บทที่ 614 น้อมพบเทพีหนี่วาในวังเซิ่งหมู่ (2)
ความจริงแล้ว จู่ๆ ก็มีกระบอกสูบสีดำสนิทที่ยาวสามจั้งและกว้างสามฉื่อได้ปรากฏขึ้นจากอากาศเบาบางที่ด้านบนของหอโอสถ!
ค่ายกลยันต์ที่แข็งแกร่งบนกระบอกสูบถูกเปิดใช้งานทีละแผ่น พลังของพายุสายฟ้าที่บรรจุอยู่ในนั้น พุ่งทะยานสูงขึ้น ในขณะนั้น ปากกระบอกสีดำได้เล็งไปยังร่างที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าหอโอสถแล้ว…
“นี่?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เบิกตากว้าง
เมื่อกฎห้ามของกระบอกสีดำสนิทหยุดลง ยอดเขาหยกน้อยที่สั่นเทาก็สงบเงียบลงกะทันหัน และพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลในภูเขาก็กลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็วและสามารถดึงกลับได้ตามต้องการ
เห็นได้ชัดว่า หลี่ฉางโซ่วรู้สึกตัวแล้ว เขาโผล่ศีรษะออกมาจากโพรงต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบลี้ เขามองไปที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ในหอโอสถอย่างอับจนหนทาง และรีบขี่เมฆบินกลับไปทันที
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและกระซิบ “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ นี่… ศิษย์มีปฏิกิริยารุนแรงมากเกินไป ขอท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดอย่าได้ถือสาศิษย์เลย”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ข้าเป็นคนแรกที่ลองทดสอบก่อนโดยไม่มีเหตุผล ข้าอยากให้เจ้าตั้งค่าใหม่อีกครั้ง”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ส่วนใหญ่มันใช้ซ้ำได้ขอรับ…”
“ทว่าฉางโช่ว อืม ศิษย์น้อง”
“หือ? ท่านกล่าวต่อเถิด กล่าวตามที่ท่านคิดเถิดขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ข้างหน้าเขา และถามคำถามที่มาจากส่วนลึกของปราณวิญญาณของเขา “ศัตรูคู่อาฆาตที่เจ้าจินตนาการถึงนั้น แข็งแกร่งเพียงใดกัน?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศิษย์เพียงเตรียมการทั้งหมดเท่าที่ศิษย์สามารถทำได้ในเวลานี้เท่านั้น และทำอย่างระมัดระวัง เตรียมตัวให้พร้อมย่อมดีกว่า เพียงเท่านั้น ศิษย์ก็จะสามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสงบสุขขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “จริงหรือ… เช่นนั้นก็ช่างเถิด เจ้าตามข้ามาก่อน”
ที่นั่น จิ่วจิ่วและหลิงเอ๋อร์กำลังพุ่งออกมาจากห้องเดินหมากเล่นไพ่อย่างรวดเร็ว
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ใช้พลังเซียนห่อหุ้มร่างของหลี่ฉางโซ่วทันที และออกจากสถานที่นั้นไปด้วยพลังของแผนภาพไท่จี๋
เขาเดินผ่านความว่างเปล่าและท่องไปในจักรวาล
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพียงกำลังจะกล่าวเรื่องงานจริงจัง ทว่าจู่ๆ เขาก็คิดได้และกลับมาสู่ความเป็นจริงพลางจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว โนเวล-พีดีเอฟ
หรือว่า หากสหายผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งเพียงพอ แม้แต่จอมปราชญ์และเต๋าสวรรค์ก็ยังถูกมองว่าเป็นศัตรูในจินตนาการของเขาได้ด้วยซ้ำ?
หลี่ฉางโซ่วถามเบาๆ “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ?”
“ไม่มีอะไร… เทพีหนี่วา ส่งคนมาเรียกให้เจ้าไปที่วังของนาง ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนเจ้าไม่ให้มีเรื่องขุ่นเคืองใจกับเทพีหนี่วา”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำเบาๆ ว่า “เทพีหนี่วา ปรากฏตัวขึ้นเร็วเกินไป? นั่นมันไม่สมเหตุสมผลไปสักหน่อยหรือ…”
“อย่าพยายามเดาเจตนาของจอมปราชญ์เลย”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เอ่อ ศิษย์พี่ ท่านเป็นหนึ่งในมนุษย์กลุ่มแรกที่ปรากฏตัวในโลกนี้ใช่หรือไม่ขอรับ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะพยักหน้าเมื่อเขาอ่านบางอย่างในดวงตาที่สงบของหลี่ฉางโซ่วได้…
มันเป็นกลอุบาย
ไม่เวลานานต่อมา ที่หน้าตำหนักเทพวารีแห่งศาลสวรรค์
เมื่อเปี้ยนจวงมาถึงพร้อมกับเซียนสตรีจากวังของเทพีหนี่วา ประตูของตำหนักเทพวารีก็เปิดออกและมีร่างสองร่างในชุดนักพรตเต๋าเดินออกมา
นักพรตเต๋าหนุ่มทางซ้ายคือปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และแน่นอนว่า ผู้อาวุโสในชุดขาวที่มีเส้นผมสีขาวทางด้านขวาก็คือ ร่างที่ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วเปลี่ยนรูปมาโดยใช้วิชาแปลงร่าง เวทลวงตา และวิชาการปลอมตัวทางกาย
ความคิดของหลี่ฉางโซ่วชัดเจนมาก หากเขาใช้ร่างจำแลงของเขาเข้าพบราชินีจอมปราชญ์ หรือหากเขาใส่ร่างที่แท้จริงของเขาลงในร่างหลักของเขาโดยตรง มันย่อมจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นหากใช้วิธีนี้ ย่อมจะดีกว่า
หากราชินีจอมปราชญ์ตำหนิเขา หลี่ฉางโซ่วก็จะยกเลิกการปกปิดตัวตนโดยปลดวิชาแปลงร่าง และเวทลวงตาทันที แล้วคืนกลับสู่รูปลักษณ์เดิมของเขา …
เขาจะดูเหมือนปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน[1]
เทพธิดาก้าวออกไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ นางเรียกเขาว่าศิษย์พี่และยิ้มให้หลี่ฉางโซ่ว
“นี่คือท่านเทพวารีหรือ? ท่านเทพ ได้โปรด ราชินีจอมปราชญ์ขอเชิญท่านไปที่วังเซิ่งหมู่ ไม่รู้ว่า ท่านเทพวารีมีเวลาที่จะตามข้าไปที่วังเซิ่งหมู่หรือไม่?”
“ในเมื่อเทพีหนี่วาขอให้ข้าไปพบ ข้าก็ย่อมต้องทำตามบัญชา” จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ประสานมือคารวะและกล่าวว่า “ขอเทพธิดาโปรดช่วยนำทาง”
“เช่นนั้น โปรดตามข้ามา”เซียนสตรีผู้นี้ก็ถอดปิ่นหยกข้างจอนหูออกแล้วโบกสะบัดเบาๆ ที่ด้านข้าง
ทันใดนั้นนางก็เสกเรือเมฆที่วิจิตรงดงามขึ้นมาลำหนึ่ง แล้วโค้งคำนับเพื่อเชิญให้หลี่ฉางโซ่วขึ้นเรือ
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “ข้าบำเพ็ญเพียรมานานหลายปีแล้ว ยังไม่เคยไปเยี่ยมเยือนเทพีหนี่วาที่วังเซิ่งหมู่เลย ครั้งนี้ในเมื่อข้ามีโอกาส เช่นนั้น ไยเราไม่ไปด้วยกันเสียเลยเล่า?”
จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นไปบนเรือ
เซียนสตรีกะพริบตาและยิ้มพลางกล่าวว่า “ศิษย์พี่เสวียนตู ท่านใส่ใจเทพวารีจริงๆ”
จากนั้นนางก็ไม่เอ่ยวาจาใดอีก นางยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเรือเมฆพลางถือตะเกียงเอาไว้ในมือ แล้วขับเรือลอยไปทางประตูบูรพา
ก่อนที่เขาจะจากไป หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวเบาๆ อย่างอบอุ่นกับเปี้ยนจวงว่า “แม่ทัพ ลำบากเจ้าแล้ว”
เปี้ยนจวงรีบประสานมือและโค้งคารวะให้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังต่อหน้าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำ…
และก่อนที่เรือเมฆจะทันได้ออกจากศาลสวรรค์ แม่ทัพตงมู่ก็รีบไปหยิบกล่องของขวัญสองกล่อง แล้วมามอบให้หลี่ฉางโซ่วโดยบอกว่านี่เป็นของขวัญจากองค์เง็กเซียนที่มอบให้กับราชินีจอมปราชญ์ และขอให้หลี่ฉางโซ่วช่วยนำพวกมันไปด้วย
เซียนสตรีจากวังเซิ่งหมู่จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ตามมาและแม่ทัพตงมู่ก็รีบจัดการทั้งหมดเพราะสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและศาลสวรรค์ต้องการแสดงออกว่า พวกเขาให้การสนับสนุนเทพวารี…
นางเพียงยิ้มและไม่เอ่ยวาจาใด
จากนั้นเรือเมฆก็แล่นออกจากประตูสวรรค์บูรพาได้สำเร็จและลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยรวมแล้ว มันมั่นคงอย่างยิ่งและไม่มีแม้เสียงลมเลย
หลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู หลับตาทำสมาธิมาตลอดทาง และพวกเขาก็ไม่ได้สื่อสารผ่านการส่งข้อความเสียงถึงกันและกันเลย พวกเขาได้หารือกันถึงเรื่องวิธีจัดการรับมือกับสถานการณ์นี้แล้วเมื่อยามที่พวกเขารีบไปที่ตำหนักเทพวารี
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ในเมื่อราชินีจอมปราชญ์ได้ “เชิญ” เขามา นางก็ย่อมจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ อย่างมากที่สุด นางก็จะเตือนเขาด้วยวาจา
แต่หลี่ฉางโซ่วก็กลัวว่า ราชินีจอมปราชญ์จะไม่ดำเนินการตามหลักเหตุผล
และหากเชิญให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไปกับเขาด้วยนั้น ก็ย่อมจะเป็นการรับรองความปลอดภัยพิเศษเพิ่มเติม
………………………………………………………………..
[1] คือหลี่ฉางโซ่วยังคงใช้วิชาการปลอมตัวทางกาย ซึ่งเป็นการใช้การแต่งตัวแต่งหน้าอำพรางกายที่อยู่ในรูปลักษณ์ของปรมาจารย์เต๋าน้อย
—————————————-