บทที่ 49 สมบัติของครอบครัว
บทที่ 49 สมบัติของครอบครัว
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอิ่มเอมใจ พลางบีบจมูกกู้เสี่ยวอี้เบา ๆ “จากนี้ไป ถ้ามีโอกาส ข้าจะซื้อซาลาเปาให้เจ้ากินทุกวันเลย!”
กู้เสี่ยวอี้หัวเราะเบา ๆ ขึ้นมาอย่างมีความสุข เมื่อทุกคนกินจนอิ่มหน่ำ ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าจะทำอย่างไรกับของที่ซื้อมาเหล่านี้ดี!
อย่างแรกกู้เสี่ยวหวานนำผ้านวมชำรุดผุพังไม่กี่ผืนที่อยู่บนเตียงม้วนวางไว้อีกด้าน จากนั้นถึงได้คลี่ผ้านวมใหญ่สองผืนที่ซื้อมา เพราะเป็นผ้านวมที่ซื้อมาใหม่ ขนาดของมันจึงพองโต และอ่อนนุ่มอย่างมาก กู้เสี่ยวหวานลูบไปมาพลางนึกถึงว่าในที่สุดคืนนี้จะไม่ต้องทนเหน็บหนาวแล้วก็ดีใจขึ้นมา
หลังปูที่นอนเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวอี้ก็ปีนขึ้นมาบนเตียงเป็นคนแรก นอนอยู่ในผ้านวมที่อ่อนนุ่มสบายและครวญเพลงเบา ๆ มีความสุขจนคนอื่น ๆ ต่างพากันหัวเราะดังลั่น
ส่วนข้าว เส้นบะหมี่ และเนื้อต่าง ๆ กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าวางไว้ในห้องครัวเล็ก ภายในห้องครัวเล็กไม่มีกลอน กลัวว่าหากคนอื่นรู้เข้าจะดึงดูดขโมยเข้ามาจึงใช้อ่างไม้เก็บเนื้อไว้อย่างดี แล้ววางไว้ตรงมุมอับมุมหนึ่งภายในห้องใหญ่
ตอนนี้ค่อนข้างเย็นแล้ว อีกทั้งกู้เสี่ยวหวานยังรู้สึกค่อนข้างเหนื่อย นางจึงตัดสินใจเคี่ยวน้ำมันหมูในวันพรุ่งนี้
ส่วนเงินเกือบห้าร้อยตำลึงที่อยู่กับตัว กู้เสี่ยวหวานก็นำตั๋วเงินออกมาลับหลังกู้เสี่ยวอี้ และพูดเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่อยู่ในเมืองกับกู้หนิงอันเบา ๆ
เมื่อได้ยินว่าโสมรากหนึ่งสามารถขายได้ห้าร้อยตำลึงแล้ว กู้หนิงอันก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
จนกระทั่งกู้เสี่ยวหวานนำตั๋วเงินออกมาวางไว้ตรงหน้ากู้หนิงอัน กู้หนิงอันถึงได้เชื่อ!
“ท่านพี่ โสมหนึ่งราก ไม่นึกเลยว่าจะสามารถขายได้เงินเยอะขนาดนี้!” กู้หนิงอันไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้อธิบายอะไรมาก เด็กพวกนี้ยังเล็กนัก น่าจะไม่รู้ว่าโสมคนนั้นล้ำค่า จากนี้ก็จะค่อย ๆ อธิบายกับพวกเขา แต่เรื่องที่จะต้องทำในวันนี้คือต้องกำชับพวกเขาห้ามนำเรื่องนี้ไปพูดอย่างเด็ดขาด
กู้เสี่ยวอี้ยังเด็กมาก คงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจไม่ไหว ไม่แน่ว่าคนอื่นแค่หลอกถามนาง นางก็จะพูดเรื่องทั้งหมดนี้ออกไป กู้หนิงผิงเดินทางมาด้วยกันตลอด ล้วนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ส่วนกู้หนิงอันคือพี่ชายคนโตของคนในบ้าน ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จะต้องบอกกับเขา
“เรื่องนี้ มีแค่พวกเราสามคนที่รู้ หากว่าพูดออกไป ต่อนี้ไปอาจจะหาเงินไม่ได้แล้ว อีกอย่าง พวกเราทั้งสี่คนก็ยังเป็นเด็ก สถานการณ์ทางบ้านยิ่งเป็นเช่นนี้อีก ยากที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจของผู้คน หากดึงดูดโจรต่าง ๆ มา แค่ขโมยเงินเพียงอย่างเดียวก็ยังดี แต่หากมีคนต้องการแสวงหาทรัพย์สินและยังต้องการทำอันตรายถึงชีวิต พวกเราตกอยู่ในอันตรายแน่” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มีเจตนาพูดให้ผู้อื่นตกใจ แต่นางหวาดกลัวจริง ๆ
บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านเดี่ยวอย่างในยุคปัจจุบัน รอบบ้านก็มีเพียงรั้วไม้ไผ่สาน ห้องโถงใหญ่นี้ก็มีประตูที่ลงกลอนได้เพียงบานเดียว ทำให้ผู้อื่นงัดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย หากข่าวแพร่ออกไปจริง ๆ เงินถูกขโมยไปก็ช่างมันเถอะ แต่หากคนพวกนั้นมีเจตนาไม่บริสุทธิ์และทำร้ายถึงชีวิตเพื่อแสวงหาสมบัติล่ะ!
กู้เสี่ยวหวานไม่อยากจะคิด ในบ้านที่ไม่มีผู้ใหญ่ แถมทั้งสี่คนก็เป็นเด็กที่กำลังจะโต หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาล่ะ!
กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงพยักหน้ารับ “ท่านพี่ ท่านวางใจเถิด พวกข้าจะไม่พูดอย่างแน่นอน!”
เมื่อเห็นน้องชายทั้งสองพยักหน้าแล้ว กู้เสี่ยวหวานถึงวางใจลง แม้ว่าน้องชายทั้งสองอายุยังน้อย แต่ก็เป็นเด็กที่รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ นางจึงหมดห่วงแล้ว!
หากแต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่วางใจนำเงินห้าร้อยตำลึงทั้งหมดนี้ไว้ด้วยกัน แต่แบ่งเป็นสามส่วน แบ่งแต่ละส่วนเหมือนกันซ่อนไว้ส่วนในสุดของตู้เก็บของ อีกส่วนซ่อนอยู่บนเตียง ส่วนอีกส่วนหนึ่งใช้กระดาษไขที่ห่อซาลาเปาเมื่อครู่ห่อเอาไว้ และซ่อนอยู่บนคานเสา
หากขโมยเข้ามาในบ้านจริง ๆ ก็ไม่น่าจะขโมยเงินสามส่วนทั้งหมดนี้ไป
กู้หนิงอันเห็นพี่สาวยุ่งอยู่กับการนำเงินที่แบ่งไปซ่อนสามสถานที่เช่นนี้ ก็เข้าใจความคิดของพี่สาว และรู้สึกว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่มีความคิดละเอียดรอบคอบจริง ๆ
เมื่อหมดห่วงกับสิ่งเหล่านี้แล้ว กู้เสี่ยวหวานก็สงบลง รอให้ผ่านไปเจ็ดแปดวันค่อยไปที่เมืองอีกครั้งหนึ่งก็สามารถนำเสื้อผ้ากลับมาได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ก็ค่อย ๆ สระผมดีกว่า เส้นผมแทบจะผูกกันเป็นปมแล้ว
กู้เสี่ยวหวานมองเส้นผมของตัวเองอย่างรังเกียจ ทั้งแห้งทั้งเหลือง นี่คือผลของการขาดสารอาหารเป็นเวลานาน
แต่ตอนนี้ทางบ้านมีเงินแล้ว ต่อจากนี้ไปก็กินอาหารดี ๆ สักหน่อย มันก็กลับมามีสภาพดีได้แน่นอน
เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานอยากอาบน้ำสระผม กู้หนิงผิงกับกู้หนิงอันก็ไม่ต้องให้กู้เสี่ยวหวานลงมือ คนหนึ่งไปตักน้ำ อีกคนหนึ่งไปก่อไฟ ส่วนกู้เสี่ยวหวานก็กำลังหาเสื้อผ้าที่พอใช้ได้ในตู้ออกมาใส่แก้ขัดไปก่อน
ทั้งสี่คนยุ่งมาครึ่งวันเต็ม ๆ ถึงจะได้ล้างหน้าบ้วนปากให้สะอาด หลังจากอาบเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าไปทั่วร่าง และพากู้เสี่ยวอี้ กู้หนิงอัน กู้หนิงผิงนอนอยู่ในผ้านวมอ่อนนุ่มผืนใหม่ สบายจนนอนหลับฝันดี
ในวันที่สอง กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตื่นเช้า นอนตื่นสายจนตื่นเองโดยธรรมชาติ ทั้งสี่คนถึงได้ลุกขึ้นมา
เสื้อผ้าที่เปลี่ยนเมื่อวาน กู้เสี่ยวหวานไม่คิดที่จะซัก หากซักก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว ทำได้แค่นำของเดิมกลับมาใส่
เมื่อกู้เสี่ยวหวานสวมเสื้อผ้าของตนเองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าและหวีผมให้กู้เสี่ยวอี้ กู้หนิงผิงเข้าไปก่อไฟในห้องครัวนานแล้ว เรียนรู้การขัดหม้อ การต้มน้ำจากกู้เสี่ยวหวาน ส่วนกู้หนิงอันนั้นถือถังไปตักน้ำแล้ว
เมื่อรอกู้เสี่ยวหวานจูงกู้เสี่ยวอี้มาในห้องครัว น้ำก็ร้อนพอดี หลังจากกู้เสี่ยวหวานจัดการตัวเองและล้างหน้า ล้างมือให้กู้เสี่ยวอี้เหมือนกับแต่ก่อนแล้วจึงได้กลับไปห้องโถงใหญ่อีกครั้ง หยิบแป้งสาลีมาเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานวางแผนนานแล้ว วันนี้ทำบะหมี่เกอต่ากินกันเถอะ!
จากนั้นยังนำเนื้อสดติดมันออกมาเล็กน้อย วันนี้ตอนกลางวันก็ต้มบะหมี่เกอต่าใส่เนื้อหมู
เพราะมีเนื้ออยู่ กลิ่นของต้มบะหมี่เกอต่าใส่เนื้อหมูจึงหอมเป็นพิเศษ หลังจากรอให้สุกพร้อมกิน กลิ่นหอมของเนื้อก็ลอยคลุ้งทั้งห้องครัว แต่ละคนกลืนน้ำลายตลอดเพราะรู้สึกอยากกิน จากนั้นกู้เสี่ยวหวานและพวกเขาก็กินกันอย่างเปรมปรีดิ์
เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็เห็นว่าเวลายังเช้าอยู่ กู้เสี่ยวหวานจึงอยากจะไปที่น้ำตกนั่นอีกครั้ง ตอนนี้อากาศไม่เลวเลย แต่เพราะใกล้จะปีใหม่แล้ว ทำปลาแห้งนำไปขายน่าจะไม่ทันแล้ว อีกทั้งหากครั้งนี้ไม่สามารถจัดหาได้มากพอ และทำให้คนอื่นรู้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นความได้เปรียบนิดหน่อยในปีหน้าก็ไม่มีอีกแล้ว
กู้เสี่ยวหวานคิดแล้วจึงตัดสินใจปล่อยวางเรื่องการทำปลาแห้งไปก่อน และตัดสินใจจัดการแก้ไขไปทีละนิด อันดับแรกคือต้องแก้ไขอาหารการกินภายในบ้านก่อน
แม้จะมีเงินไปซื้อของในเมืองได้ แต่กู้เสี่ยวหวานก็มองการณ์ไกล หากไม่ต้องจ่ายเงินได้ นางก็จะไม่จ่ายเงินอย่างแน่นอน เก็บเงินไว้ใช้ในยามเร่งด่วนน่าจะดีกว่า
กู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง และครั้งนี้คงเจอกู้หนิงผิงคัดค้านเป็นแน่
“ไม่ได้ ท่านพี่ ครั้งนี้ถ้าท่านเข้าไปในภูเขาอีกล่ะก็ ข้าจะไปด้วย!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รอบคอบอย่างนี้ดีแล้วค่ะ เกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นมาก็ยังดำรงชีวิตต่อไปได้ไม่เดือดร้อน
ไหหม่า(海馬)