บทที่ 164 ปัญหาที่พูดไม่ได้
บทที่ 164 ปัญหาที่พูดไม่ได้
นางรู้ว่าตนเองกระโตกกระตากเกินไป จากคนที่ไม่เคยสนใจในวันธรรมดา เวลานี้กลับกระตือรือร้นจนทำให้คนอื่นมีความคิดที่ไม่ควรมี
“พี่จาง ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องทำที่บ้าน ดังนั้นข้าขอตัวก่อน!” เหลียงเหยาซื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป ภายใต้สายตาของท่านป้าจาง เหลียงเหยาซื่อก็รู้สึกว่าตนไม่สามารถปิดบังเรื่องในใจได้ นางจึงอยากหลบหนีไป
เหลียงเหยาซื่อกลับบ้านมาด้วยความสิ้นหวัง ในใจของนางรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ที่บ้านครอบครัวกู้ ในใจรู้สึกราวกับขวดเครื่องปรุงรสพลิกคว่ำ เปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด ล้วนมีทั้งสิ้น
“กลับมาแล้วหรือ?” ช่างไม้เหลียงกำลังทำโต๊ะอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นเหลียงเหยาซื่อที่กลับมาอย่างกระสับกระส่าย เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง “ยังไม่เจออีกหรือ?”
“ยังเลย!” เหลียงเหยาซื่อพูดอย่างหมดหนทางด้วยความเศร้าโศก
“คราวหน้าไม่ต้องไปแล้ว ไปแล้วก็ไม่เจอแถมใจเจ้ายังเป็นทุกข์อีก อย่างนั้นไม่ไปดีเสียกว่า!” ช่างไม้เหลียงแนะนำโดยไม่หยุดสิ่งที่เขาทำ
“เฮ้อ ข้าละอายใจ!” เหลียงเหยาซื่อพูดพร้อมน้ำตาไม่หยุดไหล
เมื่อเห็นภรรยาของเขาเป็นเช่นนี้ ช่างไม้เหลียงรีบมองไปรอบ ๆ อย่างประหม่าและรีบกล่าวว่า “ลดเสียงลง ระวังอย่าให้ใครได้ยินเจ้า!”
“ได้ยินแล้วอย่างไร!” เหลียงเหยาซื่อพูดอย่างโกรธจัด และพูดเสียงดังไปที่บ้านเก่าของตระกูลกู้ว่า “โลกนี้เป็นอย่างไร คนดีถูกรังแก ม้าดีถูกขี่*[1] ทำเรื่องผิดเช่นนี้ยังมีทำตัวหยิ่งผยอง!”
*[1] แปลว่าคนที่ใจดีเกินไปจะถูกรังแกง่าย เหมือนกับม้าที่ใจดีเกินไปก็จะถูกขี่ได้อย่างง่ายดาย
“เอาล่ะ เอาล่ะ เบาเสียงหน่อยเถอะ!” ช่างไม้เหลียงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปิดปากของเหลียงเหยาซื่อ แล้วรีบชักชวน “แม่ทูนหัวของข้า พวกเราไม่พูดเรื่องนี้ข้างนอกนี่แล้ว กลับเข้าไปพูดข้างในเถอะ!”
“หัวหน้าครอบครัว ข้ารู้สึกเป็นทุกข์!” เหลียงเหยาซื่อกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าอายเกินกว่าจะพูดอะไร แต่ดูสิว่าเด็กเหล่านี้ถูกรังแกอย่างไร ในใจของข้ารู้สึกทนไม่ไหว!”
“ทนไม่ไหวแล้วจะทำอย่างไรได้? เราไม่มีหลักฐาน”
“หัวหน้าครอบครัว ข้าจะบอกให้นะ ในวันนั้นเฉาซื่อไปที่บ้านของเสี่ยวหวานเพื่อสร้างปัญหา หลังจากนั้นข้าก็อยู่ที่นั่นใช่หรือไม่? สถานการณ์นั้นวุ่นวายมากและข้าก็ทะเลาะกับเฉาซื่อ หลังจากนั้นข้าจึงถามเฉาซื่อว่าที่ปฏิบัติต่อเสี่ยวหวานเช่นนี้ไม่ละอายใจต่อสามีภรรยาบ้านรองกู้หรือ?” เหลียงเหยาซื่อกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าเดาสิว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดอะไรขึ้น?” ช่างไม้เหลียงถาม
“เฉาซื่อก็มีท่าทางราวกับเห็นผี นางลุกขึ้นและวิ่งหนีไป!” เหลียงเหยาซื่อกล่าว “เฉาซื่อคนนี้มีพิรุธชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“เฮ้อ นางรู้ เราก็รู้เหมือนกัน แค่เราไม่มีหลักฐานนี่ ในเมื่อเป็นแค่เรื่องที่เล่าลือกันแล้วใครจะเชื่อ? เบาที่สุดบางทีเราอาจถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน ถ้าร้ายแรงกว่านั้น บางทีอาจเป็นเพราะเฉาซื่อโหดเหี้ยม นางคงจะฆ่าพวกเรา!” เมื่อช่างไม้เหลียงกล่าวถึงเฉาซื่อ ใจของเขาก็ชาวาบ สตรีคนนี้ที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอจะเต็มไปด้วยเสน่ห์และเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปรานีเช่นนี้ได้อย่างไร
“……” เมื่อเหลียงเหยาซื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็ก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร
“ข้าแนะนำให้พวกเราอยู่ห่างจากคนพวกนี้ดีกว่า……” ช่างไม้เหลียงชี้ไปที่บ้านหลังเก่าของครอบครัวกู้อย่างมีความหมาย และกล่าวต่อ “อยู่ให้ห่างจากครอบครัวนี้และครอบครัวนั้นก็ควรอยู่ห่างด้วยเช่นกัน!”
“แต่ ……” เหลียงเหยาซื่อต้องการโต้แย้ง แต่ช่างไม้เหลียงขัดจังหวะ “ไม่ต้องแต่แล้ว ในหมู่บ้านอู๋ซีนี้ เราสองคนพึ่งพาอาศัยกันไปตลอดชีวิต เราไม่ควรยั่วยุผู้อื่น ก็อย่าไปยั่วยุผู้อื่นเลย! เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เมื่อถึงเวลานั้นถึงเราตายก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้ใดมาเก็บศพให้เราไหม!”
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ช่างไม้เหลียงก็ถอนหายใจมากขึ้น “เมื่อลูกคนรองของตระกูลกู้เสียชีวิตก็ยังมีเด็กสี่คนสวมผ้ากระสอบเพื่อแสดงกตัญญูกตเวที ร้องไห้ที่หลุมศพและจุดธูปให้ แต่ถ้าเราตายล่ะ? ”
“หัวหน้าครอบครัว ข้า ……” เหลียงเหยาซื่อได้ฟังก็รู้สึกเศร้าโศก ในใจของช่างไม้เหลียงก็รู้สึกผิดอย่างมาก
“อย่าพูดเลย ข้าไม่โทษเจ้า! ข้าไม่ขออะไรทั้งนั้น ขอแค่เจ้าสบายดีและอยู่เคียงข้างข้า ข้าก็พอใจแล้ว!” ช่างไม้เหลียงกล่าวอย่างอ่อนโยนและตบไหล่เหลียงเหยาซื่อเพื่อปลอบใจ
“หัวหน้าครอบครัว!” เมื่อเหลียงเหยาซื่อเห็นช่างไม้เหลียงเช่นนี้ หัวใจของนางก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นไปอีก หลังจากแต่งงานมาหลายปี ได้ลองทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
เหลียงเหยาซื่อไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางทำผิดอะไรหรือไม่ สวรรค์จึงลงโทษนางเช่นนี้ วันเวลาผ่านไป จากความเร่งด่วนในตอนแรก สู่ความผิดหวังในภายหลัง สู่ความสิ้นหวังในปัจจุบัน สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเพราะท้องไม่ขยายขึ้นเลย
เหลียงเหยาซื่อไม่คาดหวังหรือรอคอยอีกต่อไป แต่นางกลับละอายใจต่อช่างไม้เหลียง!
ต่อให้นางมีลูกไม่ได้ แต่ช่างไม้เหลียงก็ไม่เคยทิ้งนาง หลายปีแล้วที่เขาได้พยายามมีลูกกับนางแต่ก็ไม่เกิดผลใด ช่างไม้เหลียงจึงยอมแพ้ อย่างไรก็ตามช่างไม้เหลียงปฏิบัติต่อนางอย่างไรเมื่อตอนเพิ่งแต่งงาน หลังจากนั้นหลายปี แม้ว่านางจะไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ แต่เขาก็ยังปฏิบัติเช่นนั้นอยู่!
ในใจของเหลียงเหยาซื่อเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าครอบครัวพูด ไม่ว่าเหลียงเหยาซื่อจะรู้สึกผิดต่อครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานเพียงใด ก็ไม่สามารถทำลายครอบครัวของนางเพราะเรื่องนี้ได้
ท้ายที่สุดผู้คนก็เห็นแก่ตัว!
ตั้งแต่วันแรกของการเรียนที่หอหนังสืออวี้ กู้หนิงอันได้ให้ความสำคัญกับทุกวิชาที่อาจารย์สอนอย่างจริงจัง
เนื่องจากพวกเขาเป็นนักเรียนใหม่ เช่นเดียวกับที่ฮูหยินสวีกล่าว การเรียนเบื้องต้นของพวกเขาจึงมีสวีเฉิงเจ๋อเป็นผู้สอน
แม้สวีเฉิงเจ๋อจะอายุยังน้อย แต่เขาก็สงบและใจเย็น นอกจากนี้เขายังมีความรู้ เข้าใจมารยาท และรักหนังสือดั่งชีวิตของเขา
กู้หนิงอันรู้จากเสี่ยวเซิ่งจื่อว่าสวีเฉิงเจ๋อได้รับการยอมรับว่าสอบซิ่วไฉผ่านเมื่ออายุได้สิบขวบ และเป็นซิ่วไฉที่อายุน้อยที่สุดในเมืองหลิวเจีย หัวใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชมอาจารย์น้อยคนนี้ สาบานว่าจะตั้งใจเรียนกับอาจารย์น้อยท่านนี้เพื่อที่จะได้มีค่าควรกับที่พี่สาวดูแล
และสวีเฉิงเจ๋อก็รักนักเรียนฝาแฝดนี้มากเช่นกัน แม้พวกเขาจะมาจากชนบท แต่การอบรมเลี้ยงดู ท่าทางและมารยาทของพวกเขาก็ไม่ได้แย่ไปกว่านักเรียนในเมืองเลย กู้หนิงอันมีพรสวรรค์ในการเรียน ลายมือก็ดูงดงามและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ เป็นนักเรียนที่ไม่ทำให้ต้องกังวล บางครั้งเขาจะสอนความรู้เพิ่มอีกไป ๆ มา ๆ สวีเฉิงเจ๋อจึงถือว่ากู้หนิงอันเป็นน้องชายของเขา
แต่กู้หนิงผิงนั้นแตกต่าง เขาไม่คุ้นเคยกับการมาสำนักศึกษา สำหรับนิสัยของเขาแล้ว การนั่งเรียนและจดจำศัพท์ก็ไม่ต่างอะไรจากการทรมาน
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ครอบครัวช่างไม้นี่ต้องไปรู้แผนการเบื้องหลังที่พ่อแม่เสี่ยวหวานกับน้อง ๆ หายตัวไปก่อนถูกพบเป็นศพแน่ ๆ อาจโดนนังซุนหรือใครในบ้านหลักกู้บงการ แล้วต่อมาเกิดสำนึกผิด
ไหหม่า(海馬)