ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 639 ชีวิตจะดีขึ้นสำหรับคนบางคนเท่านั้น (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 639 ชีวิตจะดีขึ้นสำหรับคนบางคนเท่านั้น (1)

มหาสหัสโลกธาตุนี้ มีความคล้ายคลึงกับมหาสหัสโลกธาตุอื่นๆ ทั้งหมด มันก่อตัวขึ้นจากชิ้นส่วนของโลกบรรพกาล

ร่างสองสามร่างที่มาพบปะกันนั้น หาใช่คนธรรมดาไม่ และคนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ นักพรตเต๋าหนุ่มรูปงามที่ขี่สัตว์เทพขนสีเขียว

เขาคือ ตี้จั้งที่อยู่ในภูเขาวิญญาณ

และก่อนที่ตี้จั้งจะทันได้เอ่ยวาจาใด ก็มีธงสมบัติสีเขียวซึ่งมีบงกชปักอยู่ ค่อยๆ ลอยออกมาจากทางด้านหลังของเขาอย่างช้าๆ แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อมันลอยขึ้น มันก็เปล่งแสงสีทองเจิดจ้า จากนั้นก็มีไอสีขาวตกลงมา และเปลี่ยนสถานที่กันดารรกร้างแห่งนี้ให้กลายเป็นแดนสวรรค์ในชั่วพริบตา

ธงสมบัติชิงเหลียน!

“ทุกคน” ตี้จั้งยิ้มและไม่ใส่ใจที่จะทักทายโอภาปราศรัยแม้สักคำ เขากล่าวออกไปตรงๆ ว่า “พวกเจ้าเต็มใจที่จะถูกสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินรังแกในศาลสวรรค์ต่อไปหรือไม่?”

ทันใดนั้น ร่างสีดำโดยรอบล้วนตกอยู่ในความเงียบงัน

สัตว์เทพตี้ทิงค่อยๆ นอนลงช้าๆ แสงสีเขียวไหลเวียนรอบตัวมันในขณะที่มันเฝ้าติดตามตรวจสอบออกไปในรัศมีโดยรอบหลายหมื่นลี้

ตี้จั้งนั่งอยู่บนหลังของตี้ทิงและกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกคน ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ แต่ถึงกระนั้น พวกเจ้าก็ถูกศาลสวรรค์วางแผนทำร้ายอย่างน่าสมเพช

ผู้ใต้บัญชาของพวกเจ้าและแม้แต่ลูกหลานของพวกเจ้าต่างก็สิ้นชีพไปในภูเขาเหยาเซิง และกลายเป็นหินรองเท้า[1]ให้ศาลสวรรค์ได้เผยพลังของมัน แล้วลึกๆ ในใจของพวกเจ้า พวกเจ้าเต็มใจที่จะยอมทนอยู่กับมันจริงๆ หรือ?

เท่าที่ข้ารู้มา องค์ชายแห่งเผ่าปีศาจก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ภูเขาเหยาเซิงเช่นกัน โชคชะตาฟื้นฟูของเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นน้อยพอๆ กับที่ดวงตะวันจะตกดินที่ภูเขาตะวันตก มันมีโอกาสฟื้นคืนได้น้อยมาก แล้วพวกเจ้ามีความเสียใจในใจบ้างหรือไม่?

ข้าไม่อยากพูดอ้อมค้อมมากนัก ครั้งนี้ที่ข้าเชิญพวกเจ้าทุกคนมาที่นี่ก็เพียงเพื่อหารือเรื่องการจัดการกับศาลสวรรค์อย่างเป็นทางการ

หากผู้ใดมีเงื่อนไขอะไรก็สามารถเสนอขึ้นมาได้โดยตรง

ภูเขาวิญญาณของข้าต้องการเหตุและผล และข้าจำเป็นต้องใช้ชื่อของเผ่าปีศาจเพื่อตอบแทนความเกลียดชังที่ถูกสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเหยียดหยามมาก่อนหน้านี้ ไม่เช่นนั้น มันย่อมไม่ดีนักที่จะกระตุ้นเกิดการต่อสู้ระหว่างเหล่าจอมปราชญ์”

ในเงามืด วิญญาณสิงโตที่หัวถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีดำสนิท กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้างของสตรี

“พวกเรากำลังเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าจอมปราชญ์ แล้วภูเขาวิญญาณจะให้อะไรพวกเราได้บ้าง?”

“เมล็ดบัวหนึ่งเม็ด” ตี้จั้งแบมือซ้าย แล้วเมล็ดบัวสีทองซึ่งไม่ได้อยู่ในรูปของกฎ ก็เปล่งแสงวิบวับออกมาบางเบา

เมื่อเมล็ดบัวถูกนำออกมา มันก็แผ่พุ่งอักขระเต๋าที่คลุมเครือเล็กน้อยออกมา

ในยามนั้น ปีศาจวานรเฒ่าผู้กำลังหมอบอยู่บนพื้น ก็บีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้

จากนั้นเขาก็กล่าวเสียงทุ้มว่า “ช่างเป็นสมบัติล้ำค่าอะไรเช่นนี้ ดอกบัวทองคำระดับสิบสองได้ถูกสร้างขึ้น ไม่เพียงแต่มันจะสามารถช่วยให้องค์ชายฟื้นตัวได้ในเร็ววันเท่านั้น แต่ยังทำให้การบำเพ็ญเพียรขององค์ชายดีขึ้นอีกด้วย”

“ไม่พอ”

ปรมาจารย์เผ่าปีศาจที่ร่างปกคลุมไปด้วยหินสีดำตอบกลับอย่างเย็นชา

ตี้จั้งพยักหน้าพลางแย้มยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบม้วนตำราอีกเล่มหนึ่งออกมา แล้วผลักมันไปให้วานรเฒ่า

วานรเฒ่าคลี่ม้วนกระดาษเปิดออกอย่างระมัดระวัง และแสงสีทองก็สาดส่องออกมาจากมัน มันเป็นทักษะวิทยายุทธ์…

ตี้จั้งกล่าวอย่างสงบว่า “บันทึกฟื้นฟูหัวใจเปลี่ยนร่างวิญญาณ” ที่ศาลปีศาจโบราณได้สูญหายไป ทำให้เผ่าปีศาจไม่ต้องกังวลในเรื่องทหารปีศาจอีกต่อไป เป็นอย่างไรเล่า?”

ปีศาจเฒ่าเหล่านี้ยังคงลังเลเล็กน้อย แล้ววานรเฒ่าก็กล่าวว่า “สมบัติทั้งสองนี้เพียงพอที่จะให้เผ่าปีศาจของข้าเข้ารวมกำลังกับภูเขาวิญญาณของเจ้า”

“รวมกำลังหรือ?”

ตี้จั้งหันศีรษะไปเล็กน้อย ราวกับว่าเขาได้ยินอะไรผิดไป จากนั้นเขาก็หัวเราะและเปล่งแสงสีทองออกมาในอ้อมแขนของเขา แสงสีทองนั้นได้แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตราประทับสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ อยู่ในฝ่ามือของตี้จั้ง

มีกลุ่มปีศาจใหญ่กลุ่มหนึ่ง ถูกลงสลักจารึกเอาไว้บนตราประทับขนาดใหญ่นั้น มันแบ่งออกเป็นหกชั้น ชั้นบนสุดเป็นที่ซึ่งอีกาทองคำสองตัวสยายปีกและส่งเสียงร้อง ส่วนชั้นล่างสุดนั้น มีคุนเผิงคอยค้ำจุนอยู่ด้านล่าง และมีเหล่าปีศาจใหญ่ทั้งสิบต่างเงยหน้าและร้องคำราม

เหล่าปีศาจใหญ่ที่อยู่รอบๆ ลุกขึ้นยืนทันที พวกมันทั้งหมดล้วนมีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม ลมปราณของพวกมันผันผวนไม่คงที่ และมีแสงฉายวาบปรากฏขึ้นมาในดวงตาของพวกมัน

ตี้จั้งกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “สิ่งที่ข้าต้องการคือ ให้พวกเจ้า เผ่าปีศาจเชื่อฟังบัญชาของข้า และไม่ต่อต้านอุบายนี้ของข้า

เพียงหากเราไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของแผนการ ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ตราประทับของจักรพรรดิสวรรค์แห่งศาลปีศาจก็จะถูกส่งกลับไปยังเผ่าพันธุ์ปีศาจ

พวกเจ้าทุกคน คิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง?”

ภายใต้แสงสีทองของธงสมบัติ ปีศาจเฒ่าเหล่านี้ ต่างก้มศีรษะลงอย่างช้าๆ และไม่เอ่ยวาจาอันใดอีก

ตี้จั้งนั่งลง เมื่อตี้ทิงได้ยินเช่นนั้น มันก็หาวออกมาอย่างเบื่อหน่าย และอดจะรำพึงออกมาจากก้นบึ้งในใจไม่ได้

“ข้าใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหาสมบัติทั้งสองชิ้นนี้ และเจ้าก็เพียงแค่เอามันไปเสี่ยงโชค นายท่านผู้หลงผิด บางที ท่านอาจจะสูญเสียทุกอย่าง…”

“เงียบ” ตี้จั้งตะคอกในใจของเขา และกล่าวว่า “คราวนี้ข้าใช้แผนยืมดาบสังหารคน[2] ข้ามีแผนการถึงสิบเจ็ดระดับสำหรับการลอบสังหารในครั้งนี้ ข้าอยากดูว่า เทพวารีจะเอาชนะข้าได้อย่างไร!

จากนี้ไป เราต้องมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่!” โนเวลพีดีเอฟ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตี้ทิงก็ยิ้มกว้างทันที

“ข้อมูลผิดพลาด”

หลี่ฉางโซ่วกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยแห่งสำนักตู้เซียนในยามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวอย่างเสียใจเล็กน้อย

หลังจากกลับมาที่ยอดเขาหยกน้อยแล้ว เขาก็ระเหยไล่ฤทธิ์สุราออกจากร่างกายและกำจัดความมึนเมาที่ล้อมรอบปราณวิญญาณของเขา

พวกเขาไม่ได้บอกว่า อวิ๋นเซียวชอบร่ายรำเมื่อนางดื่มมากเกินไปหรอกหรือ?

ในครั้งนี้ เดิมทีเขาจะไปเฝ้าดูการร่ายรำของนาง ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว หลังจากดื่มสุราเซียนเข้าไปสองไหใหญ่ นางก็หน้าแดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และปราณวิญญาณของนางก็ไม่อาจทนรับมันได้อีกต่อไป!

นี่…

ช่างเถิด บางทีอาจเป็นเพราะบรรยากาศยังไม่เข้าที่สมบูรณ์แบบ และความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนก็ยังไม่ได้สนิทแน่นแฟ้นกันมากนัก…

ในชั่วพริบตา เขาก็แวบกลับไปที่หอโอสถ ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วได้พบสถานที่ยอดเยี่ยมในการซ่อนร่างของเขาในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่เฝ้าเตาหลอมโอสถอยู่นั้น จู่ๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบออกมาในดวงตาของเขา

เขาย้ายจิตสนใจออกไป

ในขณะนี้ เขาปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจดูหลิงเอ๋อร์ที่กำลังเข้าปิดด่าน ฝึกบำเพ็ญอยู่ในกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ

เห็นได้ชัดว่า นางได้รับประโยชน์จากพระสูตรมั่นคงอย่างยิ่งยวด หลังจากที่คัดลอกพระสูตรมั่นคงไปหกพันจบก่อนหน้านี้ นางก็ก้าวหน้าในเต๋ามั่นคงเป็นอย่างมาก!

ในฐานะศิษย์พี่ เขาย่อมรู้สึกประทับใจและรู้สึกถึงความสำเร็จ

เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่า ในไม่ช้า เขาจะต้องฝึกบำเพ็ญอยู่บนภูเขา ครั้นเมื่อเขาคิดว่า เขาจะไม่สามารถพบเทพธิดาอวิ๋นเซียวได้เป็นเวลาร้อยแปดสิบปี หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย …

เขียนจดหมายทุกๆ สิบปี

แม้การส่งจดหมายจะยุ่งยากลำบาก แต่เขาก็สามารถเก็บมันเอาไว้และมอบให้นางเมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งได้

ในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า เขาจะใช้เวลาศึกษาเวทหลบหนีเฉียนคุน และค่ายกลใหญ่เฉียนคุน เขาจะพยายามหาสมบัติเวทประเภทเฉียนคุนที่อาจเป็นประโยชน์ในการส่งจดหมาย

แนวคิดเบื้องต้นของกล่องใส่จดหมายบรรพกาลคือ หลี่ฉางโซ่ววางแผนที่จะใช้เวทค่ายกลเฉียนคุน เพื่อเปิดพื้นที่ขนาดเล็กแต่มั่นคง ซึ่งมีไว้สำหรับการจัดเก็บเพียงอย่างเดียวเท่านั้นโดยไม่ต้องการพลังวิญญาณห้าธาตุ

จากนั้นเขาจะเปิดจุดเชื่อมต่อสองจุดในพื้นที่จัดเก็บเฉียนคุนและโลกบรรพกาล จุดหนึ่งจะอยู่ทางซ้ายและอีกจุดหนึ่งจะอยู่ทางขวา และจากตรงนั้น เขาก็จะสามารถแบ่งปันพื้นที่จัดเก็บและการทำงานของกล่องจดหมายได้…

สมบัติเวทประเภทจัดเก็บเช่นนี้ มีความสำคัญต่อระบบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มาก พวกมันสามารถทำให้การใช้ทรัพยากรเกือบจะสมบูรณ์แบบ

หลี่ฉางโซ่วหาได้กำลังคิดเพ้อฝันไม่ เขาอาศัยจินตนาการของเขาล้วนๆ เพื่อการค้นคว้าวิชาเต๋า

ในครั้งนี้ ความจริงแล้ว เขากำลัง “ยืนอยู่บนไหล่ของผู้ยิ่งใหญ่บรรพกาล[3]” เพื่อขยายวิทยาการที่สมเหตุสมผล

เมื่อประมาณอย่างคร่าวๆ แล้ว มีสมบัติเวทประเภทจัดเก็บสองประเภทในโลกบรรพกาล ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นประเภทแบบธรรมดาที่ใช้กันทั่วไปมากกว่า โดยใช้วิชาเฉียนคุนเจี้ยจื่อและกฎห้ามที่ซับซ้อนสองสามกฎเพื่อวาดโครงร่างของสมบัติเวทที่สามารถขยายและย่อสิ่งของต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง

ว่ากันตามตรง ในสำนักตู้เซียนเวลานี้ หากปรมาจารย์ระดับเซียนจินที่ยอดเยี่ยมสามคนมารวมตัวกันและศึกษาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี ก็เกรงว่า พวกเขาอาจไม่สามารถเข้าใจ ‘หลักการ’ ของกฎห้ามเหล่านี้ได้

ทว่าศิษย์ระดับคืนกลับอนัตตาคนใดๆ ในสำนักสามารถลงสลักจารึกกฎห้ามเหล่านี้และสร้างถุงเก็บสมบัติธรรมดาสำหรับจัดเก็บได้

………………………………………………………………..

[1] เป็นเสมือนฐานรองหรือบันไดให้ผู้อื่นไต่ขึ้นไปสู่ความสำเร็จ

[2] หนึ่งในกลยุทธ์สามก๊ก เป็นกลศึกที่หมายถึง การกำจัดศัตรูที่มีความเข้มแข็งโดยไม่ต้องลงมือเอง แต่ยืมกำลังและไพร่พลทหารของผู้อื่นมาเป็นฝ่ายกำจัดศัตรู เพื่อเป็นการรักษากำลังและไพร่พลทหารของตนเองไว้สำหรับศึกอื่น

[3] คำเปรียบเปรยซึ่งหมายถึง การค้นหาความจริงโดยต่อยอดจากการค้นพบครั้งก่อนๆ ซึ่งเป็นการใช้ความเข้าใจที่ได้รับจากนักคิดหลักๆ ก่อนหน้า (หรือที่ล่วงลับไปแล้ว) เพื่อสร้างความก้าวหน้าทางปัญญาต่อไป

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท