บทที่ 82 ญาติผู้พี่ผู้ชั่วร้าย
บทที่ 82 ญาติผู้พี่ผู้ชั่วร้าย
กู้เสี่ยวหวานยังจำตอนที่นางได้เงินเดือนเป็นครั้งแรกได้ ในตอนที่เพิ่งใช้ชีวิตในสังคมได้ แม้จะเป็นเงินไม่มาก แต่นางกลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจ และเอาเงินทั้งหมดไปซื้อของให้กับพ่อแม่ นางจำตอนที่ตัวเองกลับบ้านได้ว่าตนจะเอากระเป๋าใบหนึ่งกลับไปด้วย และหลังจากกลับไป กระเป๋าใบนั้นก็จะเต็มไปด้วยสิ่งของสำหรับของพ่อและแม่
นางยังจำใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกในตอนนั้นของผู้เป็นบิดาและมารดาได้จนถึงตอนนี้ มันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของตัวของบุตรสาว ถึงปากพวกเขาบอกว่ากู้เสี่ยวหวานทำเรื่องสิ้นเปลื้อง แต่พอของขวัญนั่นอยู่ในมือ พวกเขาพลันคลี่ยิ้มดีใจอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ นางย้อนนึกถึงวันนั้นที่ตนซื้อเสื้อผ้ารองเท้าใหม่ให้พ่อกับแม่ พวกเขาสวมใส่มัน และเดินออกไปข้างนอกอยู่นานสองนาน
พอเจอคนรู้จักพวกเขาก็จะคุยโวว่านี้เป็นเงินเดือนเดือนแรกที่ลูกสาวซื้อให้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ จนถึงตอนนี้กู้เสี่ยวหวานก็ยากที่จะลืม
ตอนนี้ก็เหมือนกัน กู้เสี่ยวหวานเรียนรู้ที่จะหาเงินเองได้แล้ว ซื้อเสื้อผ้า รองเท้าคู่ใหม่ให้น้อง ๆ ถ้าท่านพ่อและท่านแม่ยังอยู่ก็คงจะดี นางก็คงจะซื้อให้พวกเขาคนละชุดเช่นกัน เพียงแต่มันเป็นแค่เรื่องสมมติเท่านั้น
“ท่านพี่ ข้าคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่…” กู้หนิงผิงพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เด็กอายุหกขวบจะไม่ให้เขาคิดถึงบิดากับมารดาได้อย่างไร โบราณกล่าวไว้ว่า เด็กที่มีมารดาจะเป็นเหมือนอัญมณีล้ำค่า ส่วนเด็กที่ไร้มารดาจะเป็นเพียงแค่ต้นหญ้าเท่านั้น
อย่างตอนนี้พวกเขาไม่เหลือบิดาและมารดาอีกต่อไป แม้แต่เป็นต้นหญ้าก็ยังเป็นไม่ได้
“ท่านแม่ ท่านแม่…” กู้เสี่ยวอี้เช็ดน้ำตา ก่อนจะโอบรอบลำคอกู้เสี่ยวหวานร้องไห้สะอึกสะอื้น
กู้หนิงอันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา หากแต่ขอบตาแดงก่ำดูน่าสงสารไม่ต่างกัน เพราะในใจของเขาก็เจ็บปวดมากเช่นกัน
กู้เสี่ยวหวานโอบทั้งกู้เสี่ยวอี้และกู้หนิงผิงเอาไว้คนละข้างเงียบ ๆ ไม่เอ่ยคำใด ใบหน้าเศร้าสร้อย หลากหลายความรู้สึกปรากฏขึ้นในหัวใจ
“เด็กน้อย พวกเจ้าอย่างร้องไห้ไปเลยนะ…” ท่านป้าจางไม่คิดเลยว่าคำพูดประโยคเดียวของตัวเองนั้นจะทำให้เด็กทั้งสี่คนมีน้ำตาเช่นนี้ ในใจกลับยิ่งรู้สึกผิด รีบเอ่ยปลอบโยน “เด็กน้อย อย่าร้องไห้เลย อย่าร้อง”
ท่านป้าจางบอกว่าอย่าร้อง แต่น้ำตาของตนเองกลับหลั่งรินออกมา ป้าจางโอบกู้เสี่ยวหวานและน้อง ๆ เอาไว้แล้วพูดว่า “เด็กน้อย อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ ร้องเพียงแค่นี้ ต่อไปพวกเรามาใช้ชีวิตที่เหลือให้ดีกันเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานมองท่านป้าจางด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่าย จากนั้นก็เกิดเสียงสะอื้นเบา ๆ ดังขึ้น นางคิดถึงพ่อแม่ของตนบนอีกโลกหนึ่ง และก็คิดนึกพ่อแม่ในชาตินี้ เสียงของระเบิดนั่น ได้ทำลายชีวิตของกู้เสี่ยวหวานให้พลัดพรากจากพ่อและแม่ของกู้เสี่ยวหวานไป
และนางก็ไม่รู้ว่าตอนนี้บิดาและมารดาของตัวเองจะเสียใจจนเป็นอย่างไรบ้าง เพียงแค่คิดว่าผู้เป็นพ่อและแม่เสียใจ หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็คล้ายจะถูกมือล่องหนบีบจนแหลกสลาย
พ่อคะ แม่คะ เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่สบายดี พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
แต่คำขอของนางพ่อกับแม่จะสามารถได้ยินหรือไม่เล่า? พวกเขาสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียวไป ก็คล้ายกับหัวใจถูกควักออกจากอ้อมอก
“เฮ้อ เช้าขนาดนี้ พวกเจ้ามาทำอะไรกัน ร้องไห้กันอยู่หรือไร?” ผู้อื่นที่เสียใจกับการจากไปของตัวเองในโลกที่แล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ นางจากมาไกลจนไม่สามารถกลับไปได้แล้ว เหลือแค่เพียงต้องใช้ชีวิตของกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้ให้ดี
“เฮ้อ ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ลูกสาวของบ้านรองนี่เอง ปีใหม่ทั้งทีจะมายืนไว้อาลัยพ่อแม่ข้างนอกอย่างนี้หรือ” เสียงนี้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกคุ้นหูมาก คล้ายกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ยังไม่ทันที่นางจะออกจากอ้อมกอดของท่านป้าจาง ท่านป้าจางก็ยืนขึ้นหมุนตัวตะโกนเสียงดังว่า “แม่ซุนปากของเจ้านี้พูดเรื่องดี ๆ บ้างไม่เป็นหรืออย่างไร เจ้ายังเป็นป้าสะใภ้ของเด็กพวกนี้อยู่นะ!”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินท่านป้าจางพูดพลางหันหน้ากลับไปมอง ความโกรธพลันปะทุขึ้นมาจากในท้องของคน น้ำเสียงที่คุ้นหู ใบหน้าของนางปรากฏอยู่ข้างกายของหญิงที่ประจันหน้ากับท่านป้าจาง เป็นคนที่ทั้งชีวิตนี้นางไม่มีวันลืม
“กู้ซินเถา!” กู้เสี่ยวหวานกระโดดมายืนหน้าป้าจาง ตะโกนเสียงดัง ทำให้กู้ซินเถาที่ยืนอยู่หลังแม่ซุนตระหนกตกใจ
กู้ซินเถาที่แต่งกายงดงามมากเสน่ห์ รีบหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังของแม่ซุน คอยลอบมองกู้เสี่ยวหวาน หรือไม่เมื่อครู่นางก็แค่ตกใจกลัวนิดหน่อยเท่านั้น พอเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ราวกับว่าความกลัวได้พัดหายไปในกลีบเมฆแล้ว และออกมายืนเท้าสะเอวด้านหน้าของแม่ซุน และมองมาที่กู้เสี่ยวหวานอย่างถือตัว
เมื่อคู่อาฆาตมาเจอกัน ความบาดหมางก็ยิ่งทวีความรุนแรง
ไม่เพียงกู้เสี่ยวหวาน หากท่านป้าจางไม่ดึงกู้หนิงอันกับกู้หนิงผิงเอาไว้ คาดว่าพวกเขาคงจะพุ่งเข้าทุบตีกู้ซินเถาแล้ว แม้แต่กู้เสี่ยวอี้ที่อายุน้อยที่สุดยังด่าออกมา “คนชั่ว ๆ!”
“นังเด็กคนนี้ เจ้าว่าใคร หา!” แม่ซุนเป็นคนปากเปรี้ยวใจแคบ นอกจากตัวเองแล้วใครก็ไม่อยู่ในสายตาของนางทั้งนั้น และนางก็ยิ่งไม่เห็นเด็กผู้หญิงที่ด่าตัวเองว่าคนชั่วแบบนี้อยู่ในสายตายิ่งกว่า ซึ่งขณะนี้ไฟร้อนกำลังสุมอยู่ในทรวงอกนาง
กู้ซินเถาที่ถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่มุกล้ำค่า แม้แต่บิดาและมารดายังไม่เคยว่ากล่าว แล้วจะยอมให้ผู้อื่นมาด่านางได้อย่างไร
วันนี้เป็นวันปีใหม่พอดี ร้านอาหารต่างก็ปิดบริการหมดแล้ว กู้ฉวนลู่จึงพากลับมาฉลองปีใหม่ด้วยกันที่บ้าน ทว่าตั้งแต่ที่กู้ซินเถาผลักกู้เสี่ยวหวานตกน้ำ ตอนกลางคืนก็มักจะฝันร้ายอยู่ตลอด
ในฝันนั้นนางได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น พร่ำบอกว่ากู้เสี่ยวหวานจะมาคิดบัญชีกับนาง ทั้งที่ในความเป็นจริงในวันนั้นที่กู้เสี่ยวหวานฟื้นขึ้นมา คนในหมู่บ้านได้แจ้งกับพวกนางแล้ว แต่พอได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานยังไม่ตาย แม่ซุนจึงวางใจในที่สุด
ถ้ากู้เสี่ยวหวานถึงคราวตายจริง ๆ ตัวเองที่เป็นสะใภ้ใหญ่ และกู้ซินเถาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องจะต้องโดนประชาทัณฑ์แน่! ฆ่าคนตาย สวรรค์ต้องให้ความยุติธรรม
ตอนนั้นหลังจากที่กู้ซินเถาผลักกู้เสี่ยวหวานตกน้ำ ก็รีบวิ่งกลับบ้านไปอย่างกระวนกระวาย แม่ซุนถามเรื่องคร่าว ๆ ก็รู้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องวุ่นวายแน่ ในฤดูหนาวเช่นนี้คนที่สวมชุดคลุมตัวหนาตกลงไปในน้ำ ไม่จมน้ำตายก็แข็งตาย กู้เสี่ยวหวานคนนี้เห็นทีว่าจะช่วยเอาไว้ไม่ทันเสียแล้ว แต่ยังดีที่รอบ ๆ แม่น้ำ มีแค่กลุ่มเด็ก ๆ เท่านั้น ไม่มีผู้ใหญ่ แม่ซุนซื่อจึงกำชับกู้ซินเถาว่าให้บอกคนอื่น ๆ ว่าไม่ได้อยู่กับกู้เสี่ยวหวานไปเสีย
หลังจากพูดให้กู้ฉวนลู่ฟัง กู้ฉวนลู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน แม้ว่าในคืนนั้นเขาจะรีบกลับเมืองไปในทันทีก็ตาม แต่ก็ได้รับข่าวของกู้เสี่ยวหวานอยู่เรื่อย ๆ ตอนที่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานยังไม่ตาย เขาจึงวางใจในที่สุด
กู้ซินเถามองกู้เสี่ยวหวานหน้าแดงก่ำที่ยืนอยู่ตรงนั้นและมองมาที่ตัวเองอย่างดุร้าย ผนวกกับความกลัวในทุก ๆ วัน ทำให้อารมณ์ของนางยิ่งย่ำแย่ เดินตึงตังมายืนด้านหน้าของแม่ซุน สองมือเท้าสะเอวและพ่นวาจาหยาบคาย “กู้เสี่ยวหวาน ทำไมเจ้าไม่ตาย! ทำไมถึงไม่ตาย ๆ ไปเสีย!”
………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
กำลังจะมีความสุขรับปีใหม่อยู่แล้วเชียว ดันมาเจอมารผจญเสียนี่
ไหหม่า(海馬)