บทที่ 289 รั้งฉินเย่จือไว้
ฉินเย่จือขอให้อาโม่จัดการศพของเหมียวเอ้อร์ตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อไม่ให้สืบสาวมาถึงเรื่องของกู้เสี่ยวหวาน
“เจ้าหิวหรือไม่?” เมื่อคืนนี้กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กินอะไร ฉินเย่จือจึงกังวลว่านางจะเกิดหิวขึ้นมา
“นิดหน่อย” ทันทีที่กล่าวจบ ท้องก็ส่งเสียงร้องดังโครกคราก
ฉินเย่จือยิ้มราวกับพระเจ้า และเขาดูหล่อยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในชุดคลุมสีขาว ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้มาอยู่ที่หมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ได้อย่างไร? กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถเข้าใจได้
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานดื่มโจ๊กหนึ่งชาม นางรู้สึกร่างกายหายอ่อนเพลีย จึงผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ฉินเย่จือไม่อยากรบกวนนาง จึงงีบหลับอยู่ด้านข้าง
ในตอนเช้า กู้หนิงผิงอยู่ในครัวทำความสะอาดจานอาหารกลางวัน และเห็นป้าจางมาที่บ้าน “หนิงผิง ทำไมเจ้าถึงทำอาหารอยู่คนเดียวล่ะ?”
กู้หนิงผิงตื่นตระหนกจนทำช้อนในมือร่วง เมื่อเห็นว่าเป็นป้าจาง เขาจึงรีบเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางเศร้าใจ “ท่านป้าจาง ท่านป้าจาง…”
เมื่อเห็นว่าเด็กผู้นี้ร้องไห้อย่างน่าเวทนา ป้าจางจึงคิดว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น จึงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เด็กน้อย อย่าร้องไห้ เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านพี่ได้รับบาดเจ็บ”
ว่าอย่างไรนะ? ป้าจางราวกับถูกสายฟ้าฟาด รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที และเห็นกู้เสี่ยวหวานนอนอยู่บนเตียง
“สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้าเป็นอะไรไป?” ป้าจางก้าวไปข้างหน้าและมองที่กู้เสี่ยวหวานอย่างกังวล
เมื่อได้ยินเสียงของป้าจางกู้เสี่ยวหวานจึงตื่นขึ้น และเมื่อลืมตาขึ้นนางก็เห็นป้าจาง จึงกล่าวอย่างปลอบใจ “ท่านป้าจาง ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
ป้าจางเห็นว่าริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานซีดเผือด และแขนก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหนาแน่น
“สาวน้อยเสี่ยวหวาน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ป้าจางเป็นกังวลยิ่งนัก ลูกหลานของครอบครัวนี้ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน!
“ท่านป้าจาง…” ฉินเย่จือที่อยู่ข้างหลังยืนขึ้นและทักทายป้าจาง
ป้าจางได้ยินเสียงของคนแปลกหน้าจึงรีบมองไปข้างหลัง และพบว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามเมื่อครั้งก่อน
“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่? เจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ?” ป้าจางเอ่ยถามทันที
“ท่านป้าจาง อย่าว่าเขาเลย ถ้าไม่ได้เขาช่วยข้าไว้ เกรงว่าข้าคงจะตายด้วยเงื้อมมือของเหมียวเอ้อร์ไปแล้ว” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างอ่อนแรง
“อะไรนะ? เหมียวเอ้อร์?” ป้าจางเข้าใจในที่สุด “เขาต้องการจะฆ่าเจ้าหรือ!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ฉินเย่จือจึงอธิบายว่า “ท่านป้าจาง ร่างกายกู้เสี่ยวหวานยังคงอ่อนแอ เกรงว่านางยังไม่สามารถพูดมากได้ หากท่านมีคำถามใด ๆ มาถามข้าเถอะ!”
“ทำไมเหมียวเอ้อร์ถึงมาที่นี่ เขาจับสาวน้อยเสี่ยวหวานและต้องการฆ่าสาวน้อยเสี่ยวหวานอย่างนั้นหรือ?”
“เมื่อข้ามาถึงเหมียวเอ้อร์ก็กำลังจะแทงกู้เสี่ยวหวานด้วยมีด” ฉินเย่จือไม่เห็นวิธีที่เหมียวเอ้อร์ใช้ลักพาตัวกู้เสี่ยวหวาน จึงบอกเพียงสิ่งที่เขาเห็นเท่านั้น
“ช่างเป็นบาปเสียนี่กระไร! สารเลวเหมียวเอ้อร์” ป้าจางตะโกน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประทับใจมากเมื่อได้ยินว่าป้าจางซึ่งปกติแล้วอ่อนโยน ครานี้กลับก่นด่าคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตนเองในขณะนี้
“ข้าจะไปหาเขา!” หลังจากป้าจางพูดจบ นางกำลังจะออกไปข้างนอก
“ท่านป้าจาง ได้โปรด อย่า!” ฉินเย่จือรีบคว้าป้าจางไว้แล้วกล่าวว่า “อย่าใจร้อน ทางการได้จับกุมและคุมขังเขาไว้แล้ว”
“ขังไว้จะมีประโยชน์อะไร? ในอนาคตเมื่อเขาออกมา เขาจะไม่ทำร้ายสาวน้อยเสี่ยวหวานอีกอย่างนั้นหรือ” ป้าจางรู้สึกกังวล เพราะกลัวว่าในอนาคตเหมียวเอ้อร์จะมาฆ่ากู้เสี่ยวหวานอีก
“ไม่มีวันนั้น” ฉินเย่จือเยาะเย้ย “ข้าสัญญาว่าเขาจะไม่มีทางได้แตะต้องกู้เสี่ยวหวานอีกแม้แต่ปลายเส้นผม”
ฉินเย่จือกล่าวอย่างเด็ดขาด เมื่อป้าจางได้ยินเช่นนั้นก็พลันรู้สึกมั่นใจอย่างอธิบายไม่ถูก “ดี!”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าฉินเย่จือคุยกับป้าจาง ดังนั้นนางจึงหลับตาและผล็อยหลับไปอีกครั้ง
เวลาผ่านไปสามวัน บาดแผลบนแขนของกู้เสี่ยวหวานและความหวาดกลัวที่นางได้รับก็ดีขึ้น ป้าจางจะมาหาทุกวันเพื่อเช็ดตัวให้กู้เสี่ยวหวาน ทำน้ำแกงให้ดื่มและทายาที่แผลให้นาง เมื่อได้ยินว่าครั้งแรกเป็นยาที่ฉินเย่จือทาให้ ป้าจางก็แปลกใจเล็กน้อย
แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเรื่องฉุกเฉิน หากมัวแต่พิจารณาถึงความเหมาะสมระหว่างชายและหญิง ระยะเวลาในการรักษาก็จะล่าช้าออกไป เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ป้าจางก็เข้าใจ แต่ตั้งแต่นั้นมาหน้าที่การทายาก็กลายเป็นของป้าจาง
ฉินเย่จือเป็นคุณชายที่ทำอะไรไม่เป็น ทำได้เพียงไปที่ภูเขาเพื่อเก็บฟืนและตักน้ำทุกวันเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือยุ่งมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา กู้เสี่ยวหวานก็คิดมาก
หากในตอนนั้นฉินเย่จือมาไม่ทัน เกรงว่าตนเองก็คงจะตายไปแล้ว
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกลัวเล็กน้อย เพราะเกรงว่าจะมีคนไม่ดีมาที่บ้านเพื่อสร้างปัญหา แต่เมื่อเห็นฉินเย่จืออยู่ที่บ้านตลอดเวลา นางก็รู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ถูก ในท้ายที่สุด กู้เสี่ยวหวานมีแผนที่จะเก็บฉินเย่จือเอาไว้
กู้เสี่ยวหวานบอกป้าจางเกี่ยวกับแผนการของนาง และป้าจางก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในสายตาของนาง เด็กคนนี้เป็นเด็กดี อีกทั้งยังดูดีมาก ยิ่งกว่านั้น เขาได้ช่วยกู้เสี่ยวหวานให้รอดพ้นเงื้อมมือของเหมียวเอ้อร์ และความกรุณานี้ไม่สามารถลบล้างได้
เมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานบอกว่านางต้องการจะเก็บเขาไว้ ป้าจางก็เงียบไปครู่หนึ่งและตอบตกลง
“เด็กคนนี้อยู่ในบ้านของเจ้ามานานแล้ว ดูเหมือนว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย อีกทั้งเขาช่วยชีวิตเจ้าไว้อีก ดังนั้นควรขอบคุณเขา” ป้าจางกล่าวว่า “ถ้าเขาไม่มีครอบครัวจริง ๆ การเก็บเขาเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ”
กู้เสี่ยวหวานตอบรับ รอจนกว่าอาการบาดเจ็บของนางจะหายดี จากนั้นจะถามฉินเย่จือว่าเขายินดีที่จะอยู่ต่อหรือไม่
แน่นอน นอกจากกู้เสี่ยวหวานจะมีความสุขแล้ว กู้หนิงผิงก็มีความสุขที่มากสุด
ตอนแรกเขาคิดว่าฉินเย่จือจากไปแล้วและจะไม่กลับมาอีก แต่คราวนี้เขากลับมาช่วยพี่สาวของตนเองเอาไว้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน
ตราบใดที่ไม่มีใครอยู่ กู้หนิงผิงจะเรียกฉินเย่จือว่าอาจารย์ และเอาแต่เรียกเช่นนี้ไม่หยุด เมื่อฉินเย่จือได้ยินก็รู้สึกว่าตัวเขานั้นมีประโยชน์
ครอบครัวนี้รักกันมาก ฉินเย่จือจึงอยากอยู่ที่นี่ต่อ
เมื่อกู้เสี่ยวหวานถามความคิดเห็นของเขา ฉินเย่จือจึงตอบอย่างเต็มใจ “แม่นางกู้ ข้ายินดีที่จะอยู่ต่อ”
หลังจากอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นเวลานาน และในที่สุด เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานดูผ่อนคลาย ฉินเย่จือจึงรู้สึกมีความสุขและต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อไป
เมื่อมีสมาชิกอีกคนเพิ่มมาในครอบครัว กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจยาว จากนี้ไปจะมีผู้ใหญ่ในครอบครัวแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกรังแกอีกต่อไป
แต่เมื่อพูดถึงวิธีการพักผ่อน กู้เสี่ยวหวานก็พบกับปัญหาอีกครั้ง