บทที่ 288 เย่จือรักษาบาดแผล
กู้หนิงผิงรู้สึกกระวนกระวายราวกับมดบนกระทะร้อน และต้องการรีบออกไปตามหาพี่สาว
เพียงแต่ตอนนี้ข้างนอกมืดสนิทและยังเป็นห่วงกู้เสี่ยวอี้ ถ้าเขาทิ้งกู้เสี่ยวอี้ไว้ที่บ้านคนเดียว นางคงจะหวาดกลัว
กู้หนิงผิงทั้งร้อนใจทั้งหวาดกลัว เดินวนไปวนมาอย่างไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
สุดท้ายก็รอไม่ไหวอีกต่อไป กู้หนิงผิงจึงดึงกู้เสี่ยวอี้และกล่าวว่า “เสี่ยวอี้ ไปกันเถอะ ไปตามหาท่านพี่กัน”
กู้เสี่ยวอี้ตอบรับอย่างหนักแน่น จับมือพี่ชายของนาง และกำลังจะเดินออกไป
ในขณะนั้นก็มีเสียงฝีเท้ารวดเร็วดังขึ้นอยู่ไม่ไกล
“ท่านพี่…” ในคืนที่มืดมิด กู้หนิงผิงจึงไม่เห็นว่าเป็นผู้ใด เขาจึงคิดว่ามันเป็นเสียงฝีเท้าของผู้เป็นพี่ และร้องออกมาด้วยความประหลาดใจทันที
แม้ว่าคนผู้นั้นจะก้าวเดินฉับไว แต่ฝีเท้าของเขาเบาหวิว กู้หนิงผิงมองไปในทิศทางของเสียง และเห็นร่างสูงที่ก้าวเข้ามารวดเร็ว
ไม่ใช่พี่สาว กู้หนิงผิงรู้สึกเป็นกังวล มืดขนาดนี้แล้ว ใครมากัน?
เมื่อร่างนั้นเข้ามาใกล้ กู้หนิงผิงก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อดู
“ท่านอาจารย์…” หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน กู้หนิงผิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา ดังนั้นเขาจึงโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด จากนั้นจึงรีบปิดปากของตนเอง
กู้หนิงผิงมองคนในอ้อมแขนของฉินเย่จืออย่างงุนงง เสื้อผ้าที่คนผู้นั้นสวมก็ดูคุ้นเคยยิ่งนัก
“ท่านพี่…” ในที่สุดกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็เห็นคนในอ้อมแขนของฉินเย่จืออย่างชัดเจน ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานซีดเผือด และนอนอยู่ในอ้อมแขนของฉินเย่จือราวกับตุ๊กตา
กู้หนิงผิงรีบเดินเข้าไปและรีบสะกิด “ท่านพี่ ท่านพี่…”
กู้เสี่ยวอี้ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว “ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านเป็นอะไร?”
ฉินเย่จือไม่มีเวลาคุยกับพวกเขา “เข้าไปข้างในแล้วค่อยคุยกัน”
กู้หนิงผิงพาเขาเข้าไปในบ้าน ฉินเย่จือวางกู้เสี่ยวหวานลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เมื่อไปนำตะเกียงน้ำมันมา กู้หนิงผิงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ
แขนเสื้อของกู้เสี่ยวหวานถูกย้อมไปด้วยเลือด และเสื้อผ้าถูกกรีดเป็นช่องขนาดใหญ่และมีบาดแผลที่ชุ่มไปด้วยเลือด
กู้เสี่ยวอี้รู้สึกเสียใจกับอาการบาดเจ็บของพี่สาว และร้องไห้หนักกว่าเดิม “ท่านพี่ ท่านพี่…”
ฉินเย่จือกล่าวอย่างใจเย็น “อย่าเพิ่งร้องไห้ ไปเอาน้ำอุ่นกับผ้าเช็ดตัวมา”
กู้หนิงผิงรีบตอบรับ และกระโดดลงจะเตียงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน หม้อน้ำร้อนก็ถูกนำออกมาจากห้องครัว และฉินเย่จือจึงชุบผ้าขนหนูให้เปียก
ค่อย ๆ เช็ดเลือดบนแขนของกู้เสี่ยวหวานอย่างแผ่วเบา โชคดีที่บาดแผลบนแขนของนางไม่ลึกนัก ถ้าดูแลมันให้ดี อีกไม่นานก็คงหายแล้ว และยังโชคดีที่ตนพานางกลับมาถึงบ้าน
เมื่อออกไปครั้งนี้ ก็ยังดีใจที่ได้นำยารักษาแผลและยาสมานแผลที่ดีที่สุดกลับมา ยาสมานแผลนี้มีผลลัพธ์มหัศจรรย์ในการขจัดรอยแผลเป็น แขนที่เนียนเรียบขนาดนี้ ถ้ามันทิ้งรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดไว้ ในอนาคตจะทำอย่างไรล่ะ
กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงมองฉินเย่จือจากด้านข้าง
เมื่อพวกเขาเห็นว่าบาดแผลที่แขนของกู้เสี่ยวหวานมีขนาดยาวมาก กู้หนิงผิงก็ร้องไห้ออกมา “ฮือ ๆ ท่านพี่ ท่านพี่…”
ฉินเย่จือไม่สนใจเด็กเหล่านี้ ริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานซีดเผือด และอยู่ในอาการหมดสติ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไปหรือตกใจมากเกินไป แต่อาการบาดเจ็บที่แขนนี้ไม่ลึกมาก และจะดีขึ้นหลังจากพักฟื้นไประยะหนึ่ง
ฉินเย่จือหยิบยารักษาบาดแผลออกจากแขนเสื้อของเขาแล้วทาลงบนบาดแผล กู้เสี่ยวหวานอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดและเมื่อทายาเสร็จ ฉินเย่จือก็พันแผลให้นาง หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพันแผลให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง และเมื่อเห็นท่าทีอันเจ็บปวดของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือพลันรู้สึกเป็นทุกข์ หากอาการบาดเจ็บนี้เกิดขึ้นที่ตัวเขาเองก็คงจะดีกว่า
ตอนที่กู้เสี่ยวหวานสลบไป นางตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน โดยฝันว่านางกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ที่รายล้อมไปด้วยความอบอุ่น
กู้เสี่ยวหวานนอนหลับลึกภายใต้ผ้าห่มผืนอุ่น อยากจะนอนอยู่แบบนี้ตลอดไปและไม่อยากลุกขึ้นมาเลย
แต่เมื่อนางกำลังจะหลับลึก นางก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวอี้และหนิงผิงที่กำลังเรียกตนเองอยู่ เสียงที่ไร้เดียงสาของเสี่ยวอี้ผสมกับเสียงร้องไห้ที่บีบหัวใจ มันทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกทุกข์ใจอย่างมาก
ใครกันที่ทำให้เสี่ยวอี้ร้องไห้
และหนิงผิง หนิงผิง เจ้าก็ร้องไห้ด้วยหรือ? กู้หนิงผิงคร่ำครวญและตะโกนว่า ท่านพี่ ท่านพี่รีบฟื้นสิ
กู้เสี่ยวหวานต้องการลืมตาและบอกให้เสี่ยวอี้และหนิงผิงหยุดร้องไห้ แต่เปลือกตาของนางหนักอึ้ง แม้ว่าจะลืมตาอย่างไรก็ลืมไม่ขึ้น
“ฮือ ฮือ ฮือ พี่ชาย ท่านพี่จะเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ฉินเย่จือปลอบโยน “ไม่เป็นอะไร พี่สาวของเจ้าแค่เหนื่อยเกินไป ปล่อยให้นางพักผ่อนและพรุ่งนี้นางก็จะดีขึ้นเอง”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเย่จือ กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาและจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานตาไม่กะพริบ
ขณะนี้เลยกลางดึกไปมากแล้ว พวกเขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงนอนลงเพื่อพักผ่อน
ฉินเย่จือมานั่งที่โต๊ะเช่นกัน เขาฟุบหน้าลงแล้วผล็อยหลับไป
คืนนี้กู้เสี่ยวหวานนอนหลับสนิท และเมื่อตื่นขึ้น นางอยากจะลุกแต่ก็พบว่าแขนของนางเจ็บมากเสียจนไม่สามารถขยับได้
ฉินเย่จือที่ไม่ได้หลับลึก เมื่อเขาได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวาน จึงก้าวฉับไวเข้าไปหา “เจ้าตื่นแล้วหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานนอนอยู่บนเตียง และจากมุมมองของนาง มันทำให้เห็นแต่ใบหน้าอันหล่อเหล่าของฉินเย่จือ
ตอนที่กู้เสี่ยวหวานสงสัยว่าทำไมเขาถึงอยู่ในบ้านอยู่นั้น นางก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา เมื่อคืนนี้นางคงจะตายด้วยเงื้อมือของเหมียวเอ้อร์ไปแล้ว
กู้เสี่ยวหวานกำลังจะลุกขึ้น แต่ฉินเย่จือรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับให้นางนอนลงและกล่าวเบา ๆ ว่า “อย่าเพิ่งขยับ เมื่อวานนี้เจ้าสลบไป ข้าทายารักษาแผลให้เจ้าแล้ว วันนี้มันจะดีขึ้น เจ้าไม่ต้องห่วง”
กู้เสี่ยวหวานตอบรับอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณเจ้ามาก!”
“ไม่เป็นไร โชคดีที่ข้ามาทันเวลา ไม่อย่างนั้น…” ฉินเย่จือคิดว่าถ้าเขามาสายไปครึ่งก้าว กู้เสี่ยวหวานก็คงเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณไปแล้ว
กู้เสี่ยวหวานไม่คาดคิดว่าเหมียวเอ้อร์จะกล้าฆ่าคนอย่างเลือดเย็นเช่นนี้ และเอ่ยถามอย่างโกรธเคืองว่า “เหมียวเอ้อร์ไปไหนแล้ว?”
“ไปในที่ที่เขาควรจะไป!” ฉินเย่จือกล่าว
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดอีกต่อไป นางจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เหมียวเอ้อร์ถูกไม้ไผ่แทงทะลุหน้าอกของเขา ดูจากลักษณะนี้น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี
อย่างไรก็ตาม ตายไปก็ดีแล้ว คนโหดเหี้ยมเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตเขาจะกลับมาทำร้ายตนเองอีก
แต่คนที่มีอำนาจเช่นนี้ตายไปแล้ว ถึงเวลานั้นถ้าทางการมาสอบสวนจะทำอย่างไร?
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกังวลเล็กน้อย ฉินเย่จือดูเหมือนจะเห็นความกังวลของนางจึงกล่าวให้นางโล่งใจอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกลัวจะไม่มีผู้ใดรู้”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนแบบนั้นถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็คงย้อนกลับมาทำร้ายตนเองอีก!
ไหหม่า (海馬)