ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 8 ทำความรู้จักกับพวกเขาอีกครั้ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 8 ทำความรู้จักกับพวกเขาอีกครั้ง

บทที่ 8 ทำความรู้จักกับพวกเขาอีกครั้ง

“ท่านพี่ ท่านเหนื่อยหรือไม่ ทำไมท่านไม่นอนพักก่อนล่ะ” นอกจากกู้เสี่ยวหวานแล้ว กู้หนิงอันก็เป็นลูกคนโตที่สุดในบรรดาเด็ก ๆ และเนื่องจากครั้งนี้กู้เสี่ยวหวานประสบอาชญากรรมครั้งใหญ่และโชคดีที่รอดตาย กู้หนิงอันจึงดูเหมือนจะเติบโตขึ้นในชั่วข้ามคืน เขาดูสงบนิ่งและมีน้ำใจมากขึ้น

แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้ นางเพิ่งทะลุมิติมาถึงที่นี่เท่านั้น ดังนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าในใจของเด็กเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนั้น

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะเบา ๆ และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปรอบ ๆ แม้จะได้เห็นบางสิ่งบางอย่างในขณะที่นอนอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่ชัดเจนมากนัก ครั้นเมื่อตอนนี้ได้เห็นเข้าเต็มตา นางก็ตกใจมาก

พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อและไม่สม่ำเสมอ กําแพงดินทั้งเก่าและหยาบกร้าน ดินด้านบนบางส่วนก็หลุดกะเทาะออกมา และยังเป็นหลุมที่พื้นด้านเดียวกันอีกด้วย หน้าต่างไม้ระแนงเก่าถูกบุด้วยกระดาษติดหน้าต่างที่กลายเป็นสีเหลืองเนื่องจากผ่านกาลเวลาอันยาวนาน บางบานประสบกับการกัดเซาะของลมและฝนก็ฉีกขาดเสียหาย ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่บ้านหลังนี้ไม่ได้รับการทำความสะอาด ใยแมงมุมจับอยู่ตามซอกมุมทุกแห่งหน ทุกครั้งที่ลมหนาวพัดผ่านกระดาษหน้าต่างที่ฉีกขาดก็จะเกิดเสียงหวีดหวิวน่ากลัวดังขึ้น

กู้เสี่ยวหวานลุกออกจากเตียง และเมื่อลมหนาวพัดมา นางก็อดรู้สึกหนาวสะท้านไม่ได้ รีบห่อตัวด้วยผ้าห่มนวมทันที

เตียงเตาที่อยู่ข้างใต้นางนั้นแข็งโป๊กไร้ซึ่งความอบอุ่น ผ้านวมชำรุดที่ใช้ห่มคลุมร่างกายก็บางและแข็งเช่นกัน เป็นไปได้ว่ามันไม่ได้ถูกซักและตากให้แห้งเป็นเวลาหลายปีจนฝ้ายข้างในจับตัวเป็นปุ่มปม และบางจุดก็มีรอยปะชุนตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย

ตัวบ้านเองก็ไม่ได้ใหญ่นัก แค่ตั้งเตียงเตาก็กินพื้นที่เกือบครึ่งห้องแล้ว ไม่ไกลกันนั้นมีโต๊ะทรุดโทรมและขาหักอยู่หนึ่งตัวจนต้องหนุนขาด้วยอิฐสองก้อน บนโต๊ะมีชุดเครื่องครัวและตะเกียบหลายชุด และมีชามกระเบื้องแบบหนาที่ตอนนี้มีน้ำอยู่ นอกจากโต๊ะแล้วก็มีตู้เก่า ๆ ไม่ใหญ่นักหนึ่งตู้ ซึ่งประตูตู้หายไปด้านหนึ่ง และกองข้าวของรก ๆ ในมุมมืดที่ไม่อาจมองเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

เมื่อมองดูเด็กน้อยสามคนที่อยู่ข้างหน้านางอีกครั้ง จิตใจของกู้เสี่ยวหวานก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์

ครอบครัวนี้ช่างอนาถาจริง ๆ

เด็กน้อยทั้งสามสกปรกและมอมแมม เสื้อผ้ามีรอยปะชุนพร้อยทั้งตัวซึ่งดูไม่จืดเลยทีเดียว เพราะมีบางส่วนขาดวิ่นจนฝ้ายที่ยัดไว้ด้านในเผยออกมา

นอกจากเสื้อผ้าของเด็กพวกนี้แล้ว เผ้าผม ใบหน้า และมือของพวกเขาก็สกปรกไปหมด ไม่รู้เลยว่าไม่ได้ดูแลตัวเองมานานแค่ไหนแล้ว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กเล็ก ๆ เช่นนี้ หากได้อยู่ในศตวรรษที่ 21 จะถูกปู่ย่าตายาย และพ่อแม่คอยไล่ตามเพื่อป้อนอาหารแทน ไม่ต้องพูดถึงการแต่งตัวและอาบน้ำ การอาบน้ำในวันที่อากาศหนาวเย็นเป็นปัญหาจริง ๆ

แม้ว่าใบหน้าของเด็ก ๆ จะดำคล้ำหรือสกปรก แต่ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้า

ความรู้สึกนึกคิดของกู้เสี่ยวหวานคนก่อนได้หลั่งไหลเข้าสู่ความทรงจำทั้งหมดของกู้เสี่ยวหวานคนปัจจุบันแล้ว

น้องชายเป็นฝาแฝดกัน ซึ่งคนที่เกิดเร็วกว่าไม่กี่นาทีชื่อว่ากู้หนิงอัน และน้องชายที่เกิดภายหลังชื่อว่ากู้หนิงผิง ทั้งคู่ต่างมีอายุหกขวบในปีนี้

กู้หนิงอันสวมเสื้อนวมบุฝ้ายสีดำและกางเกงที่มีรอยปะหลายจุด บางทีชุดนี้อาจตัดเย็บมานานแล้วเมื่อดูจากแขนเสื้อและขากางเกงที่สั้นเต่อ นางไม่รู้ว่าจะมีใครใจดีที่จะเย็บด้วยผ้าอื่นให้ รองเท้าก็ยังเป็นรองเท้าผ้าฝ้ายที่ทำจากผ้ากระสอบสีดำซึ่งมีการปะชุนมากมายและคาดว่าคงใส่เป็นเวลานาน เพราะมีรูเล็ก ๆ ที่ด้านหน้าด้วย

แม้จะขาด ๆ เกิน ๆ แต่ก็อดพูดไม่ได้ว่ากู้หนิงอันนั้นเติบโตขึ้นมาอย่างดีมาก

ใต้คิ้วหนาเป็นดวงตาสีสดใส ใบหน้าผอมบางเปรอะด้วยคราบอาหารบนผิวสีเหลืองคล้ำ เมื่อมองแวบแรกก็รู้ว่าได้กินอาหารไม่ดีนักและยังขาดสารอาหารในระยะยาว แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจเป็นเพราะความเจ็บป่วยของกู้เสี่ยวหวานด้วย ทำให้เมื่อไม่นานมานี้กู้หนิงอันดูสุขุมขึ้น เมื่อไม่พูด เขาจะยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเขาเป็นประกายแน่วแน่และมองโลกในแง่ดี

กู้หนิงผิงอายุน้อยกว่าเพียงไม่กี่นาทีและดูคล้ายกับกู้หนิงอัน เขามีคิ้วหนาและดวงตาโต ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเศษอาหาร เขาขาดสารอาหารและดูผอมกว่ากู้หนิงอัน อาจเป็นเพราะความกังวลและความกลัว ดวงตาสีเข้มของกู้หนิงผิงจึงฉายแววกังวลและตึงเครียดออกมา

พูดตามตรง มันไม่ง่ายเลยที่จะแยกเด็กทั้งสองออก

แม้จะสังเกตได้ยาก แต่ก็มีไฝสีดำเล็ก ๆ อยู่ที่แก้มซ้ายของกู้หนิงอันที่แทบจะมองไม่เห็น ยิ่งไปกว่านั้นรูปดวงตาของทั้งสองยังแตกต่างกัน ซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กู้เสี่ยวหวานอาศัยอยู่กับพวกเขาตั้งแต่วัยเด็ก และเป็นเรื่องง่ายที่จะแยกออกระหว่างกู้หนิงอันกับกู้หนิงผิง ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่กังวลว่าเด็กทั้งสองจะเข้าใจผิด

กู้เสี่ยวอี้มีอายุน้อยที่สุด ซึ่งในปีนี้อายุเพียงสี่ขวบเท่านั้น นางมีแขนเล็ก ขาสั้น ตาโตแต่สุกสกาว นัยน์ตาสีดำวาวราวองุ่นดำ ดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ เมื่อนางยิ้ม คิ้วและตาของนางก็หยีตามเหมือนพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า ซึ่งดวงตาของเด็กน้อยเป็นอะไรที่น่ามองมาก เรือนผมถูกถักเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างมัดไว้ด้วยแถบผ้าสีแดง อาจเป็นเพราะทุกวันนี้กู้เสี่ยวหวานกำลังนอนอยู่บนเตียงและไม่มีใครหวีผมให้ ผมของนางจึงดูยุ่งเหยิง ใบหน้าของกู้เสี่ยวอี้ดีกว่าพี่ชายและพี่สาวของตน ดูเหมือนว่าทุกคนจะมอบและเก็บของดี ๆ ไว้ให้นาง

ก็ไม่เลวนะ ไม่เหมือนเด็กบางคนที่รู้แค่ปกป้องอาหารเท่านั้น เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเอาอาหารไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่ไม่สามารถแม้แต่จะได้กินอาหาร ช่างหายากนักที่จะมีบรรยากาศที่กลมเกลียวต่อกันแบบนี้

และอื่น ๆ อีกมากมาย……

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกราวกับว่านางลืมอะไรบางอย่างไป

จากนั้นสายตาก็เหลือบไปมองหน้าตาของเด็ก ๆ ทั้งสามอีกทีอย่างตั้งใจ ซึ่งทุกคนต่างหน้าตาดีมาก…

แล้วนางล่ะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็มองไปรอบ ๆ อย่างกังวล แต่ก็ไม่พบกระจกเลยสักบาน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ที่บ้านมีกระจกไหม เอากระจกมาเร็ว”

หัวใจของกู้หนิงอันผ่อนคลายลงทันที และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

โชคดีที่พี่สาวสบายดี

กู้หนิงผิงยืดตัว กระโดดลงจากเตียงแล้วรีบพูด “ข้าจะเอามาให้เอง!”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง กู้หนิงผิงก็หยิบชิ้นส่วน…

เรียกว่ากระจกได้ไหม?

มันเป็นเศษกระจกทองแดงแตกๆ ซึ่งใหญ่ไม่มากไปกว่าฝ่ามือของผู้ใหญ่ และมีรอยบุบอยู่ด้วย มันดูเก่ามาก

คาดว่าน่าจะเก็บมาจากข้างทางได้สักระยะ

กู้หนิงผิงมอบมันให้กับกู้เสี่ยวหวานเหมือนของขวัญ เด็กสาวมองไปที่กระจกที่แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย และมุมปากของนางก็กระตุก

ยังดีอยู่ ยังดีอยู่

………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เอาใจช่วยกับการปรับตัวในเควสต์นี้นะคะเสี่ยวหวาน ภารกิจนี้ช่างหนักหนานัก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท