ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 150 เสี่ยวอี้หายตัวไป

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 150 เสี่ยวอี้หายตัวไป

บทที่ 150 เสี่ยวอี้หายตัวไป

ริมฝีปากขอบนางแห้งผาก กู้เสี่ยวหวานหยิบชามน้ำข้างเตียงยกขึ้นดื่ม แม้ว่าน้ำจะเย็นแล้ว แต่ก็ช่วยแก้ปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนนี้ได้ กู้เสี่ยวหวานเช็ดหยดน้ำจากริมฝีปากของนางด้วยแขนเสื้อ

“เสี่ยวอี้!” เมื่อกู้เสี่ยวหวานนึกอะไรบางอย่างออกจึงร้องตะโกนออกมา และเอามือแตะผ้าห่มข้าง ๆ แต่กลับไม่มีผู้ใดเลย

ในขณะนั้น หัวใจของกู้เสี่ยวหวานตื่นตระหนกโดยไม่มีเหตุผล นางตะโกนอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว “เสี่ยวอี้ เสี่ยวอี้!”

ไม่มีเสียงตอบสนองกลับมา ในคืนที่เงียบสงบ เด็กคนนั้นไม่ได้วิ่งเข้ามาจากข้างนอกเพื่อให้กู้เสี่ยวหวานได้สบายใจ

“เสี่ยวอี้…” กู้เสี่ยวหวานกระโจนออกจากเตียงและตะโกนเรียกอย่างกังวลใจ

เด็กหญิงตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ค้นหาทุกมุมของห้องครัวและลานบ้าน ค้นหาไปทั่วบ้านแล้วแต่ไม่พบใครเลย ค้นหาทั้งด้านหน้าและด้านหลังของบ้าน แต่ไม่พบกู้เสี่ยวอี้ที่ไหนเลย แผ่นหลังของกู้เสี่ยวหวานชาวาบด้วยความตกใจ และนางก็วิ่งออกจากลานบ้านด้วยความตื่นตระหนก

ข้างนอกยกเว้นดวงจันทร์ ทุกอย่างเงียบสงัดและน่ากลัว ในกลางดึกมีเพียงกู้เสี่ยวหวานที่ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฟังตอนกลางคืนน่ากลัวมาก

เมื่อมาถึงประตูบ้านของท่านป้าจาง กู้เสี่ยวหวานก็ตะโกนว่า “ท่านป้าจาง ท่านป้าจางเจ้าคะ…”

ในบ้านมืดสนิท หลังจากนั้นไม่นานตะเกียงไฟก็สว่างขึ้น ท่านป้าจางหยิบตะเกียงน้ำมัน หลังจากสวมชุดแล้วก็เดินออกไป และตามด้วยฉือโถวที่ดูวิตกกังวล

เมื่อท่านป้าจางได้ยินเสียงคนเรียก นางก็รีบออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวาน เด็กหญิงคนนั้นแม้แต่เสียงของนางก็เปลี่ยนไปราวกับว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

ท่านป้าจางเดินเข้ามาพร้อมกับตะเกียงน้ำมันในมือ และเมื่อนางเห็นใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ท่านป้าจางก็ผงะไป “เสี่ยวหวาน เกิดอะไรกับเจ้า?”

เมื่อฉือโถวได้ยินคำพูดของแม่ เขารีบรุดขึ้นหน้าและเห็นใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานบวมเป่ง เห็นได้ชัดว่านางถูกทุบตี

“ท่านป้าจาง เสี่ยวอี้อยู่ที่นี่หรือไม่? เสี่ยวอี้อยู่หรือเปล่า?” กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจจะพูดอะไร นางเพียงถามท่านป้าจางราวกับคนเสียสติ

น้ำเสียงของนางสั่นเครือและแหบพร่า

“เสี่ยวอี้ไม่ได้มาบ้านข้าวันนี้!” คำพูดของท่านป้าจางราวกับสายฟ้าฟาด กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวอี้

ก่อนที่ท่านป้าจางจะพูดจบ กู้เสี่ยวหวานก็หันหลังเดินเซ จนเกือบจะล้มลง ก่อนที่ท่านป้าจางจะมาช่วย กู้เสี่ยวหวานก็ออกจากลานบ้านไปแล้ว

ในกลางดึก กู้เสี่ยวหวานเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผล และถามเพียงว่าเสี่ยวอี้อยู่ที่นี่หรือไม่ ท่านป้าจางก็เดาโดยสัญชาตญาณได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็กสองคนนี้!

กู้เสี่ยวหวานเดินอยู่ในตอนกลางคืน นางแผดเสียงร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านป้าจางที่ได้ยินเสียงนั้นรู้สึกเป็นทุกข์

“เร็วเถอะ พวกเราไปแต่งตัวแล้วหาคนไปด้วยกัน” ฉือโถวตอบรับอย่างรวดเร็ว วิ่งเข้าไปในบ้านและรีบแต่งตัว แล้ววิ่งออกจากบ้านและไปหากู้เสี่ยวหวาน

การกระทำของท่านป้าจางช้าลงเล็กน้อยเนื่องเพราะบอกท่านลุงจางว่านางพบเจออะไรข้างนอก

“ใบหน้าของเสี่ยวหวานเต็มไปด้วยบาดแผล มีใบหน้าบวมเป่งเพราะถูกทุบตีอย่างแน่นอน นางวิ่งเข้ามากลางดึกและถามว่าเสี่ยวอี้อยู่ที่นี่หรือไม่ เสี่ยวอี้ผู้นี้คงหายไปแล้ว! ใครทำกัน ทำไมไร้หัวใจขนาดนี้!” ท่านป้าจางรีบแต่งตัวและบอกท่านลุงจางว่า “ข้าจะออกไปหาเสี่ยวอี้กับฉือโถวตอนนี้ ท่านอยู่บ้านและถ้าเสี่ยวอี้กลับมา ท่านดูแลนางได้”

ท่านลุงจางเสียขาจึงไม่สะดวกที่จะออกไปกลางดึก ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่บ้านและทำได้เพียงรอ

“ตกลง เจ้าพยายามเกลี้ยกล่อมเสี่ยวหวานไม่ต้องกังวลมากเกินไป สวรรค์จะอวยพรคนดี และเสี่ยวอี้จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!” ลุงจางกล่าว เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานได้รับบาดเจ็บและกู้เสี่ยวอี้หายตัวไป ในใจก็ทั้งกังวลทั้งโกรธ แต่ตนเองไม่สะดวกที่จะออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงทำได้แค่รออยู่ที่บ้านด้วยความกังวลเท่านั้น

ในคืนที่มืดมิด กู้เสี่ยวหวานเดินตามแสงของดวงจันทร์และตะโกนต่อไป

“เสี่ยวอี้ เสี่ยวอี้!” เสียงเรียกที่กังวลของกู้เสี่ยวหวานเกิดขึ้นในคืนที่เงียบสงบ แต่ไม่มีผู้ใดตอบรับ

ฉืออโถวตามกู้เสี่ยวหวานไปและดึงกู้เสี่ยวหวานมาถามด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวหวาน เป็นอะไร ทำไมใบหน้าของเจ้าถึงมีบาดแผล ทำไมเสี่ยวอี้ถึงหายตัวไป”

ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาของนางแดงก่ำและบวมเป่งทำให้ใบหน้าของนางดูบวมมากขึ้น เมื่อเห็นดังนั้นดวงตาของฉือโถวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธทันที และเขาก็ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ใครตีเจ้ากันแน่ ข้าจะไปเอาคืน!”

เดิมทีมีใบหน้าที่ขาวสะอาด แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวม่วงช้ำ ดูน่ากลัวยิ่งนัก

ในเวลานี้ ท่านป้าจางก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปตลอดทางเพราะเมื่อสักครู่รีบวิ่งไปหน่อย ท่านป้าจางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อเห็นทั้งสองคน นางถามอย่างกระตือรือร้นว่า “เสี่ยวหวาน เกิดอะไรขึ้น ใครตีเจ้า ทำไมเสี่ยวอี้ถึงหายไป? ”

กู้เสี่ยวหวานสะอื้นไห้ พูดเสียงกระท่อนกระแท่นเกี่ยวกับการมาขอเงินของเฉาซื่อในวันนี้ จากนั้นก็ถูกนางทุบตี เสี่ยวอี้จึงวิ่งมาหาพี่ฉือโถว ต่อมากู้เสี่ยวหวานก็เกิดอาการเวียนหัวและหลับไปตลอดทั้งวัน เมื่อนางตื่นขึ้นและยังไม่เห็นกู้เสี่ยวอี้ ดังนั้นนางจึงออกมาด้วยความตื่นตระหนก

ทั้งสองคนเข้าใจหลังจากได้ยินเรื่องนี้ หากคำนวณตามเวลา เสี่ยวอี้คนนี้น่าจะหายไปหนึ่งวันแล้ว นางจะไปที่ไหนกันแน่

“พวกเรามาร่วมมือกันค้นหาว่าเสี่ยวอี้จะไปที่ไหน!” ป้าจางพูดอย่างสงบนิ่ง

กู้เสี่ยวหวานกลับมารู้สึกตัวจากความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวในตอนนี้ ทำให้ตระหนักได้ว่าไม่ว่านางจะกังวลแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ นางทำได้เพียงให้กำลังใจตนเองและคิดว่าการไปหาเสี่ยวอี้คือเรื่องที่สำคัญที่สุด

“ถึงแม้ว่าเสี่ยวอี้ยังเด็ก แต่นางก็มาที่บ้านของข้าหลายครั้งแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่านางไม่น่าจะไปผิดทาง!” ฉือโถวกล่าว

“ไม่ผิด!”

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานหยุดนิ่งเมื่อ คิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การที่เฉาซื่อมาหา และการหายตัวไปของเสี่ยวอี้ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกบงการโดยใครบางคนอย่างลับ ๆ

แต่ใครเป็นคนบงการเรื่องนี้กันแน่!

กู้เสี่ยวหวานหมดหนทาง ทำได้แค่ตามหาอยู่ภายในหมู่บ้าน

“ท่านป้าจาง ข้าจะกลับไปที่หมู่บ้าน เคาะประตูถามทุกบ้าน!” หลังจากกู้เสี่ยวหวานพูดจบ นางวิ่งไปทางหมู่บ้าน

ท่านป้าจางและฉือโถวก็วิ่งเหยาะ ๆ ตามไปตลอดทาง

จากบ้านหลังแรกในหมู่บ้าน กู้เสี่ยวหวานไล่เคาะประตูจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง

ทันทีที่ได้ยินว่ากู้เสี่ยวอี้หายตัวไป บางคนก็รู้สึกยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น บางคนกังวลจริง ๆ และชาวบ้านบางคนก็ใส่เสื้อผ้า จุดไฟ และเดินตามพวกเขาไปตลอดทาง เหลียงเหยาซื่อและสามีก็แต่งตัวและออกมาหากู้เสี่ยวอี้ด้วยกัน

…………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เดาว่านังซุนแน่ ๆ ที่ลักพาตัวเสี่ยวอี้ไป ถ้าจับได้นี่อยากจะแขวนคอถลกหนังนังจิ้งจอกนี่นัก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท