ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 136 รับเลี้ยงคนอื่นเถอะ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ตอนที่ 136 รับเลี้ยงคนอื่นเถอะ

ตอนที่ 136 รับเลี้ยงคนอื่นเถอะ

“แล้วป้าใหญ่กำลังหมายความว่าอย่างไร……” กู้เสี่ยวหวานจ้องซุนซื่อด้วยสายตาเย็นชา และขัดจังหวะคำพูดของซุนซื่อ “ถ้าข้าเลี้ยงน้องชายสองคนไม่ได้ ท่านจะให้ข้าส่งน้องชายไปอยู่ที่บ้านลูกพี่ลูกน้องของท่านเพื่อกินหอมและดื่มเผ็ดใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว เสี่ยวหวาน ลูกพี่ลูกน้องของข้าต้องการมีลูก และในทุกวันผู้คนนับไม่ถ้วนพาลูกไปที่บ้านลูกพี่ลูกน้องของข้า โดยหวังว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าจะรับไปเลี้ยง แต่ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะไปรับลูกของคนอื่นได้อย่างไร? นางไม่เห็นด้วยกับการรับเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเลี้ยง ฟังนะ เมื่อข้าพูดถึงสถานการณ์ครอบครัวของเจ้า พ่อแม่ก็เสียชีวิต และพี่สาวอายุแปดขวบอาศัยอยู่กับน้องชายและน้องสาว เงื่อนไขเช่นนี้กลับทำให้ลูกพี่ลูกน้องของข้าตกลงทันที และยังตกลงที่จะรับเลี้ยงทั้งสองคนด้วย……” ซุนซื่อไม่เห็นใบมีดคมกริบในดวงตาของกู้เสี่ยวหวาน และคิดว่ากู้เสี่ยวหวานถามเพราะนางสนใจมาก

“หึหึ……” กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเบา ๆ แต่ดูเหมือนว่าในใจมีไฟลุกโชน กระนั้นก็ยังพูดอย่างเย็นชาว่า “ด้วยเงื่อนไขดี ๆ เช่นนี้ ทำไมป้าใหญ่ไม่รับไว้เองเสียเล่า?”

“อะไรนะ?” ซุนซื่อไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะนำเรื่องนี้มาย้อนถามตน นางตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าใจความหมายของกู้เสี่ยวหวานชัดเจน เมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานถามว่า ทำไมนางไม่ส่งลูกของตนไปบ้านลูกพี่ลูกน้อง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู ลอบด่ากู้เสี่ยวหวานในใจ แต่ปากตอบกลับราวกับรู้สึกสงสารเล็กน้อย “เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? ท่านลุงของเจ้าทำงานในเมืองและมีเงินมากทุกเดือน แค่เลี้ยงเด็กสี่คนก็ไม่มีปัญหา แล้วจะให้ส่งลูก ๆ ไปบ้านลูกพี่ลูกน้องของข้าได้อย่างไร!”

กู้เสี่ยวหวานร้องอ๋อหนึ่งคำ พร้อมกับสูญเสียความรู้สึกที่มีต่อกู้ฉวนลู่และภรรยา

เมื่อพ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่ กู้ฉวนลู่นี้ไม่ได้ติดต่อกับกู้ฉวนฟู่เพราะเรื่องเงิน ครั้นกู้ฉวนฟู่เสียชีวิตและลูกทั้งสี่คนก็ตกระกำลำบาก กู้ฉวนลู่ในฐานะลุงกลับไม่ได้ช่วยดูแลเด็ก ๆ แทนน้องชายที่เสียชีวิตเลย ไม่ช่วยดูแลก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เขายังมาขว้างก้อนหินใส่คนที่ตกลงไปในบ่อน้ำ*และจะพาน้องชายทั้งสองไปอีก

*ตีคนเมื่อเขาล้ม

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจความคิดของซุนซื่อแล้ว และเกลียดซุนซื่อเข้ากระดูกดำ แต่นางก็แสร้งทำเป็นรู้แจ้งในทันใด “แล้วป้าใหญ่หมายความว่าอย่างไร เพราะข้าไม่มีผู้ใหญ่ในครอบครัวและไม่สามารถเลี้ยงเด็กทั้งสองคนได้ ท่านเลยจะให้ข้าส่งน้องชายไปใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว เจ้าเด็กคนนี้นี่ ข้าจะไม่นึกสงสารเจ้าเลยหรือที่เจ้าทำให้น้องชายทั้งสองคนลำบาก? ข้าก็อุตส่าห์เสนอทางช่วยแล้ว ทำไมเจ้าถึงนึกกังขาต่อข้าอยู่อีก?”

“ท่านป้าใหญ่ ข้าเพียงแต่คิดว่าน้องชายทั้งสองของข้าเกิดมายากจนเกินไป คงเป็นคุณชายไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าท่านควรจะกลับไปเถอะ ถ้าอยากจะให้เด็กในครอบครัวเป็นคุณชาย ท่านก็ควรส่งพี่เหวินไปลองดู ท้ายที่สุดแล้วในอนาคตพี่เหวินก็จะได้เป็นข้าราชการระดับสูง ยิ่งตระกูลร่ำรวยยิ่งดีต่อเขานะเจ้าคะ” กู้เสี่ยวหวานเตือนซุนซื่อ

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเบี่ยงเบนความสนใจไปที่กู้จือเหวิน ซุนซื่อก็รีบพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าไม่ต้องการหรือ ลูกพี่ลูกน้องของข้าก็ชอบเหวินเอ๋อร์เหมือนกัน แต่ข้ามีลูกชายเพียงคนเดียว จะส่งลูกตัวเองไปให้ลูกพี่ลูกน้องของข้าได้อย่างไร”

“ความหมายของท่านป้าก็คือ ถ้าพ่อแม่ข้าตายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีลูกชายก็ได้อย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานทนซุนซื่อมามากพอแล้ว แม้แต่สีหน้าดี ๆ ก็ไม่อยากแสดงด้วยซ้ำ นางจึงพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เย็นชา

“นี่ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่เจ้าตายแล้วหรอกหรือ? เจ้ายังไม่สนใจสถานะอันน้อยนิดของตัวเองหรืออย่างไร ทำไมไม่มองดูสารรูปตัวเองหน่อยว่าเจ้าต่างกับขอทานอย่างไร ฮึ่ม……” ซุนซื่อตำหนิและเอ่ยต่อ “เจ้าอาจเต็มใจ แต่น้องชายอาจจะไม่เต็มใจก็ได้? ใครจะอยากอยู่ในกระท่อมมุงจากที่ทรุดโทรมนี้ไปตลอดชีวิต ใครกันเล่าจะไม่อยากอยู่ในบ้านอิฐหลังใหญ่ที่มีคนรับใช้คอยบริการ บางทีทั้งสองคนอาจจะกระตือรือร้นที่จะไปก็ได้ เจ้าหลบไป ข้าจะถามทั้งสองคนด้วยตัวเอง……”

กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางของซุนซื่อที่มุ่งมั่นจะเอาชนะแล้วก็ครุ่นคิด ซุนซื่อคนนี้คิดจริง ๆ หรือว่าผู้คนในโลกนี้จะเนรคุณเหมือนพวกเขา?

กู้เสี่ยวหวานกำลังจะเยาะเย้ยซุนซื่อ แต่นางกลับได้ยินเสียงประตูด้านในถูกผลักเปิด และมีคนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“หนิงผิง……หยุดนะ!” สองพี่น้องกู้หนิงอันได้ยินคำพูดของซุนซื่ออย่างชัดเจน เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินว่าซุนซื่อคนนี้ที่ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนพวกตนกลับมาที่นี่เพื่อส่งตนเองและพี่ชายไปที่ครอบครัวของลูกพี่ลูกน้องของนาง เขาก็โกรธมากจนแทบจะหั่นร่างของซุนซื่อเป็นแปดชิ้น

ยิ่งฟังแล้วโทสะในหัวใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุด ซุนซื่อก็บอกว่าทั้งสองคนเต็มใจจะไป เรื่องนี้ทำให้กู้หนิงผิงโกรธมาก ซุนซื่อคนนี้มารังแกครอบครัวเขาเกินไปแล้ว เพราะว่าพวกเขาไม่มีผู้ใหญ่ในครอบครัวเลยสามารถทำแบบนี้ได้หรือ?

ทันทีที่เห็นว่าพี่สาวของเขากำลังบอกซุนซื่ออย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะไม่ไป แต่ซุนซื่อก็ยังคงก้าวร้าว กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงจึงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ และอยากรีบออกไปตีซุนซื่อสักทีจริง ๆ

กู้หนิงผิงไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากสวมรองเท้าแล้วเขาก็รีบออกจากห้อง กู้หนิงอันยังใจเย็นได้อยู่ แต่กู้หนิงผิงเดือดดาลจนทนไม่ไหวแล้ว แม้กู้หนิงอันจะมีโทสะปะทุในใจของเขา แต่เขาจะไม่ระเบิดออกมาเหมือนกู้หนิงผิง

กู้หนิงผิงรีบออกไปทันที หยิบไม้กวาดจากใต้ชายคามุ่งตรงไปหาซุนซื่อและตะโกนอย่างก้าวร้าว “ท่านพี่ ท่านหลบไป……”

กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางโมโหร้ายของกู้หนิงผิง จึงรู้ว่าน้องชายทั้งสองได้ยินสิ่งที่พวกนางพูดข้างนอกแล้ว เมื่อมองไปเห็นท่าทางของกู้หนิงผิง กู้เสี่ยวหวานที่คิดจะสอนบทเรียนให้ซุนซื่อจึงรีบหลบ

กู้หนิงผิงเหวี่ยงไม้กวาดลง ทำให้ซุนซื่อตกตะลึง และก่อนที่นางจะทันได้ตอบโต้ นางก็เห็นไม้กวาดฟาดลงบนไหล่

“โอ้ย……” ซุนซื่อล้มเพราะแรงตีจากไม้กวาด ถอนหายใจยาว เป็นเพราะยืนไม่มั่นคงเลยล้มลงที่พื้นตรงนั้น

กู้หนิงผิงเปิดประตูรั้ว เมื่อเห็นซุนซื่อนั่งอยู่บนพื้น เขาก็ฟาดไม้กวาดในมือไปทางซุนซื่ออย่างไร้ความปรานี “คนเลว ใครใช้ให้แกส่งเราสองพี่น้องไป ใครให้ส่ง ใครให้ส่ง อยากจะไปอยู่บ้านหลังใหม่ แล้วทำไมไม่ส่งลูกชายของตัวเองไปล่ะ มาหาพวกเราทำไม!”

กู้หนิงผิงฟาดไม้กวาดด้วยแรงมหาศาล ซุนซื่อในครั้งนี้กระทำเกินไปแล้ว กู้หนิงผิงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองและไม่มีที่ระบายออกจึงลงไม้ลงมืออย่างเต็มที่ กู้เสี่ยวหวานยืนกอดอก ไม่พูดอะไรสักคำ สายตาที่มองกู้หนิงผิงสั่งสอนซุนซื่อนั่นไม่มีความปรานีเลยสักนิดเดียว ส่วนกู้หนิงอันนั้นรีบเข้ามายืนเคียงข้างกับกู้เสี่ยวหวาน แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่นั่นก็ไม่อาจซ่อนความโกรธเคืองในสายตาของเขาได้ ……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไม่รู้ฤทธิ์ของพวกเด็ก ๆ ซะแล้วนังซุนซื่อ เจอหนิงผิงฟาดสักหน่อยเป็นไง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท