ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 52 น้ำแกงปลาที่สดอร่อย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 52 น้ำแกงปลาที่สดอร่อย

บทที่ 52 น้ำแกงปลาที่สดอร่อย

“อะไรวะ พวกคนจน! สะอิดสะเอียนจะตายอยู่แล้ว กินของห่วยแตกพวกนั้น!” เหลียงต้าเปาวิ่งห่างออกไปไกลอย่างรวดเร็ว พลางหันมาเหลือบมองกู้หนิงผิงอย่างเหยียดหยาม ประหนึ่งว่าหากอยู่ใกล้กับพวกเขาอีกนิดหนึ่ง จะมีกลิ่นเหม็นอะไรสักอย่างติดอยู่บนตัวก็ไม่ปาน

“ท่านพี่ ท่านดูเขาสิ!”ถึงอย่างไรกู้หนิงผิงก็เป็นเด็กผู้ชายที่ชอบเอาชนะคนหนึ่ง เมื่อเห็นเหลียงต้าเปาคนนั้นเหยียดหยามตัวเองเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมเป็นอย่างมาก

กู้เสี่ยวหวานมองเหลียงต้าเปาคนนั้นวิ่งออกไปไกลโดยไม่พูดอะไร นี่ก็ชัดเจนว่าเขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง กู้เสี่ยวหวานยังคงเกลียดไม่ลงจริง ๆ

ความเสียหายที่ทำอันตรายต่อนางนั้นเท่ากับศูนย์

แต่ว่าเมื่อเห็นริมฝีปากที่ยู่ขึ้นมาของน้องชายจนจะสามารถแขวนตะเกียงน้ำมันได้แล้ว นางจึงได้แต่ปลอบประโลมเขา “หนิงผิง พวกเรากลับบ้านกัน พี่จะทำให้เจ้ารู้สึกว่าปลาที่เจ้าจะได้กินนี้คือของอร่อยที่สุดในโลกไปเลย!”

ล้อเล่นหรืออย่างไร ปลาที่ทั้งมีกลิ่นคาวและกลิ่นสาบโคลนนี่นะ?

หวังว่าพวกเขาจะรู้สึกว่ามันมีกลิ่นคาวและกลิ่นโคลนจริง ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วกู้เสี่ยวหวานถึงจะมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถออกมาได้!

“อืม ท่านพี่!” ชั่วครู่หนึ่งกู้หนิงผิงก็กลับมามีความสุขเหมือนเดิม หันไปทางสถานที่ที่เหลียงต้าเปาคนนั้นหายไป พลางใช้กำปั้นชกอากาศอย่างเกลียดชัง

เขาในตอนนี้ยังสู้ไอ้บ้านั้นไม่ได้ แต่ต้องมีสักวันหนึ่ง หากเหลียงต้าเปาคนนั้นยังพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่อีก เขาจะต้องซัดไอ้บ้านั่นให้หมอบลงกับพื้นแน่

เมื่อกลับมาถึงบ้าน กู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้ก็มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก ยืนอยู่ข้าง ๆ มองพี่สาวจัดการกับปลา

กู้เสี่ยวหวานนำปลาทั้งหมดเทออกมากลางลานบ้านอย่างคล่องแคล่วว่องไว จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าจะฆ่าปลา และต้องใช้น้ำเยอะมาก พวกเจ้าไปตักน้ำมา!”

“ขอรับ!” กู้หนิงอันเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหยิบถังแล้วก็เดินออกไป

กู้หนิงผิงก็ไม่ยอมแพ้ เขานำปลาทั้งหมดเทรวมด้วยกัน เมื่อเห็นพวกปลาที่ดีดดิ้นไปมาอยู่บนพื้น กู้เสี่ยวหวานที่เก็บความรู้สึกภูมิใจเอาไว้ในใจมาแค่ไหนก็คงไม่ต้องเอ่ยถึง

กู้เสี่ยวหวานนำน้ำบางส่วนเทลงในถัง จากนั้นละลายเกลือในปริมาณที่เหมาะสมและคนให้เข้ากัน จากนั้นนำปลาที่มีชีวิตอยู่ใส่เข้าไปในถัง

กู้หนิงผิงมองดูอย่างงงงวย “ท่านพี่ นี่คือ?”

กู้เสี่ยวหวานนำปลาใส่เข้าไปในถังไม้ที่ละตัว พลางเอ่ยขึ้นมา “พี่กำลังทำให้ปลาคายโคลนออกมา”

เพราะไม่มีเครื่องปรุงรสจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้ ในน้ำมีรสเค็ม ปลาไม่สามารถหายใจตามปกติได้ จึงทำให้พวกมันคายดินโคลนออกมาจากปาก

เวลาผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม กู้เสี่ยวหวานก็จับปลาขึ้นมาหนึ่งตัว และใช้มีดชำแหละอย่างชำนาญและรวดเร็ว ตั้งแต่ขอดเกล็ดปลา ผ่าท้องปลา เจาะครีบปลาและนำถุงน้ำดีออกมาทิ้งอย่างระมัดระวัง หากไม่นำถุงน้ำดีนี้ทิ้งหรือทำแตกแล้วล่ะก็ ถึงจะมีฝีมือดีมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์

นางควักไส้และเครื่องในปลาที่อยู่ในท้องปลาออกมา นำมาวางไว้ข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง หากนำเครื่องในปลานี้มาทำให้อร่อย ก็เป็นอาหารที่อร่อยมื้อหนึ่ง จากนั้นก็ขูดเยื่อสีดำหนึ่งชั้นบนผนังท้องของปลาทิ้งอย่างพิถีพิถันเพื่อลดกลิ่นคาว

จากนั้นก็ใช้น้ำล้างปลาให้สะอาด หั่นขิงให้เป็นแผ่น วางไว้ที่ปลาและใช้เกลือหมักไว้ชั่วครู่หนึ่ง ก็จะสามารถกำจัดกลิ่นคาวปลาที่เหลืออยู่ได้

วิธีปรุงปลาจี้ให้อร่อยที่สุดมีอยู่สองวิธี หนึ่งคือผัดราดพริก ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือตุ๋นเป็นน้ำแกง กู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะตุ๋นน้ำแกงดื่ม เพราะผัดราดพริกเป็นวิธีที่เปลืองน้ำมันอย่างหนึ่ง สองคือหากทำเป็นน้ำแกงดื่ม ก็จะสามารถเพิ่มแคลเซียมให้มากยิ่งขึ้นได้

โดยทั่วไปพวกเด็กในบ้านมีรูปร่างเตี้ย หากไม่กินเพื่อเพิ่มแคลเซียมล่ะก็ เกรงว่าจะทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต

เมื่อชาติก่อนกู้เสี่ยวหวานมีรูปร่างสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงมากในหญิงสาวทางฝั่งใต้ เมื่อมีรูปร่างสูง ความมั่นใจที่อยู่ในใจก็ยิ่งแข็งแกร่ง

กู้เสี่ยวหวานนำปลาที่ล้างจนสะอาดแล้วถือเข้าไปในห้องครัวเล็ก จากนั้นก็ล้างหม้อให้สะอาด รอจนหม้อแห้งแล้วก็เทน้ำมันลงไปในหม้อไม่มากนัก และชโลมข้างหม้อให้ทั่ว รอน้ำมันร้อนประมาณเจ็ดส่วน กู้เสี่ยวหวานก็นำปลาจี้ไถลลงขอบหม้อเข้าไป

ด้วยวิธีนี้ หนังปลาจึงจะไม่ติดหม้อ น้ำมันจะไม่กระเด็นออกมาง่าย ๆ

กู้เสี่ยวหวานกำชับกู้หนิงอันว่าต้องใช้ไฟอ่อน กู้หนิงอันก็ใส่ฝืนเข้าไปเล็กน้อย ใช้ไฟอ่อนและทอดช้า ๆ จนหนังปลาทั้งสองฝั่งกลายเป็นสีเหลืองทอง

น้ำที่เพิ่งต้มอยู่ในหม้อเล็กที่อยู่ด้านในเดือดพอดี กู้เสี่ยวหวานก็รีบใช้กระบวยตักน้ำตักน้ำร้อนเทเข้าไปในหม้อสองสามครั้ง สุภาษิตบอกว่า เนื้อเย็นปลาร้อน ความหมายก็คือ น้ำที่ใช้ต้มเนื้อต้องเป็นน้ำเย็น ส่วนน้ำที่ใช้ต้มปลาจะต้องเป็นน้ำร้อน เช่นนี้ถึงจะสามารถทำน้ำแกงที่ต้มให้กลายเป็นสีขาวได้ น้ำมันและน้ำร้อนในขั้นตอนการตุ๋นจะผสมรวมกันและเปลี่ยนเป็นสีขาวได้รวดเร็ว

เมื่อน้ำเริ่มงวด เนื่องจากในบ้านไม่มีต้นหอมและขิง กู้เสี่ยวหวานจึงหั่นหัวไชเท้าสองสามหัวโยนเข้าไปในหม้อ

หลังจากไฟลุกแรง กู้หนิงอันก็ทำตามคำชี้แนะของกู้เสี่ยวหวาน รีบดึงขอนไม้ที่ไฟลุกโชนอยู่ข้างในออกมาสองท่อนทันที เพื่อเปลี่ยนให้เป็นไฟอ่อน

สองพี่น้องร่วมมือกันทำงาน เป็นที่รู้กันว่าทั้งสองเข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก

กู้เสี่ยวหวานตุ๋นอีกราว ๆ ครึ่งชั่วยามกว่าก็สามารถดื่มได้แล้ว เมื่อเห็นว่าพี่สาวหยุดเคลื่อนไหว กู้เสี่ยวอี้ก็เข้ามากอดขานางไว้ “ท่านพี่ หอมจังเลย!”

มันช่างหอมจริง ๆ! กลิ่นหอมกรุ่นเข้มข้นเช่นนี้ พวกเขาล้วนสูดดมจนเต็มปอด

กู้หนิงผิงสูดหายใจเข้าจมูก พลางพูดอุทานขึ้นมา “ท่านพี่ หอมจริง ๆ หอมจริง ๆ เลย!”

กู้หนิงอันก็มองพี่สาวตัวเองด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ยังไม่ทันได้ชิมน้ำแกงที่อยู่ในหม้อก็รับรู้ถึงกลิ่นหอมแล้ว

กู้เสี่ยวหวานไม่รีบร้อนแต่อย่างใด รอหลังจากตุ๋นปลาจนน้ำแกงในหม้อกลายเป็นสีขาวน้ำนมแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ใส่เกลือเข้าไปอีกเพื่อปรุงรส

ครั้นเด็กตัวเล็กทั้งสามเห็นพี่สาวเปิดฝาหม้อออก ทั้งหมดก็เข้ามารุมล้อม

ไอความร้อนลอยขึ้นมา กลิ่นหอมกรุ่นและเข้มข้นโชยเข้ามาในจมูก น้ำแกงล้วนเป็นสีขาวน้ำนม ทอประกายมันวาวชวนน้ำลายสอ

ทั้งสามคนสูดดมจนน้ำลายแทบจะไหลออกมา

กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางกลืนน้ำลายของพวกน้อง ๆ ทั้งสาม ก็โบกมือใหญ่ และพูดขึ้น “รีบไปหยิบถ้วยที่ห้องใหญ่มา พวกเราจะยืนกินอยู่ด้านหน้าหม้อกัน”

“ขอรับ!” หลังจากกู้หนิงผิงพูดจบก็วิ่งไปจนไม่เห็นเงา ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง ก็นำถ้วยสี่ชาม และตะเกียบสี่คู่ออกมา

กู้เสี่ยวหวานตักน้ำแกงเต็มถ้วยให้กับทุกคน กู้หนิงผิงที่ร้อนใจจนทนไม่ไหวจึงจิบน้ำแกงที่ร้อนจัดเข้าไปหนึ่งอึกและส่งเสียงอู้อี้ ก่อนคายของที่อยู่ในปากออกมาอย่างไม่เสียดาย แม้ยังไม่ได้กลืนเนื้อปลาที่อยู่ในปากลงไปทั้งหมด กู้หนิงผิงก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังออกมา “อร่อย อร่อย อร่อยมาก!”

เนื้อสัมผัสเมื่อเข้าไปในปากช่างหวานหอมนุ่ม รสชาติเข้มข้นสดใหม่ เมื่อดื่มน้ำแกงหนึ่งถ้วยลงไป ทุกคนก็รู้สึกสบายมาก

“ท่านพี่ ท่านทำสิ่งนี้เป็นได้อย่างไร?” กู้หนิงอันยกตะเกียบขึ้นมา ชิมหนึ่งคำและอดถามอย่างประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้

เมื่อก่อนท่านพ่อท่านแม่ก็ปรุงปลา แต่รสชาติของปลานั้นทั้งขมทั้งเหม็นซึ่งยากที่จะกลืนมันลงไปจริง ๆ แต่ของรสชาติหอมเข้มข้นที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่มีรสชาติขมและเหม็นเลย

แม้แต่กู้เสี่ยวอี้ที่เด็กที่สุดก็ดื่มเข้าไปเล็กน้อย และหรี่ตาอย่างมีความสุข จากนั้นก็ไม่พูดอะไร และดื่มด่ำกับน้ำแกงปลาที่อยู่ตรงหน้า

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เห็นกรรมวิธีการทำแล้วน้ำลายสอเลยค่ะ จะมีใครเอาไปลองทำบ้างไหมคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท