้ก็ถูกทำลายลงเมื่อ สองสามวันก่อน… เกิดอันใดขึ้นกับข้า?
ข้าขาดโชค ไร้บุญ หรือทำเรื่องชั่วร้ายในชาติก่อนหรือไม่?
ตั้งแต่ได้รับสติปัญญา ข้าก็ฝึกบำเพ็ญมาหลายปีแล้ว และไม่กล้าแตะต้องกรรมใดๆ แล้วเหตุใดสวรรค์ถึงทำกับข้าเช่นนี้?
“เฮ้อ…” เสือดำถอนหายใจเบาๆ หัวใจของเขาเงียบสนิท เขาถอนหายใจและกล่าวว่า “แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ไยไม่ปล่อยให้ข้าตายที่นี่? ดีกว่าจะถูกทรมานเช่นนี้ในอนาคต”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็มีกระแสวังวนเล็กๆ ปรากฏขึ้นในน้ำในทะเลสาบข้างๆ เขา ทันใดนั้น ปีศาจน้ำที่ค่อนข้างงดงามก็ปรากฏตัวขึ้นและมองดูเขาอย่างสงสัย
จากนั้น นางก็ลากเขากลับไปที่ถ้ำที่พำนักและดูแลอย่างดี แล้วบังคับเขาให้มาเป็นสามีภรรยากัน…
………………………………………………………………..
[1] สะสาง ชำระความและจัดการเรื่องต่างๆ
[2] พิจารณาความสำคัญไม่เป็น จัดลำดับความสำคัญไม่ได้ ไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง หรือจัดวางสลับกัน