บทที่ 26 ขึ้นเขาอีกครั้ง
บทที่ 26 ขึ้นเขาอีกครั้ง
ทั้งสี่คนแบกตะกร้าไม้ไผ่เดินขึ้นภูเขาด้วยความมุ่งมั่นฮึกเหิม
เมื่อเข้าไปในภูเขา พวกเขาก็โชคดีที่ไม่พบผู้ใด
เดิมทีในช่วงเวลานี้จะมีคนจำนวนไม่กี่คนอยู่บนท้องถนน ส่วนใหญ่ทำงานตอนเช้าเสร็จแล้วมักจะกลับไปรับประทานอาหารที่บ้าน แม้แดดจะไม่ค่อยแรงนัก แต่กลับทำให้ร่างกายของสี่พี่น้องที่เพิ่งกินข้าวเสร็จรู้สึกอบอุ่น
บนภูเขาเต็มไปด้วยหินกรวด กู้เสี่ยวหวานกลัวว่ากู้เสี่ยวอี้จะหกล้ม ดังนั้นนางจึงจูงมือกู้เสี่ยวอี้เดินขึ้นเขาไปตลอดทาง
ขึ้นภูเขาในคราวนี้แตกต่างจากคราวก่อน
การขึ้นเขาในครั้งที่แล้ว กู้เสี่ยวหวานไม่มีแผนการอยู่ในใจ และไม่รู้ว่าจะหาอะไรที่กินได้ แต่คราวนี้กู้หนิงอันที่เคยตามกู้เสี่ยวหวานขึ้นภูเขาเพื่อตัดฟืนคุ้นเคยกับสถานการณ์ในภูเขาแห่งนี้มากขึ้น ทั้งสี่คนมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง นำพี่น้องอีกสามคนมาถึงจุดที่พบว่ามีหัวไชเท้าป่ามากที่สุด
ตลอดทางกระทั่งถึงพื้นที่ราบระหว่างทางขึ้นไปบนภูเขา ใต้ร่มเงาต้นไม้ที่ปกคลุมก็เห็นได้ว่ามีหัวไชเท้าป่าเติบโตเต็มไปหมดจนเป็นสีเขียวชอุ่มสวยงาม
“ว้าว ท่านพี่ มีหัวไชเท้าป่า” กู้หนิงผิงวิ่งไปพร้อมกับตะกร้าใบใหญ่บนหลัง ร่างเล็ก ๆ ของเขาหายวับไปในดงหัวไชเท้าป่าทันที
กู้เสี่ยวหวานมองดูหัวไชเท้าป่านี้ด้วยแววตาเป็นประกายและรู้สึกตื่นเต้น คนในยุคสสมัยนี้ไม่รู้ว่าหัวไชเท้าชนิดนี้สามารถกินได้ จึงมีหัวไชเท้าป่าจำนวนมากที่เติบโตเต็มที่ ถ้าหากรู้ว่ากินได้คงโดนเก็บเกลี้ยงไปนานแล้ว
พวกเขาจะเก็บพวกมันทั้งหมดนี้กลับบ้าน เก็บเอาไว้นานกว่าครึ่งเดือนหรือฝังไว้ในห้องใต้ดิน ตลอดฤดูหนาวนี้พวกเขาจะได้ไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ น้อง ๆ ต่างหิวโหยกินไม่อิ่มตลอดทั้งวัน หิวจนหน้าซีด ร่างกายผอมแห้ง หากมีหัวไชเท้าป่าเหล่านี้ พวกเขาก็โชคดีที่ไม่ต้องหิวอีกต่อไป
“เริ่มเก็บหัวไชเท้าได้ ระวังอย่าให้ใบของมันเสียหาย ใบของพวกมันก็กินได้” กู้เสี่ยวหวานตะโกนบอกน้อง ๆ
ทุ่งหัวไชเท้าป่าขนาดใหญ่เช่นนี้ หากนำใบหัวไชเท้าทำเป็นผักดองจะสามารถทำเป็นเสบียงได้ ในเวลานี้กู้เสี่ยวหวานจึงไม่กล้าทิ้งสิ่งของใด ๆ ที่นำมาประทังชีวิตได้
“เข้าใจแล้ว” กู้หนิงผิงดึงหัวไชเท้าออกมาสองสามหัวโดยไม่รอให้กู้เสี่ยวหวานเอ่ยสั่ง เขาโยนมันเข้าไปในตะกร้า กู้หนิงอันก็ไม่ยอมแพ้รีบดึงมันออกอย่างรวดเร็ว กู้เสี่ยวอี้ที่อายุน้อยก็ไม่ได้นิ่งเฉย แม้ว่าเรี่ยวแรงของนางจะน้อย แต่หัวไชเท้าป่ามีขนาดเล็ก อีกทั้งดินที่นี่ไม่ได้ถูกแช่แข็ง มันจึงค่อนข้างนิ่มและดึงหัวไชเท้าออกมาได้อย่างง่ายดาย
กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้าและดึงมันขึ้น
บรรยากาศรอบกายทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความคึกคักและความกระตือรือร้น และคาดว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ตะกร้าต่าง ๆ ที่พวกเขานำมาคงจะอัดแน่นไปด้วยหัวไชเท้า อย่างไรก็ตามเมื่อมองกลับไปที่ทุ่งหญ้าอีกครั้งก็พบว่าพวกเขาเพิ่งเก็บไปได้เพียงครึ่งเดียว
กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ปล่อยให้กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้อยู่ที่นี่ต่อไป ส่วนนางกับกู้หนิงอันจะนำหัวไชเท้าที่เก็บเรียบร้อยกลับบ้าน เมื่อเห็นตะกร้าที่เต็มไปด้วยหัวไชเท้าป่า กู้เสี่ยวหวานก็กังวลเล็กน้อย หากคนอื่นเห็นพวกเขาคงจะรู้ถึงประโยชน์ของหัวไชเท้าป่าอย่างแน่นอน เมื่อชาวบ้านรู้และต้องการเก็บมัน ความลำบากก็จะเพิ่มมากขึ้น
กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปใต้ต้นอู๋ถง ใต้ต้นไม้สูงโอฬาร ใบไม้สีเหลืองร่วงหล่นทับซ้อนกันหนาขึ้นเป็นชั้น กู้เสี่ยวหวานหยิบใบไม้ขึ้นมาปกปิดภายในตะกร้า จนกระทั่งกลบหัวไชเท้าในตะกร้าจนมิดถึงหยุดลง
เมื่อกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงเห็นพี่สาวของพวกเขาทำเช่นนี้จึงเข้าใจได้อย่างชัดเจน พวกเขาก้าวไปข้างหน้าหยิบใบไม้มาปิดตะกร้าที่เหลือจนหมด
เมื่อเห็นหัวไชเท้าป่าในตะกร้าทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยใบไม้แน่นหนา กู้เสี่ยวหวาน พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และบอกกับน้องชายและน้องสาวของนางว่า “ถ้าใครถามว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ให้บอกพวกเขาว่ามาเก็บฟืนกลับบ้าน และเอาใบไม้แห้ง ๆ พวกนี้กลับไปก่อไฟ เข้าใจหรือไม่”
เด็กทั้งสามเข้าใจความหมายของกู้เสี่ยวหวาน และพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “ท่านพี่ พวกเราเข้าใจแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานวางใจกับเด็ก ๆ เหล่านี้ พวกเขาทั้งหมดต่างรู้เรื่องรู้ราว
จากนั้นนางก็บอกกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ว่าอย่าเดินออกไปไกล ต้องอยู่ในพื้นที่โล่งนี้เท่านั้น จากนั้นนางกับกู้หนิงอันจึงแบกและถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยหัวไชเท้าซึ่งมีน้ำหนักค่อนข้างมากรีบมุ่งหน้ากลับบ้าน โดนไม่ปริปากบ่นว่าหนักออกมาสักคำเดียว
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเป็นกังวลตลอดทาง กลัวว่าถ้าถูกคนในหมู่บ้านพบเจอ พวกนางจะต้องอธิบายเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามขณะที่กู้เสี่ยวหวานยังคงกังวล นางกลับไม่พบผู้ใดระหว่างทาง
ทั้งสองรีบมุ่งหน้ากลับบ้าน เมื่อพวกเขาไปถึงจึงใช้กุญแจไขประตูรั้ว ทันทีที่เข้าไปในห้องโถงได้ ทั้งสองพุ่งตัวไปยังมุมหนึ่งของห้อง มีกองมีหัวไชเท้าเล็ก ๆ ที่ไม่มีใบวางเอาไว้ กู้เสี่ยวหวานหยิบตะกร้าจากหลังกู้หนิงอันแล้วคว่ำเทลงบนพื้น หัวไชเท้าป่าหัวกลม ใบสีเขียวชอุ่ม งดงามเหลือเกิน
กู้เสี่ยวหวานเทหัวไชเท้าในตะกร้าที่เหลือออก หัวไชเท้าอ้วนกลมคาดว่ามีน้ำหนักถึงยี่สิบชั่งก็กองพะเนินอยู่บนพื้น ทั้งสองคนไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า หยิบตะกร้าขึ้นอีกครั้ง ลงกลอนประตูรั้ว ก่อนรุดหน้าขึ้นภูเขาอีกครั้ง คราวนี้ตะกร้าของพวกเขาว่างเปล่าแล้ว ความเร็วของทั้งสองจึงเพิ่มมากขึ้น ไม่นานก็มาถึงข้างในภูเขา
กู้หนิงผิงไม่ได้หยุดพัก เขายังคงดึงหัวไชเท้าต่อโดยไม่ออมมือ แม้กู้เสี่ยวอี้จะตัวเล็ก แต่นางก็ไม่เกียจคร้าน และยังเข้าใจถึงความสำคัญของอาหารเหล่านี้ กู้หนิงผิงรับผิดชอบในการดึงหัวไชเท้า กู้เสี่ยวอี้ซ้อนหัวไชเท้าเป็นกองเล็ก ๆ เลียนแบบท่าทางของกู้เสี่ยวหวาน แล้วใช้ใบไม้ปกคลุมหัวไชเท้ากองเล็ก ๆ นั่น
เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึง น้องชายและน้องสาวทั้งสองได้เก็บหัวไชเท้าขนาดเล็กได้เกือบสิบกองแล้ว
กู้เสี่ยวอี้ยังเด็กและเปราะบาง แต่คราวนี้นางเก็บหัวไชเท้าที่กู้หนิงผิงดึงออกมากองเข้าด้วยกันไม่หยุด วิ่งไปวิ่งมาพร้อมกับหอบหายใจ
ใบหน้าเล็ก ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะออกแรงมากเกินไป และด้วยลักษณะเช่นนั้น คนที่พบเห็นจึงรู้สึกรักและเอ็นดู
กู้เสี่ยวหวานเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของกู้เสี่ยวอี้ด้วยความรัก
“เหนื่อยหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยความสงสารพลางอุ้มเสี่ยวอี้ไว้ในอ้อมแขน อากาศหนาวเย็นแต่เด็กทั้งสองกลับมีเหงื่อออกทั่วทั้งตัวจนกู้เสี่ยวหวานกลัวว่าเด็ก ๆ จะป่วย จึงรีบเช็ดเหงื่อให้
“ไม่เหนื่อย มีหัวไชเท้าเยอะแยะเลยเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวอี้พูดเสียงออดอ้อน
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความหิวทำให้เกิดความกลัวว่าจะอดอยากจนเกิดเป็นพลังฮึดสู้ล่ะนะ
ไหหม่า(海馬)