ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 41 ทองแท่งแรก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 41 ทองแท่งแรก

บทที่ 41 ทองแท่งแรก

เงินสองร้อยเหรียญ ซื้อบะหมี่เกอต่าและธัญพืชเหล่านี้ได้ถึงสี่สิบชั่งเลยนะ

เมื่อยกเหรียญทองแดงสองก้วนในมือขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นเต้นจนดวงตาแดงก่ำส่องแสงเปล่งประกาย

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเก็บเงินก้อนใหญ่ในต่างโลกนี้ได้

“แม่สาวน้อย เจ้าอย่าลืมล่ะ!” กู้เสี่ยวหวานเดินไปไกลแล้ว แต่ตาเฒ่าหมินโถวคนนั้นก็ไม่ลืมที่จะส่งเสียงตะโกนไล่หลังตามมา

กู้เสี่ยวหวานหันกลับมาพลางพยักหน้า ส่งสัญญาณว่าเป็นอันเข้าใจ

ต่อไป กู้เสี่ยวหวานจะนำโสมคนที่อยู่กับตัวไปขายที่โรงหมอหุยซุน

กู้หนิงผิงไม่รู้ว่าโรงหมอหุยซุนอยู่ที่ใด กู้เสี่ยวหวานจึงทำได้แค่เดินสอบถามไปตามรายทาง

กู้หนิงผิงรู้สึกฉงนสงสัย ทางบ้านไม่มีผู้ใดเจ็บป่วย แล้วจะไปที่โรงหมอเพราะเหตุใดกัน

กู้เสี่ยวหวานเพียงยิ้มให้แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด ทว่าฝีเท้ากลับไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย

กู้หนิงผิงเห็นพี่สาวยิ้มแต่ไม่พูดอะไรก็ไม่อยากถามอะไรมาก ในใจคิดเพียงว่าพี่สาวต้องมีเรื่องเร่งด่วนอะไรสักอย่างเป็นแน่แท้ ถึงได้เดินทางอย่างเร่งรีบ และไม่พูดอะไรอีก

แม้กู้เสี่ยวหวานต้องการไปที่โรงหมอ แต่นางก็ถือโอกาสนี้เหลือบมองร้านค้าเล็ก ๆ รอบบริเวณ ภายในร้านเล็กที่อยู่ในชุมชนแห่งนี้มีของขายมากมาย เช่น ร้านขายธัญพืชและน้ำมัน ร้านขายข้าว ร้านขายผ้า และยังมีร้านขายสินค้าท้องถิ่นเหมือนกับตาเฒ่าหมินโถวคนนั้น เพียงแต่สินค้าที่วางเรียงภายในร้านค้าเหล่านั้นกับสินค้าภายในร้านของตาเฒ่าหมินโถวกลับเหมือนกันตรงที่มีแค่สินค้าไม่กี่อย่างเช่นเห็ดแห้ง เห็ดหูหนู พริกแห้งชนิดต่าง ๆ ไม่มีปลาแห้ง เนื้อแห้ง กุนเชียงเหมือนกับเทศกาลปีใหม่ในยุคปัจจุบันเลยสักนิด และสินค้าต่างๆ ยังไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ส่วนภายในร้านขายข้าวก็มีข้าวสาร ข้าวฟ่าง แป้งสาลี แป้งข้าวฟ่าง และสินค้าชนิดอื่น ๆ ไม่ต่างจากยุคปัจจุบันนี้เท่าไรนัก มีแค่ข้าวและแป้งเหมือนกัน กลิ่นและรสชาติก็ไม่ต่างกันมากนัก

ตลอดทางที่กู้เสี่ยวหวานลอบสำรวจ นางก็พิจารณาคร่าว ๆ ถึงของที่มีขายในเมืองแห่งนี้ อย่างเช่น ข้าว เส้นหมี่ ธัญพืช และน้ำมัน ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานไม่มีความสามารถไปแทรกแซงเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าในอนาคตมีพื้นที่ ก็ยังสามารถปลูกเมล็ดพืช และบดแป้งต่าง ๆ ได้

สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่ค้าขายสินค้าท้องถิ่น กู้เสี่ยวหวานหมายมั่นปั้นมือว่าจะถือโอกาสในตอนที่สภาพอากาศดีรีบกลับไปจับปลาเพื่อลองดูว่าจะสามารถทำเป็นปลาแห้งได้หรือไม่

ภายใต้การบอกทางของคนแปลกหน้า ทั้งสองคนก็เดินออกมาจากตรอกเล็ก และมาถึงถนนใหญ่เส้นหนึ่งที่มีขนาดกว้างขวาง มันคือถนนเส้นหลักของเมืองหลิวเจีย เทียบกับตรอกเล็กที่ทั้งสองขายไก่ป่าแล้วออกมาเมื่อครู่ก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน

ภายในตรอกเล็กนั้นขายสิ่งของที่คนธรรมดาต้องการ แต่เมื่อถึงถนนใหญ่เส้นหลักนี้ ก็ปรากฏโรงเตี๊ยมกับร้านค้าทั้งสองข้างทางที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เมื่อมองไปตามลำดับเรื่อย ๆ ก็มีทั้งร้านเครื่องประดับ ร้านขายชาด ร้านขนมหวาน ร้านผ้าไหม โรงรับจำนำ โรงเตี๊ยม ทั้งหมดล้วนปูด้วยกระเบื้องสีเขียวสีแดงอ่อน และตกแต่งอย่างโอ่อ่า

ผู้คนที่เดินสัญจรไปมาบนถนนสายนี้ล้วนสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ดีกว่าคนที่อยู่ในตรอกเล็กเมื่อครู่ไม่รู้ตั้งกี่เท่า

ถนนใหญ่สายหลักกับตรอกเล็ก ๆ ก็เหมือนกับสันปันน้ำเส้นหนึ่ง บนถนนสายหลักเต็มไปด้วยคนร่ำรวยมีฐานะสูงส่งอาศัยอยู่ ส่วนภายในตรอกเล็กเต็มไปด้วยชาวบ้านร้านตลาดธรรมดาอยู่อาศัย

ไม่นานนักก็พบกับโรงหมอหุยซุน กู้เสี่ยวหวานมองหอการแพทย์อันเก่าแก่ แตกต่างกับโรงพยาบาลในละครย้อนยุคทางโทรทัศน์ไม่มากนัก ภายนอกโรงหมอหุยซุนมีใบประกาศติดอยู่หนึ่งใบ บนนั้นมีข้อความเขียนว่ารับซื้อสมุนไพรราคาสูงไว้จริง กู้เสี่ยวหวานมองอย่างละเอียด พลางคิดอย่างละเอียดรอบคอบอยู่ในใจ

เมื่อเดินเข้าไป ผู้ป่วยที่มาหาหมอก็มีไม่มากนัก มีประมาณสองสามคน และยังมีคนบางส่วนที่นำใบสั่งยาไปซื้อสมุนไพร

เมื่อลูกจ้างภายในร้านเห็นเด็กกำลังโตสองคนเดินเข้ามา และสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะพ่นวาจาดูถูกและเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เจ้าขอทานมาจากไหน รีบออกไปเลย”

กู้เสี่ยวหวานไม่พอใจเล็กน้อย เป็นเพราะโรงหมอแห่งนี้รับซื้อสมุนไพร จึงทำได้เพียงขายให้กับที่แห่งนี้ แม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่ถ้ามีคนสวมชุดขาดรุ่งริ่งเข้ามาที่ร้านของนาง นางก็คงจะไม่พอใจเช่นกัน

หากสวมชุดให้ดูดีสักหน่อย ก็เหมือนเป็นการให้เกียรติต่อผู้อื่นและให้เกียรติต่อตัวเองด้วย กู้เสี่ยวหวานสาบานว่าจะต้องนำเงินที่ได้จากการขายนี้ไปซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ชุดหนึ่งอย่างแน่นอน และห้ามใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งอีก

อย่างไรเสียกู้เสี่ยวหวานก็ใช้ชีวิตมาเกือบจะสามสิบปีแล้ว ไม่มีคนแบบไหนที่นางไม่เคยเจอ อีกทั้งตอนนี้นางยังต้องการพี่ชายท่านนี้อยู่ จึงทำได้แค่เพียงแกล้งทำเป็นเอาหูไปเอาตาไปไร่ และเอ่ยอย่างอ่อนหวานขึ้นมา “พี่ชายท่านนี้ พวกข้ามาขายสมุนไพร ได้ยินว่าที่โรงหมอหุยซุนแห่งนี้รับซื้อสมุนไพรในราคาสูง พวกข้าจึงเก็บสมุนไพรกลับมาเล็กน้อย ท่านลองดูเถิดว่าจะมีราคาเท่าไร”

เมื่อลูกจ้างคนนั้นได้ฟังน้ำเสียงที่อ่อนหวานของกู้เสี่ยวหวาน ต่อให้ยังดูหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ก็มีท่าทางดีกว่าเมื่อครู่อยู่มาก

เมื่อพิจารณาเด็กวัยกำลังโตสองคนนี้แล้ว ก็ไม่รู้สึกว่าพวกเขาจะสามารถเก็บสมุนไพรราคาดีใดมาได้ แต่ในเมื่อทั้งสองเข้ามาแล้ว เขาจึงไม่สามารถไล่ผู้อื่นออกไป ทำได้แค่เพียงเอ่ยพึมพำขึ้นมา “พวกเจ้าเก็บยาดีอะไรมาได้ก็มีราคาไม่กี่เหรียญทองแดง” เมื่อพูดจบก็โบกมือไปมาอย่างหงุดหงิด “เอามันออกมาให้ข้าดูหน่อย”

หากแต่กู้เสี่ยวหวานกลับไม่หยิบมันออกมา สีหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “พี่ชาย สิ่งของนี้ท่านน่าจะไม่เข้าใจ เช่นนั้นแล้วก็เรียกคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้มาดีกว่าหรือไม่?”

เมื่อลูกจ้างคนนั้นได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เมื่อครู่ที่ยังหงุดหงิด รังเกียจ ครานี้ยิ่งทวีระดับความเกรี้ยวกราดมากขึ้น “ว่าอย่างไรนะ? ข้าไม่เข้าใจ? ข้าทำงานที่โรงหมอนี้มาห้าปีแล้ว จะมีสมุนไพรอะไรที่ข้าไม่เคยเห็นอีก เจ้าเด็กน้อยนี่ตั้งใจมาโรงหมอแห่งนี้เพื่อหาเรื่องใช่หรือไม่?”

เมื่อลูกจ้างคนนั้นพูดจบก็เดินออกมาจากหลังโต๊ะขาย และเริ่มขับไล่เด็กทั้งสองออกไปทันที “ไป ๆๆ รีบกลับไป ที่นี่ยุ่งจนหัวหมุน ไม่มีเวลามาโอ้เอ้กับพวกเจ้าหรอก”

เมื่อกู้หนิงผิงมองลูกจ้างคนนั้นเตรียมลงไม้ลงมือด้วยท่าทางที่ไม่น่าไว้ใจก็รีบวิ่งไปขวางตรงหน้ากู้เสี่ยวหวาน ยกสองมือขึ้นกางกั้นประหนึ่งแม่ไก่ปกป้องลูกเจี๊ยบ และเอ่ยเสียงดัง “อย่ามารังแกพี่สาวข้านะ!”

กู้เสี่ยวหวานเห็นสีหน้าของลูกจ้างคนนั้นเปลี่ยนไป คิดขึ้นมาได้ว่านางยังต้องทำการค้าขาย หากเกิดเรื่องผิดใจกันขึ้นมามันคงจะดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ที่สำคัญคือลูกจ้างนั้นดูถูกคนอื่นเกินไปจริง ๆ หัวใจของเด็กหญิงเกลียดคนประเภทนี้มากที่สุด แต่ว่าตอนนี้อย่างไรไม่สามารถทำให้เขาไม่พอใจได้ จึงทำได้แค่ยิ้มและพูดขึ้นมา “พี่ชาย ข้าบอกว่าข้านำสมุนไพรชั้นดีมา ท่านรับตรวจสอบไม่ไหวหรอก”

ลูกจ้างคนนั้นยังอยากจะพูดต่อ แต่ก็ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังออกมาจากด้านหลังโต๊ะขาย “ถ้าเช่นนั้น แม่สาวน้อย ข้าตรวจสอบได้หรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานและพวกเขาต่างพากันหันไปมองด้านหลัง เห็นชายชราคนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบปี สวมเสื้อคลุมสีฟ้าอมเขียว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยน พร้อมกับมองพวกเขาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

พี่ชายคนนั้นก็รีบทำความเคารพและเอ่ยขึ้นมา “ท่านหมอพาน…”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้น่าจะเป็นผู้ดูแลโรงหมอหุยซุน ก็รีบก้าวไปด้านหน้า พยักหน้าอย่างอ่อนน้อมพลางเอ่ยขึ้นมา “ขออภัยเจ้าค่ะท่านหมอพาน ข้าแค่ได้ยินว่าโรงหมอหุยซุนกำลังรับซื้อสมุนไพรราคาสูง จึงไปเก็บมาเป็นจำนวนหนึ่ง แต่เป็นเพราะข้ามีความรู้เพียงเล็กน้อย ฉะนั้นจึงกลัวว่าพี่ชายท่านนี้จะตรวจสอบและเสนอราคาไม่ได้ ดังนั้นจึงกระทำการบุ่มบ่ามเพื่อมาพบท่าน”

…………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พูดจาสุนัขไม่รับประทานแบบนี้นี่จะซื้อไม่ซื้อ? อุตส่าห์เอาโชคลาภมาให้แล้วยังจะมาไล่อีก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท