บทที่ 566 ลูกผู้ชายแก้แค้นไม่ต้องรอนานก็ได้ (2)
หลี่ฉางโซ่วจำเรื่องนั้นได้แล้วเปลี่ยนหัวข้อไปที่ข่าวลือทันที
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต้องการปรากฏตัวเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
แต่หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ศิษย์คิดว่าแม้ว่าเรื่องนี้จะเล็กน้อย แต่หากคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยไปที่วังอวี่ซวีเพื่อสอบถามเอาความกับหวงหลงเจินเหริน มันก็จะระเบิด กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นได้ง่ายมาก ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดท่านไม่เชิญหวงหลงเจินเหรินก่อน แล้วเราค่อยรีบไปที่ถ้ำหลัวฝูด้วยกันขอรับ? ศิษย์มีร่างจำแลงรออยู่ที่นั่น ศิษย์ยังต้องคิดวิธีอื่นเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกขอรับ”
“ได้” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยืนขึ้นและเตือนว่า “เป็นการดีที่สุดหากเราสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ทันที ข่าวลือเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจ มันไม่ดีเลยจริงๆ”
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โปรดวางใจ ศิษย์มีแผนแล้วขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าเบาๆ แล้วใช้เวทเคลื่อนย้ายเฉียนคุนเพื่อออกไปจากวังดุสิต
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่ห้องโถงวังดุสิตที่ว่างเปล่าแล้วโค้งคำนับก่อนที่จะลื่นไถลเล็ดลอดออกไป
เสี่ยวจินและเสี่ยวหยินได้ไปที่ใดสักแห่ง วันนี้ วังดุสิตจึงวังเวงว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด…
หลังจากออกจากวังดุสิต หลี่ฉางโซ่วก็รีบไปที่หอสมบัติหลิงเซียว เขารออยู่ด้านนอกห้องโถงครู่หนึ่งและทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน
จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็รีบนำหวงหลงเจินเหรินไปที่ถ้ำหลัวฝูและพบกับตั๋วเป่า จ้าวกงหมิง หลี่ฉางโซ่วและเทพธิดาน้อยทั้งสองที่งงงัน
เรื่องเหตุการณ์ระหว่างจ้าวกงหมิงและเทพธิดาหั่วหลิงเป็นเพียงข่าวลือ เมื่อคนทั้งหลายที่เกี่ยวข้องมาพบกัน พวกเขาก็อธิบายและแถลงไขเรื่องความเข้าใจผิดให้กระจ่างได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติทันที
หวงหลงเจินเหรินถึงกับเริ่มที่จะให้สัตย์ปฏิญญาต้าเต๋าก่อน เขาบอกว่าเขาไม่เคยบอกเรื่องเทพธิดาหั่วหลิงกับผู้ใด และพลังแห่งเต๋าสวรรค์ก็มาและไปครั้งหนึ่ง ซึ่งนับเป็นการได้รับการตรวจสอบยืนยันด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงตอนนี้ ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ไร้ข้อกังขาใดๆ
เป็นไปได้สูงที่เรื่องนี้จะเป็นตี้จั้งและตี้ทิง กระทำการเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย…ตี้จั้งมีสัตว์เทพ ตี้ทิง คอยรับฟังและช่วยเหลือ มันสามารถคว้าลมจับเงา[1] สร้างข้อกล่าวหาตามสิ่งที่ได้ยินมา จัดการให้เป็นข่าวลือและกระจายข่าวลือออกไปได้ตามต้องการ แม้ผลกระทบจะดีและให้ความรู้สึกตำลึงปาดพันชั่ง[2] แต่สุดท้าย มันก็มักจะเลวร้ายเสมอ
มันเป็นจุดอ่อน!
นี่เป็นเพราะสำนักบำเพ็ญประจิมเป็นผู้เริ่มทำเช่นนั้นก่อน จากนั้นเขาจะตอบโต้กลับอย่างเหมาะสมต่อไป มันก็เป็นผลกรรม
เมื่อก่อเหตุแห่งทุกข์ ก็ควรได้รับผลไม้รสขม[3]!
หลังจากตัดสินใจได้ หลี่ฉางโซ่วก็เดินเข้าไปในหอสมบัติหลิงเซียว
ในขณะนั้นองค์เง็กเซียนซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ดูเริงร่ากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีและเผยรอยยิ้มบางออกมา
จากนั้นองค์เง็กเซียนในชุดขาวก็กล่าวว่า “ขุนนางฉางเกิง เจ้ายืนอยู่ข้างนอกมานานแล้ว มีเรื่องไม่ดีอันใดที่เจ้าไม่สะดวกจะพูดหรือไม่?”
“ฝ่าบาท ตอนนี้เทพน้อยลังเลเล็กน้อยจริงๆ ไม่รู้ว่าควรถามฝ่าบาทดีหรือไม่…”
“ถามมาเถิด ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่างเท่าที่ข้ารู้!”
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญเล็กน้อยและถามเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท พระองค์สามารถระดมพลังเต๋าสวรรค์ได้มากเพียงใด? และทรงทำได้ถึงเพียงใดหรือ? ”
องค์เง็กเซียนก็สับสนเช่นกัน ไม่รู้ว่า เหตุใดหลี่ฉางโซ่วจึงเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา…
“อืม…”
องค์เง็กเซียนส่งเสียงพึมพำเบาๆ และกล่าวคำพูดค่อนข้างจริงจังว่า “หากเราพบคนชั่วร้ายมากหรือคนที่ไม่เคารพต่อศาลสวรรค์ หรือหรือหากมีสิ่งชั่วร้ายใดๆ มาโจมตีหอสมบัติหลิงเซียวของข้า ก็ย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรในการเรียกสายฟ้าเทพสวรรค์ม่วงมาตอบโต้”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็อุทานอย่างชื่นชมในใจ
เขาชื่นชมรูปแบบการกระทำสิ่งต่างๆ ที่เคร่งครัดมากขึ้นขององค์เง็กเซียน
สายฟ้าเทพสวรรค์ม่วง… ไม่ใช่ปัญหาใหญ่…
ไม่มีใครอีกแล้วที่จะปฏิบัติกับข้าเช่นนี้
…
ในถ้ำหลัวฝู
หลี่ฉางโซ่วหลับตาและนั่งขัดสมาธิบนเบาะทำสมาธิที่มุมห้อง เหล่าผู้อาวุโสยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของทั้งสามสำนักนั่งรอบโต๊ะเตี้ยในขณะที่เทพธิดาจินกวงและเทพธิดาหั่วหลิงซ่อนตัวอยู่ในห้องศิลาที่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำ
ในขณะนี้ เทพธิดาจินกวงยังคงนอน “หมดสติ” อยู่ที่นั่น เทพธิดาหั่วหลิงรู้สึกผิดเล็กน้อย โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วได้แอบส่งข้อความเสียงเพื่อให้ทั้งสองคนแสดงต่อไปตามอุบายที่วางไว้กันให้ถึงที่สุด
มีความเงียบเป็นเวลานานในถ้ำหลัวฝู…
“ศิษย์พี่ใหญ่” นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากล่าวว่า “พวกเราปล่อยเรื่องนี้ไปได้หรือไม่?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “หากไม่มีหลักฐาน เราจะเผชิญหน้ากับผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้ได้อย่างไร?”
“เขาสมควรตาย!” หวงหลงเจินเหรินก่นด่า “เขาสมควรตายเพราะอยู่เบื้องหลังแผนการเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้!”
จ้าวกงหมิงลูบเคราและกล่าวเบาๆ ว่า “เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้เช่นนั้น ในเวลานี้ ข่าวลือนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว และทำให้ชื่อเสียงของศิษย์หลานหั่วหลิงเสื่อมเสียไปโดยไร้เหตุผล
แต่อย่างที่ศิษย์พี่ใหญ่ว่าไว้ เราจะทำอย่างไรได้หากรู้ว่าสำนักบำเพ็ญประจิมกำลังสร้างปัญหา?”
ตั๋วเป่ายังกล่าวอีกว่า “หรือว่าพวกเราต้องทนกล้ำกลืนความคับแค้นใจนี้เอาไว้”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถามว่า “แล้วพวกเจ้าวางแผนอย่างไร?
นักพรตเต๋าทั้งสามต่างก็เงียบงันพร้อมกัน แต่ละคนล้วนขมวดคิ้วครุ่นคิด
ทันใดนั้น ตั๋วเป่าก็หัวเราะและกล่าวว่า “เช่นนั้นก็กระจายข่าวลือไปออกไปทั่วทุกที่ แล้วเอาคืนมันกลับในแบบเดียวกันเป็นสองเท่า”
จ้าวกงหมิงกล่าวว่า “เมื่อถึงเวลานั้น ข่าวลือจะแพร่สะพัดไปทั่วหล้า และจะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเราก็จะต้องเป็นผู้ที่ต้องทนทุกข์”
“ศิษย์พี่…ทุกท่าน?”
หลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้นที่มุมห้องและยิ้มสงบ เขาปรับชายเสื้อคลุมเต๋าพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวว่า “ข้ามีแผนหนึ่งที่อาจได้ผล”
ดวงตาทั้งสี่คู่พลันเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันใด
จ้าวกงหมิงลูบเคราพลางยิ้มและกล่าวว่า “มีแผนหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับ จากนั้นก็ยืนขึ้นพลางยิ้มและกล่าวว่า “แผนนี้แตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา ข้าเรียกมันว่า แผนส่งเสริมก่อนกำราบ ในเมื่อคู่ต่อสู้เปิดโอกาสให้เรา เราก็อาจจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่เช่นกัน ”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าอดจะถามไม่ได้ว่า “ใช้อย่างไรกัน?”
“ทำเรื่องให้ใหญ่ขึ้น!”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เราจะทำให้เรื่องนี้บานปลายขึ้นจนถึงระดับมากพอที่เราอาจทำให้ปรมาจารย์จอมปราชญ์ตื่นตระหนกได้ทุกเมื่อ เราใช้สิ่งนี้เพื่อทำให้ฝ่ายสำนักบำเพ็ญประจิมแตกตื่นและทำให้ผู้บงการอยู่เบื้องหลังรู้สึกว่าไม่อาจทนรับกรรมและแสร้งกดดันเขาได้!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ฉางเกิง บอกแผนของเจ้ามา พวกเรามาคุยกันให้ละเอียด”
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและจัดระเบียบความคิดของเขาก่อนจะกล่าวว่า “การโต้กลับนี้แบ่งออกเป็นสามขั้นตอน ขั้นตอนแรกจะลงมือในวันนี้ ต่อมาศิษย์พี่หวงหลงจะต้องจากไปอย่างเดือดดาลและทำการเคลื่อนไหวบางอย่าง จากนั้น เมื่อกลับไปที่วังอวี่ซวี เขาจะบ่นกับเหล่าปรมาจารย์สองสามคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
หลังจากนั้น เราจะต้องให้ศิษย์หลานหั่วหลิงทำการแสดง จะเป็นการดีที่สุดหากจะดูเหมือนว่า นางอยากจะฆ่าตัวตายและรู้สึกว่าชื่อเสียงสะอาดบริสุทธิ์ของนางถูกลบหลู่ดูหมิ่น แล้วเราจะแพร่กระจายเรื่องนี้ต่อไป
ขั้นตอนแรกคือ การแสวงหาความยุติธรรมให้กับหวงหลงเจินเหรินในถ้ำหลัวฝู และขอให้เทพธิดาหั่วหลิงสาบานด้วยชีวิตของนาง จำไว้ว่าทุกคนที่รู้แผนนี้จะต้องระวังตัวตลอดเวลา อย่าเปิดโอกาสให้ศัตรูฉวยโอกาสเอาเปรียบได้ ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการวางแผนทำร้ายสำนักบำเพ็ญเต๋าของเรา เช่นนั้น เราก็มาทำให้พวกเขาหวาดกลัวและสอนบทเรียนให้พวกเขากัน ต้องให้พวกเขาได้รู้ว่า หากใช้วิธีการที่น่ารังเกียจ พวกเขาจะต้องได้รับผลตามมามากมายไม่รู้จบ! ”
บัดนั้นดวงตาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็เป็นประกาย พวกเขาเข้าใจความคิดที่ตามมาของหลี่ฉางโซ่วแล้ว
ในทางตรงกันข้าม จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินต่างมองหน้ากัน และต่างเห็นในดวงตาของกันและกันว่า พวกเขาไม่เข้าใจอย่างยิ่ง พวกเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
พวกเขาไม่ได้โดดเดี่ยวลำพังแล้ว
ครึ่งชั่วยามต่อมา หวงหลงเจินเหริน ก็มีสีหน้ามืดทะมึน เขาขี่เมฆและออกมาจากถ้ำหลัวฝู หลังจากบินไปได้เพียงไม่กี่ร้อยลี้ เขาก็หันไปทางภูเขาเอ๋อร์เหมย จากนั้นเขาก็แค่นเสียงเย็นชาแล้วจากไป!
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเทพธิดาหั่วหลิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางเดินตามหลังนักพรตเต๋าตั๋วเป่าออกมาจากถ้ำหลัวฝู พร้อมกันนั้น นางก็พาเทพธิดาจินกวงที่บาดเจ็บสาหัสออกไป
การแสดงครั้งยิ่งใหญ่อลังการได้เริ่มขึ้นแล้ว
หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดว่า ตั๋วเป่า และหวงหลงเจินเหรินจะเห็นด้วยกับแผนการที่เขาเสนอขึ้นมาอย่างง่ายดาย…
ในช่วงเวลาครึ่งชั่วยามที่ผ่านมานี้ เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสี่ต่างก็ได้เผยฝีมือการแสดงของพวกเขาและให้ผลพัฒนาการที่ตามมา ซึ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วค่อนข้างพอใจ
หนึ่งในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวงหลงเจินเหริน ซึ่งจะแอบสังเกต “ทิศทางลม” ของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานอย่างลับๆ ในภายหลัง
ความจริงแล้ว แผนนี้ มีห้าจุดประสงค์
หลี่ฉางโซ่วบอกสี่ผู้ยิ่งใหญ่ถึงสี่ขั้นตอนในแผนการของเขาในขณะที่สงวนขั้นตอนสุดท้ายเอาไว้
ลูกผู้ชายแก้แค้นรอนานหน่อยก็ได้
เขาต้องการใช้โอกาสนี้โจมตีตี้จั้งเพื่อวางรากฐานที่ดีสำหรับ “การปิดกั้นตัวเองของตี้จั้ง” ในอนาคต และในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องการให้ตี้จั้งคำนวณและกำหนดเวลาในอนาคตเพื่อจะได้มีข้อจำกัดและตั้งกฎเมื่อวางแผนในอนาคต
เขาไม่อาจใช้การเคลื่อนไหวใดๆ ได้ตามอำเภอใจ
………………………………………………………………..
[1] ปั้นน้ำเป็นตัว
[2] ให้ความรู้สึกดูทรงพลัง ซึ่งยังเป็นชื่อวิชาพื้นฐานที่คล้ายกับว่าใครๆ ก็ใช้ได้โดยมีรูปแบบเป็นการปัดวิชายุทธ์ต่างๆ ของฝ่ายตรงข้างให้พ้นไปจากตัวผู้ใช้ มักพบเห็นมาก โดยเฉพาะในนิยายของกิมย้งที่เรื่องราวมีช่วงเวลาในราชวงศ์หมิง หรือหลังจากนั้น
[3] อุปมาว่าผลลัพธ์ที่ไม่ดี ผลที่ตามมาเจ็บปวด ได้รับความลำบาก