ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 147 เฉาซื่อมาหา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 147 เฉาซื่อมาหา

บทที่ 147 เฉาซื่อมาหา

“ให้เด็ก ๆ เรียนดีกว่า ถ้าในอนาคตพวกเขาสามารถคว้าตำแหน่งราชการได้ พวกเขาจะสบายไปตลอดชีวิต”

“ข้าไม่สนหรอกเจ้าค่ะว่าพวกเขาจะสามารถคว้าตำแหน่งราชการได้หรือไม่ ตราบใดที่พวกเขาสามารถอ่านและเขียนได้ ก็จะมีทางทำมาหากินได้ในอนาคตโดยไม่ต้องขุดดินหาของกินทั้งวัน!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว

พี่ฝูตอบรับหนึ่งคำ การเคลื่อนไหวของมือไม่ได้หยุดลง หลังจากคำนวณผ้าและบอกราคาแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงหยิบเงินมาจากห่อผ้า

เมื่อตกลงกันว่าจะมารับเมื่อไร กู้เสี่ยวหวานก็พาน้องสาวของนางออกไป แต่พี่ฝูก็เอ่ยรั้งสองพี่น้องเอาไว้ก่อน

“พวกเจ้ารอก่อน!” พี่ฝูหยิบของบางอย่างออกจากตู้แล้วยัดไปในมือของสองพี่น้องคนละอัน

“ข้าทำถุงหอมและถุงเงินไว้ให้คนละอัน!”

สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานได้รับคือถุงเงินที่ปักลายดอกโบตั๋นสีแดงจนดูราวกับของจริง “พี่ฝู งานปักของท่านสวยมาก!”

“ที่ไหนกัน ข้าแค่ทำเล่น ๆ เจ้าไม่รู้หรอกว่า หนึ่งในอาจารย์ที่ข้าเคยเรียนด้วย นางเป็นช่างปักในวังจึงได้ชื่อว่าเป็นช่างปักฝีมือดี!” พี่ฝูหน้าแดงระเรื่อด้วยความดีใจ

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของนางพลันเป็นประกาย ช่างปักผ้าในวัง?

นั่นไม่ใช่ช่างภูษาสำหรับคนในวังหรอกหรือ ฝีมือพี่ฝูนั้นดีมากเพราะนางเรียนรู้จากช่างปักผ้าในวัง! ไม่น่าแปลกใจเลย กู้เสี่ยวหวานลูบถุงเงินในมือของตน ฝีเข็มละเอียดเรียงตัวอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นด้ายธรรมดาทั้งหมด แต่การจับคู่สีก็เรียบง่ายและสง่างาม งดงามยิ่งนัก

กู้เสี่ยวอี้หยิบถุงปักลายดอกท้อที่กำลังบานและใบไม้สีเขียวสองสามใบขึ้นมา ซึ่งมันก็สวยงามมากเช่นกัน

“สวยจัง!” กู้เสี่ยวอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา ถือมันราวกับเป็นของล้ำค่า

“น้องสาวของข้าชอบของพวกนี้มาก คราวที่แล้วท่านให้เชือกถักกับข้ามาไม่ใช่หรือ? น้องสาวของข้าถอดมันออกแล้วเล่นกับมันทั้งวัน นางชอบมันมาก!” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้ม

“ชอบก็ดีแล้ว!” พี่ฝูลูบหัวกู้เสี่ยวอี้อย่างรักใคร และกล่าวว่า “ถ้าหลังจากนี้มาในเมือง ถึงไม่มีเรื่องอะไรก็สามารถมาเดินเล่นที่นี่ได้ ตั้งแต่ข้าได้เห็นเจ้ากับน้องสาวครั้งแรกก็ชอบพวกเจ้าเสียแล้ว”

พี่ฝูยังเหลืออีกครึ่งประโยคที่ยังพูดไม่จบ และนางยังคงรู้สึกเสียใจต่อครอบครัวนี้ หากไม่มีผู้ใหญ่ กู้เสี่ยวหวานในวัยแปดขวบก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัวเพียงคนเดียว ไม่ต้องพูดถึงความทุกข์ยากและเหน็ดเหนื่อย นางนั้นแข็งแกร่งมาก

หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามประโยค พี่ฝูก็ยื่นขนมให้กู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมรับมัน หลังจากออกจากร้านขายผ้าจี๋เสียงแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พากู้เสี่ยวอี้ไปหาเสี่ยวฉือโถว

เมื่อตอนที่เสี่ยวฉือโถวจอดเกวียน เขาบอกว่าเขาจะไปหาเสี่ยวเซิ่งจื่อเพื่อนำของบางอย่างไปให้ และเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องหน่อไม้

เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึงเสี่ยวฉือโถวก็มาถึงเกวียนวัวแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องกู้เสี่ยวหวานกลับมา ฉือโถวก็รีบทักทายและถามว่า “ส่งพวกเขาแล้วหรือ?”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและพูดว่า “พี่ฉือโถว ท่านมารอมานานแล้วหรือ?”

ฉือโถวลูบศีรษะของเขาและพูดซ้ำ ๆ ว่า “ไม่นาน ไม่นาน ข้าเพิ่งมาถึงเร็ว ๆ นี้!”

“เจอเสี่ยวเซิ่งจื่อหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานปีนขึ้นไปบนเกวียนวัวแล้วเอ่ยถาม

“เจอแล้ว เขายังบอกข้าด้วยว่าถ้ามีหน่อไม้ สามารถมาส่งมาได้ทุกเมื่อ!” เสี่ยวฉือโถวร่าเริงและตื่นเต้นมากเมื่อคิดว่าเขาจะทำเงินได้ในไม่ช้า

“อืม พี่ฉือโถว ถึงเวลานั้นข้าจะไปขุดหน่อไม้ด้วย!” น้องชายสองคนไปสำนักศึกษา อย่างที่ท่านป้าจางบอก ในอนาคตเงินจะถูกใช้ทุกเมื่อ ถ้าไม่เก็บเงินเพิ่มสักนิดในอนาคตคงต้องมีหลักประกัน

กู้เสี่ยวหวานนั่งบนเกวียนวัว มองดูเมืองที่ไกลออกไป จิตใจของนางพลันสับสนไม่แน่นอน

บางทีขั้นตอนนี้ที่ทำในวันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอนาคต

หลังจากกลับบ้านและบอกลาฉือโถว กู้เสี่ยวหวานก็พากู้เสี่ยวอี้เข้าไปในบ้าน

ในอดีตมีคนสี่คน หลังจากนั้นกลับเหลือเพียงเด็กหญิงสองคน ทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกวูบโหวงในใจพร้อมกับความรู้สึกเหงาหงอยเข้ามาครอบงำหัวใจตนทันที ดวงตาของนางแสบร้อน และรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มองไปที่กู้เสี่ยวอี้ซึ่งยังเด็กอยู่ นางกลัวว่าถ้านางร้องไห้ กู้เสี่ยวอี้คงจะร้องไห้ตามไปด้วย เด็กหญิงจึงต้องลอบเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ เมื่ออยู่กับกู้เสี่ยวอี้อีกครั้งก็แสดงท่าทางเป็นปกติ แต่กู้เสี่ยวอี้เดาว่านางเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ ทำให้พวกนางรู้สึกหดหู่ไปตลอดทั้งช่วงบ่าย กู้เสี่ยวหวานจึงคิดหาวิธีมากมายซึ่งในที่สุดทำให้กู้เสี่ยวอี้มีความสุขได้

เช้าตรู่ของวันต่อมา กู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกและมีคนตะโกนเสียงดัง “กู้เสี่ยวหวาน เปิดประตูให้ข้าหน่อย! เปิดประตู!”

กู้เสี่ยวอี้ที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของกู้เสี่ยวหวาน ครั้นได้ยินเสียงเคาะประตูด้านนอกอย่างแรง นางจึงลุกจากเตียง

กู้เสี่ยวหวานมีใบหน้าเรียบเฉยและไม่ได้เอ่ยคำใด นางเงี่ยหูเพื่อฟังเสียงภายนอก ก็ได้ยินเสียงดุร้ายของอาสะใภ้สามของนาง

กู้เสี่ยวหวานเงียบ สวมใส่เสื้อผ้า และช่วยกู้เสี่ยวอี้แต่งตัวก่อนที่จะเปิดประตู

เฉาซื่อกำลังยืนทุบประตูอยู่ข้างนอก มือของนางขึ้นสีแดงก่ำ ปากของนางพ่นคำพูดไม่น่าฟังขณะตะโกนเสียงดัง “พวกไร้ยางอาย กล้าขโมยของของข้า เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเปิดประตู เฉาซื่อก็หยุดทุบประตู อย่างไรก็ตาม นางไม่ลืมแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “พวกเจ้าหูหนวกเป็นใบ้หรืออย่างไร ทำไมมาเปิดประตูช้าอย่างนี้! ”

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานบูดบึ้งและไม่พูดอะไร นางพากู้เสี่ยวอี้ไปที่ลานบ้าน และหยุดยืนนิ่ง

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการเปิดประตูให้นาง ใบหน้าของเฉาซื่อก็มืดครึ้มลงอีกครั้ง “เด็กบ้า มาเปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งโดยไม่สนใจการด่าของเฉาซื่อเลย “มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”

เฉาซื่อไม่ได้ถูกอาสามทุบตีจนลุกจากเตียงไม่ได้หรอกหรือ? ตอนนี้กลับยังฮึกเหิมประดุจมังกรผงาดเสือกระโจน ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บจะหายดีแล้ว

กู้เสี่ยวหวานคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าเฉาซื่อมาทำอะไรที่นี่กันแน่? เมื่อไม่กี่วันก่อนซุนซื่อก็มาที่นี่ อีกไม่กี่วันต่อมาเฉาซื่อก็มาอีกครั้ง!

พวกเขากำลังพยายามรังแกครอบครัวที่ไม่มีผู้ใหญ่นี้อยู่หรือ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานก็ดูบิดเบี้ยวยิ่งขึ้นไปอีก!

แต่เมื่อเห็นการปรากฏตัวเพื่อซักไซ้เอาความของเฉาซื่อ กู้เสี่ยวหวานก็แน่ใจแล้วว่าการที่เฉาซื่อมาที่นี่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมาเยี่ยมของซุนซื่อในครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน

และก็เป็นตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเฉาซื่อเปิดปากก็มีแต่คำดุด่า “เด็กสารเลว พูดมาว่าพวกแกซ่อนเงินไว้เท่าไร?”

……………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พวกผู้ใหญ่บ้านนั้นนี่ไม่มียางอายกันหรือยังไง รังแกเด็กไม่มีพ่อแม่ได้ลงคอ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท