ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 446 ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณขาวเก้าสวรรค์ (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 446 ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณขาวเก้าสวรรค์ (3)

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเอ๋อร์ก็หน้าแดงขึ้นกะทันหัน นางอยากจะพยักหน้าแต่ก็ไม่กล้า จึงทำได้เพียงมองดูศิษย์พี่ของนางอย่างอ่อนแรงในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

ในอีกด้านหนึ่งนั้น ฉีหยวนก็เตือนอย่างกังวลว่า “ข้ามีประสบการณ์ในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ หากเจ้าต้านทานไม่ได้ ก็จงอย่าฝืนบังคับตัวเองให้เผชิญหน้า ฉางโซ่ว เจ้าเตรียมโอสถเม็ดนั้นไว้ให้ศิษย์น้องหญิงของเจ้าหรือไม่?”

“ศิษย์ได้เตรียมเม็ดโอสถชนิดอื่นไว้แล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ โปรดวางใจ เมื่อยามที่ท่านข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ในตอนนั้น ระดับฐานพลังและความสามารถของศิษย์ยังไม่เพียงพอ ทว่ามาถึงยามนี้ ศิษย์ได้เตรียมพร้อมสำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ให้ศิษย์น้องหญิงแล้วขอรับ”

“ดี นั่นก็ดี” ฉีหยวนถอนหายใจ จากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์และฉีหยวนก็หลีกทางให้หลี่ฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์ทันที

ในเวลาต่อมา ก็มีคำพูดให้กำลังใจจากคนรอบข้าง หลิงเอ๋อร์โค้งคำนับให้พวกเขาทีละคน แต่นางไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้ หลังจากออกจากสำนักแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่สำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งอยู่บนภูเขารกร้างที่อยู่ข้างหน้า

ฉีหยวนและคนอื่นๆ ตามก้อนเมฆและหยุดอยู่ห่างออกไปสิบลี้ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วไปต่ออีกสิบลี้และบอกหลิงเอ๋อร์ว่าการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของนางอยู่ที่ใด

“ไปได้”

“ศิษย์พี่…”

“มั่นคง”

“เจ้าค่ะ!”

หลิงเอ๋อร์พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะลอยขึ้นไปโดยใช้มือซ้ายของนางนำทาง ชุดกระโปรงของนางพลิ้วไหว และเส้นผมยาวของนางก็ปลิวไปตามสายลม ในขณะนั้น นางดูประดุจเทพธิดาที่บินออกมาจากภาพวาด

นางบินไปยังภูเขารกร้าง ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยของการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์

ครืน! ครืน!

เสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้องอยู่เหนือศีรษะของนาง หลิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าหมู่เมฆสีดำบนท้องฟ้าเริ่มหมุน

ใช่แล้ว อาจารย์อาน้อยอยู่ที่ใดกัน?

ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงฆ้องและกลองดังมาจากด้านข้าง หลิงเอ๋อร์จึงหันศีรษะไปและเห็นว่าบนก้อนเมฆที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ลี้นั้น มีจิ่วจิ่วที่สวมเสื้อแขนสั้นและโพกผ้าโพกศีรษะที่ระบุถ้อยคำหนึ่ง

นางโบกไม้ตีกลองและตีกลองในขณะที่สงหลิงลี่ยืนอยู่ด้านข้างและตีฆ้องต่อไป แล้วทั้งสองก็ร้องตะโกนพร้อมกันว่า “หลิงเอ๋อร์จะทำได้สำเร็จ!” “ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และกลายเป็นเซียน!”

ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่า ยืนอยู่ข้างหลังพวกนางทั้งสองคน นางยกขาขวาขึ้นและชี้เท้าซ้ายลงไปที่พื้น นางสวมชุดสีแดงเพลิงและดูงดงามยิ่ง ชั่วเวลานั้น นางถือเสาธงสิบหกเสาด้วยนิ้วเรียวยาวของนาง ซึ่งบนธงนั้น มีวลีที่กล่าวว่า ‘หลิงเอ๋อร์จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน’ และ ‘ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และกลายเป็นเซียน’

หลิงเอ๋อร์อดจะเอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากไมได้ และด้วยเหตุผลบางอย่าง นางก็รู้สึก… ละอายใจเล็กน้อย

“อย่าวอกแวกไป”

หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงและรีบพุ่งไปหาในขณะที่หลิงเอ๋อก็ได้สติขึ้นมาทันทีและหยิบคลังเวทจัดเก็บและอาวุธเวทออกมาจากถุงเก็บสมบัติก่อนจะผลักพวกมันให้อยู่ห่างจากนางไปร้อยจั้ง และห่อพวกมันเอาไว้ด้วยพลังเวทเพื่อพร้อมที่จะใช้ได้ตลอดเวลา

พวกมันเป็นสิ่งของ เช่น กรงฟาราเดย์ และอาวุธเวทพิเศษอื่นๆ ของยอดเขาหยกน้อย ซึ่งมีสามประเภทและมีอาวุธเวทรวมทั้งหมดเก้ารายการ

มีเครื่องมือเวทหกรายการ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อปกป้องปราณวิญญาณในช่วงระหว่างการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งครึ่งหนึ่งในนั้น เป็นสมบัติเซียนระดับสูง

มีเครื่องมือเวทสี่รายการ ที่สามารถรวบรวมพลังจิตและฟื้นฟูพลังเวทให้ได้อย่างรวดเร็ว

มีสิบสองรายการที่ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีแบบลอบโจมตี กระตุ้นรากฐานค่ายกลขนาดเล็ก…

มีโอสถวิญญาณระดับสองจำนวนสองขวดที่สามารถเพิ่มความต้านทานต่อทัณฑ์สายฟ้าได้

มีโอสถวิญญาณระดับสี่ จำนวนหกขวด ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างต่อเนื่อง

มีโอสถวิญญาณระดับระดับสาม จำนวนสามขวดที่ปล่อยฤทธิ์ยาออกมาได้อย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งการฟื้นตัวของพลังเซียน และมีโอสถขวดหนึ่งที่สามารถฟื้นฟูปราณวิญญาณได้

นอกจากนี้ยังมีโอสถสามชนิดที่สามารถรักษาซ่อมแซมฐาน เต๋าได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้หายจากอาการบาดเจ็บ… และอื่นๆ อีกมากมาย

ห่างออกไปสิบลี้ ในทิศทางของสำนัก บรรดาเซียนจากสำนักตู้เซียน ที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้น ล้วนมีสีหน้าซับซ้อน

ในเวลานั้น เจียงหลินเอ๋อร์พึมพำเบาๆ ออกมาว่า “ยอดเขาหยกน้อยของเรามั่งคั่งมากเพียงนี้มาตั้งแต่เมื่อใดกัน? นับประสาอะไรกับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียน ผู้คนย่อมจะเชื่อว่า พวกมันล้วนมีไว้เพื่อการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน!”

ฉีหยวนหัวเราะเบาๆ บัดนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสบายใจ

“แค่กๆ แค่กๆ” จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกระแอมไอเล็กน้อย แล้วร่างเพรียวบางก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้าและหยุดลงตรงหน้าพวกเขา เขายืนอย่างสงบขณะยืนไพล่มือไปไว้ข้างหลัง

แน่นอนว่า ผู้ที่มานี้คือ เจ้าสำนักตู้เซียน เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่ว

จี้อู๋โหย่วยิ้มและกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นข้ามอบให้ หลิงเอ๋อร์เป็นอัจฉริยะการฝึกบำเพ็ญที่หายากได้ในรอบพันปีของสำนักตู้เซียน มันย่อมสมเหตุสมผลที่ข้าจะดูแลนาง”

บรรดาเซียนของสำนักตู้เซียน พลันได้รับกระจ่างแจ้งทันทีในขณะที่จี้อู๋โหย่วยิ้มและหรี่ตา

ดูจากท่าทีของการการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้แล้ว ตัวตนของลูกสะใภ้ของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ย่อมจะได้รับการยืนยันแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์หลังจากนี้ ข้าจะช่วยให้นางข้ามผ่านการทดสอบไปได้ ต่อให้ข้าต้องเสียเครื่องมือเวทไปสักสองสามชิ้นก็ตาม

ในขณะนั้น เมฆทัณฑ์สวรรค์ได้เริ่มก่อตัวเป็นกระแสวังวนกำแพงสายฟ้า และหยุดลงกะทันหัน ในขณะที่คลื่นพลังวิญญาณได้เริ่มรวมตัวกันมาจากทั่วทุกทิศทาง

จากนั้น เมฆทัณฑ์สวรรค์ซึ่งก่อตัวขึ้นแล้ว ก็เริ่มเติบโตขยายออกไปอีกครั้ง!

หลี่ฉางโซ่วไม่รู้สึกแปลกอะไร ทัณฑ์สวรรค์ที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้คือ ทัณฑ์สวรรค์ที่หลิงเอ๋อร์น่าจะทนต้านรับได้ด้วยศักยภาพของนางเอง

ในขณะนั้น พลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากฐานเต๋าในยามนี้ของหลิงเอ๋อร์ หลี่ฉางโซ่วคำนวณอย่างรวดเร็วในใจ และพบว่า อัตราความสำเร็จยังคงเป็นเก้าสิบแปดในร้อยส่วน…

“หือ?”

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสบางอย่างได้ และเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นเมฆสีเทาลอยออกมาจากเมฆทัณฑ์สวรรค์และหยุดอยู่เหนือศีรษะของเขา

เหตุใดกัน?

ทันใดนั้น ร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าและเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าสามพันลี้ทางตะวันออกของสำนักตู้เซียนก็หยุดลงกะทันหัน

มันคือเสือดำกับเด็กสาวที่อยู่บนหลังของมัน

เมื่อไม่นานมานี้ เสือดำได้ฟื้นความทรงจำบางส่วนจากชีวิตในชาติก่อนของเขา

เขาพาภรรยาของเขาไปที่ป่าที่ชายขอบของดินแดนเทวะทักษิณเพื่อค้นหาสมบัติที่เขาฝังเอาไว้เมื่อยามที่เขาถูกเรียกขานว่า ‘นักพรตเต๋าหยวนเจ๋อ’ ในชีวิตชาติก่อน

ในขณะนั้นเขามองไปทางทิศตะวันออกและมองเห็นเมฆทัณฑ์สวรรค์ ดูเหมือนว่า บนเมฆทัณฑ์สวรรค์นั้น จะมีกลุ่มเทพธิดากำลังร่ายรำอยู่

ฟ่อ–

“ความจริงแล้ว มันคือ ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณขาว[1]เก้าสวรรค์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่สามในทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียน!”

ทันใดนั้น เสือดำก็สูดลมหายใจเข้าลึกในขณะที่เด็กสาวรีบกล่าวว่า “พูดให้ฟังง่ายๆ หน่อยเถิด อย่าพูดยาว”

“นางไม่อาจข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ใหญ่หลวงเช่นนี้ได้ นางไม่อาจรอดพ้นไปได้อย่างแน่นอน!”

………………………………………………………………..

[1] วิญญาณบริสุทธิ์

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท