ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 648 กำลังรบของข้าราชการพลเรือนแห่งศาลสวรรค์ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 648 กำลังรบของข้าราชการพลเรือนแห่งศาลสวรรค์? (1)

ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขาหายไปแล้วเช่นนั้นหรือ?

พวกเขาอยู่ในโลกบรรพกาลมาเป็นเวลาหลายปีมากแล้ว ถือได้ว่ามีประสบการณ์และมีความรู้ พวกเขาไม่เคยเห็นกองทัพขนาดเล็กเช่นนี้มาก่อน!

ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจริงๆ…

เวลานี้มหาสงครามบุกโจมตีบนภูเขายังไม่ทันได้เริ่มต้นขึ้น ผู้คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดก็ได้วิ่งหนีไปและค่ายกลใหญ่ก็หายไปด้วยเช่นกัน มีเพียงเทพวารีในศาลสวรรค์เท่านั้นที่ปรากฏร่องรอยให้เห็น และบัดนี้เขาก็หายไป ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

ราชาปีศาจที่มีอายุน้อยกว่าถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผู้คนในสำนักตู้เซียนหายไปจากภูเขาจนว่างเปล่าแล้ว เหตุใดเราต้องบุกโจมตี? เราควรโจมตีภูเขาหรือไม่?”

“อย่าตกหลุมพรางของเทพวารี!

เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามยุแยงเพื่อหว่านความบาดหมางระหว่างเรากับ… นักพรตเต๋าผู้นั้น

ตอนนี้เขาต้องการใช้สถานการณ์ที่ผิดปกติเช่นนี้เพื่อทำให้เราหวาดกลัว!

เทพวารีเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก อย่าตกหลุมพรางของมัน!”

“มีศิษย์หลายพันคนในสำนักตู้เซียน พวกเขาจะล่าถอยไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร? สุดท้ายแล้ว ผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าวรั่วไหลออกมา!?!”

“เวลาผ่านไปรวดเร็วนัก เหตุใดเรายังลังเลอยู่อีก? วิญญาณของภูเขาเหยาเซิงจะสบายใจได้หรือ? ความโกรธของเผ่าปีศาจจะถูกระงับได้หรือ!?!”

ปีศาจเฒ่าสองสามตนที่รับผิดชอบดูแล เกือบจะทะเลาะกันเพราะเหตุนี้

เนื่องจากมีค่ายกลต่อสู้บนยอดเขาหยกน้อยมากมายเกินไป หลี่ฉางโซ่วจึงเพียงแค่ชี้ไปที่กระจกเมฆในหอโอสถและปล่อยให้หลิงเอ๋อร์และโหย่วฉินเสวียนหย่าซึ่งกำลังเล่นเดินหมากอยู่ สามารถคอยเฝ้ามองดูสถานการณ์ภายนอกได้

เขาเรียกพัดปู๋ซ่าน[1] และโบกพัดมันไปมาเบาๆ อย่างสบายๆ…

“ศิษย์พี่” หลิงเอ๋อร์ชี้ไปที่ร่างในกระจกและถามอย่างประหลาดใจว่า “พวกปีศาจเหล่านี้คืออะไรหรือเจ้าคะ? พวกมันดูน่ากลัวยิ่ง”

โหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นหัวหน้าศิษย์ในกลุ่มรุ่นของพวกเขา นางได้ออกไปหลายครั้งและมีความรู้มากทีเดียว

ในขณะนั้น นางใช้นิ้วเรียวบีบคางและแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจังว่า “ในตำรากล่าวไว้ว่า ยิ่งปีศาจยังคงรักษาลักษณะทางกายภาพเอาไว้ให้ยังคงอยู่ในร่างปีศาจได้มากเท่าใด พวกมันก็จะยิ่งดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น”

หลิงเอ๋อร์คุกเข่าลงที่นั่นพลางมองไปที่กระจก และกล่าวว่า “มีปีศาจอยู่ที่นี่กี่ตนหรือเจ้าคะ?”

“มากกว่าแสน” หลี่ฉางโซ่วหลับตาพลางตอบอย่างสงบ

“แสน!”

หลิงเอ๋อร์ซึ่งแต่เดิมไว้ใจศิษย์พี่ชายของนางมาก ก็อดจะเม้มปากไม่ได้

“ศิษย์พี่ เก้าสิบแปดในร้อยส่วนหรือ?”

“ไม่ใช่เช่นนั้นหรือ?”

หลี่ฉางโซ่วลืมตาและถามว่า “เจ้ากำลังสงสัยเวทหลบหนีของศิษย์พี่ของเจ้าหรือไม่?”

หลิงเอ๋อร์หัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “ข้าย่อมมิกล้าทำเช่นนั้น ศิษย์พี่ เวทหลบหนีของท่านมีผู้ใดเทียบได้ไม่! เมื่อเป็นเรื่องของการหลบหนี ท่านย่อมไร้เทียมทานยิ่ง!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างพอใจ เขาโบกพัดปู๋ซ่านในมือ และทันใดนั้นพื้นก็สั่นเล็กน้อยในขณะที่แสงเซียนโดยรอบก็สาดประกายกะพริบวิบวับ และหอโอสถทั้งหมดก็เริ่มจมลงไปอย่างช้าๆ

ยอดเขาหยกน้อยดูสงบ แต่ค่ายกลใหญ่ต่างๆ ทุกประเภททั้งหมด ก็ค่อยๆ ดำเนินการไปอย่างลับๆ

ในขณะนั้น รากฐานของค่ายกลค่อยๆ เปล่งแสงสว่างขึ้นทั่วทุกที่ และพลังวิญญาณของธาตุทั้งห้าก็ก่อกำเนิดและเติบโตพุ่งพล่านเพิ่มขึ้น…

หอโอสถพุ่งตรงเข้าไปในภูเขาแล้วเชื่อมต่อกับปลายด้านบนของเคหาสน์ถ้ำในภูเขา และหอโอสถซึ่งมีรูปร่างเหมือนน้ำเต้าขนาดใหญ่ก็เชื่อมต่อพอดีกับรอยแยกบนภูเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งช่องทางที่มันผ่านไปนั้นก็เต็มไปด้วยหินภูเขาอย่างแน่นหนาเช่นกัน

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องอีกครั้ง แล้วชั้นตำรารอบๆ หอโอสถก็ค่อยๆ พลิกออกช้าๆ เผยให้เห็นกระจกเคลือบเงาแวววาวที่ล้อมรอบไปด้วยเมฆหมอก มันกำลังลอยอยู่ด้านหลัง

หลี่ฉางโซ่วโบกพัดปู๋ซ่านของเขา และสมบัติวิเศษล้ำค่า กระจกเคลือบเงานั้น ก็เผยให้เห็นดินแดนทั่วทั้งหมดที่อยู่ภายนอกยอดเขาหยกน้อย

มันถูกเชื่อมต่อสอดคล้องพร้อมๆ กันอย่างสมบูรณ์แบบไร้จุดใดๆ ที่ถูกมองข้ามไป และในระดับหนึ่งนั้น พวกมันก็บรรลุถึงขั้นที่ภูเขาและผู้คนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว!

“การบรรลุให้ถึงโลกบรรพกาลนั้นอยู่ไม่ไกล”

หลิงเอ๋อร์สงบยิ่งในขณะที่นางเฝ้ามองดูปฏิบัติการที่ดูเกินจริงเหล่านี้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว นางก็ได้เห็นโครงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ของศิษย์พี่ของนาง

โหย่วฉินเสวียนหย่าไม่อาจฟื้นสติของนางได้จริงๆ หลังจากนิ่งอึ้งตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง นางก็อดจะถามไม่ได้ว่า “พวกนี้คืออะไร?”

“ค่ายกลต่างๆ กฎห้ามต่างๆ และวิชาเวทบางอย่าง ซึ่งได้ถูกผสมผสานรวมกัน” หลี่ฉางโซ่วตอบอย่างสงบ “จำไว้ด้วยว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้กับผู้ใด”

“เจ้าค่ะ ศิษย์พี่ฉางโซ่วไม่ต้องกังวล” โหย่วฉินเสวียนหย่าเม้มริมฝีปากบางในขณะที่หลี่ฉางโซ่วตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

แม้นางมักจะมีการกระทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอเมื่อต้องรับมือกับเรื่องที่เกี่ยวข้องในวิถีทางของโลก แต่ก็น่าเชื่อถือและไว้ใจนางได้

เพราะอย่างไรเสีย เขาก็เคยให้มีปฏิญญาต้าเต๋าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว

หลิงเอ๋อร์ร้องตะโกนอย่างกระวนกระวายว่า “ศิษย์พี่ พวกมันมาแล้ว!”

“อืม” หลี่ฉางโซ่วรับคำอย่างสงบ

จากนั้น เขาก็หลับตาและพึมพำว่า “ในตอนนี้ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ถ่วงเวลาเอาไว้สักหน่อย เราไม่อาจเข่นฆ่าปีศาจทั้งหมดที่นี่ได้ เรายังต้องทิ้งปรมาจารย์เผ่าปีศาจส่วนหนึ่งเหลือเอาไว้เบื้องหลังเพื่อกลับไปสร้างแรงผลักดัน”

จากนั้น เขาก็เพ่งจิตสนใจมุ่งไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นับสิบและจัดการกับเหล่าทหารถั่วเซียน

กล่าวได้เพียงว่า ปีศาจเหล่านั้น สมควรเป็นพวกเผ่าปีศาจจริงๆ…

หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้สามชุดสำหรับการต่อสู้ของสำนักตู้เซียนในวันนี้ เขาได้เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการทำลายสำนักตู้เซียนส่วนใหญ่เอาไว้แล้ว

ทว่าเหล่าปีศาจก็กำลังทำสิ่งดีๆ ที่ทำให้เขาสบายใจไร้กังวลที่สุด

ในขณะนั้น เหล่าปีศาจกลุ่มนี้ไม่ได้ล่าถอยหรือใช้กำลังโจมตี แต่ในทางกลับกัน พวกมันได้ส่งกองกำลังสามในสิบส่วนไปพร้อมกับปรมาจารย์จำนวนเล็กน้อยให้บุกเข้าไปในสำนักก่อน…

ช่างเถิด การเข่นฆ่าปีศาจในวันนี้เป็นเรื่องรอง แต่การพุ่งโจมตีตี้จั้งจากระยะไกลนั้นเป็นเรื่องสำคัญ

หลี่ฉางโซ่วได้ออกคำสั่งง่ายๆ ในใจ แล้วทหารถั่วเซียนบนยอดเขามากกว่าสิบแห่งก็ลุกยืนขึ้นพร้อมๆ กัน และ “เหล่าทหารสวรรค์” ก็ถือโล่ขนาดใหญ่และทวนยาวพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปเป็นแถวๆ ในขณะที่พวกทหารเซียนที่รับผิดชอบการโจมตีระยะไกลเหล่านั้นก็ได้น้าวคันธนูแล้ว

ทันใดนั้น ลูกธนูก็สาดลงมาราวห่าฝนและเสียงกลองก็ดังสนั่นปานฟ้าร้อง เหล่าปีศาจคำรามและทั่วหล้าก็ถูกอาบย้อมไปด้วยสีแดง

จากนั้นก็มีร่างจำนวนมากร่อนลงมา และราชาปีศาจที่ทรงพลังเหล่านั้นก็รีบพุ่งกระโจนตรงไปยังยอดเขาต่างๆ ทั่วทุกแห่ง

บัดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขอบเขตเซียนเทียนจำนวนมากกว่าสิบของหลี่ฉางโซ่วก็ได้ออกไปต่อสู้ และทันทีที่พวกเขาเข้าปะทะกับเหล่าทหารปีศาจ พวกเขาก็ระเบิดออกมา!

………………………………………………………………..

[1] พัดที่ทำจากใบปาล์ม

—————————–

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท