บทที่ 292 สงสัยข่งฟาง
กู้เสี่ยวหวานส่งหลิวต้าจ้วงและเถาต๋ากลับไป และยืนอยู่ในลานบ้านด้วยสีหน้าเย็นชา ฉินเย่จือที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มองไปที่นาง
“เจ้าจะทำอย่างไร?” ฉินเย่จือกล่าวอย่างใจเย็น
“ข้าไม่รู้ว่าโฉนดทางการนี้เป็นของจริงหรือไม่ ข้าจึงอยากไปที่ว่าการอำเภอเพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อน” กู้เสี่ยวหวานเอาโฉนดทางการสอดเข้าไปในอกเสื้อ
“ข้าจะไปกับเจ้า” ฉินเย่จือตามเด็กหญิงไปถึงเมืองหลิวเจีย
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าที่ว่าการอำเภออยู่ที่ใด นางจึงถามผู้คนที่เดินผ่านไปมาหลายคนก่อนที่จะมาถึงที่ว่าการอำเภอนั้น
สมัยนั้น ที่ว่าการอำเภอในเมืองนั้นคล้ายกับส่วนราชการตำบล สิงโตหินตัวเล็กสองตัวนั่งอยู่ที่หน้าประตู และทหารยามถืออาวุธยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะเข้าไป เขาก็รีบหยุดนางไว้ “เฮ้ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
กู้เสี่ยวหวานรีบยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ ข้าต้องการหาใครสักคนเพื่อดูว่าโฉนดทางการของข้าเป็นของจริงหรือไม่เจ้าค่ะ?”
ทหารยามมองไปที่โฉนดทางการที่กู้เสี่ยวหวานดึงออกมาจากอกเสื้อของนาง เหลือบมองโฉนดแผ่นนั้นแล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่านี่เป็นของจริง มันมีตราประทับอย่างเป็นทางการอยู่”
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย โฉนดทางการดูเหมือนจะเป็นจริง “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
โชคดีที่แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าถึงที่ว่าการอำเภอได้ แต่นางก็ยังพบทหารยามที่มีมโนธรรม กู้เสี่ยวหวานได้รับการพิจารณาแล้วว่าโฉนดทางการในมือของนางเป็นของแท้ ดังนั้นอย่างน้อยข่งฟางก็ไม่ได้โกหกนาง
“ไปกันเถอะ ไปที่บ้านของข่งฟางเพื่อดูว่าเขากลับมาหรือยัง!” กู้เสี่ยวหวานเดินนำฉินเย่จือไปที่บ้านของข่งฟาง
ประตูบ้านของข่งฟางยังคงปิดสนิท แต่ไม่มีแม่กุญแจแขวนอยู่ ดูเหมือนว่าข่งฟางจะกลับมาแล้ว
กู้เสี่ยวหวานรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเคาะประตู และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงของข่งฟางก็ดังมาจากข้างใน “นั่นใคร!” จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างใน
ประตูเปิดออก ศีรษะของข่งฟางยื่นออกมาจากด้านใน มองซ้ายแลขวา และเมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าผอมก็แสดงรอยยิ้ม “สาวน้อยกู้มาแล้ว”
ถัดจากกู้เสี่ยวหวานก็มีชายหนุ่มรูปงามอายุสิบห้าหรือสิบหกปีที่มีใบหน้างดงามราวกับเทพเจ้า
ข่งฟางสงสัยว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นครอบครัวของใคร? ครั้งที่แล้วเขาไม่เคยได้ยินว่าสาวน้อยกู้มีพี่ชาย?
ยิ่งกว่านั้น ชายหนุ่มผู้นี้รูปงามราวกับเทพเจ้า และกู้เสี่ยวหวานก็ถือได้ว่ามีหน้าตาละเอียดอ่อนเช่นกัน แต่ก็เหมือนไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน!
แม้ว่าเขาจะคิดอย่างนั้น แต่เขาก็เปิดประตูและต้อนรับกู้เสี่ยวหวานเข้ามา
กู้เสี่ยวหวานสังเกตเห็นว่าเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ข่งฟางน้ำหนักลดไปมาก มันจึงทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ และยังคงถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านลุงข่ง ทำไมถึงผอมลงเช่นนี้ล่ะ?”
ข่งฟางต้อนรับพวกกู้เสี่ยวหวานให้เข้าไปข้างใน เขาถอนหายใจและกล่าวว่า “เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว พ่อของข้าป่วยหนัก ข้าจึงกลับบ้านไปดูแลมาระยะหนึ่ง ข้านอนไม่หลับทุกคืนเพราะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอาการของพ่อ ดังนั้น…”
เขาเป็นคนกตัญญู
กู้เสี่ยวหวานทักทายและแนะนำฉินเย่จือให้รู้จัก
“อย่างไรก็เถอะ สาวน้อยกู้ ข้าขออภัยจริง ๆ ที่ตกลงหาผู้เช่ากับเจ้าในครั้งที่แล้ว แต่เพราะเหตุฉุกเฉินที่บ้าน ข้าจึงไม่มีเวลาบอกเจ้าและไม่ได้ให้ใครเช่าที่ออกไปด้วย ขออภัยจริง ๆ!” ข่งฟางขอโทษอย่างรู้สึกผิด สถานที่นี้ล่าช้าอยู่ในมือของเขานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว และเขารู้สึกแย่กับมันจริง ๆ
เมื่อเห็นข่งฟางกล่าวเช่นนี้ ความสงสัยของกู้เสี่ยวหวานก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก
โฉนดทางการนี้เป็นของจริง และข่งฟางไม่ได้หลบหนีไปพร้อมกับเงิน แล้วคนอื่นจะมีโฉนดเดียวกับนางได้อย่างไร?
จิตใจของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะถามอย่างตรงไปตรงมา “ท่านลุงข่ง วันนี้ข้ามาถามคำถามท่านสองสามข้อ หวังว่าท่านจะไม่ปิดบังข้าและพูดความจริง!”
เมื่อข่งฟางเห็นความจริงจังของกู้เสี่ยวหวาน และมองไปที่ท่าทางที่สงบของชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ถัดจากนางและหัวใจของเขาก็รู้สึกแปลกไป มีบางอย่างเกิดขึ้นในตอนที่เขาไม่อยู่อย่างนั้นหรือ?
แต่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันล่ะ?
แม้ว่าข่งฟางจะมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่เขาก็มีมโนธรรมที่ชัดเจน “สาวน้อยกู้ ถ้าเจ้าถาม ข่งฟางผู้นี้จะพูดความจริง”
“โฉนดนี้เป็นของจริงหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเอาโฉนดออกจากอกแล้วเอ่ยถาม “ข้าไปถามเจ้าหน้าที่มาแล้ว เขาบอกข้าว่าเป็นของจริง แต่ข้าอยากถามต่อหน้าท่านลุงข่งให้แน่ใจ”
“สาวน้อยกู้ นี่…นี่เป็นโฉนดทางการของจริง ทำไมเจ้าถึงถามคำถามนี้?” ข่งฟางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “ข้า ข่งฟางทำงานเป็นนายหน้าค้าที่ดินในเมืองหลิวเจียมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้ว โฉนดทางการทุกใบ ข้าก็เป็นคนไปทำมันด้วยตนเอง โฉนดทางการนี้เป็นของจริงแน่นอน!”
“ดี” กู้เสี่ยวหวานฟังคำพูดของข่งฟาง และเชื่อว่าโฉนดทางการนั้นเป็นของจริง “ข้าแบ่งที่ดินบางส่วนให้หลายครอบครัวเช่า แต่มีกลุ่มคนที่ถือโฉนดอยู่ในมือและพวกเขาก็มาแย้งว่าตนได้ลงนามในสัญญาหลังจากที่เห็นโฉนดของจริงในมือของผู้อื่น?”
“ว่าอย่างไรนะ?” ข่งฟางเบิกตากว้าง และเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าหมายถึงที่ดินที่ข้าขายให้เจ้า มีคนอื่นที่มีโฉนดอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน?”
“ใช่!” กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่แน่ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?” ข่งฟางโบกมือราวกับกำลังฟังเรื่องเพ้อฝัน แล้วกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ ที่ดินผืนนี้ยื่นต่อทางการได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นจะมีโฉนดทางการฉบับที่สองได้อย่างไร?”
ข่งฟางยังกล่าวต่ออีกว่า “โฉนดทางการนี้ไม่สามารถปลอมแปลงได้ แต่โฉนดส่วนตัวเป็นไปได้เพราะผู้ขายอาจมีเจตนาร้ายและขายที่ดินให้กับสองครอบครัว โฉนดส่วนตัวนั้นอาจมีสองฉบับได้ แต่ไม่ใช่กับโฉนดทางการ!”
“ท่านลุงข่ง คราวนี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน ถ้ามันเป็นเรื่องโกหก ข้าและพี่ชายก็คงไม่มาถาม” กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ฉินเย่จือและกล่าวออกมา
ฉินเย่จือในที่สุดก็เอ่ยปากออกมา “ท่านลุงข่ง…มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ทางการจะทำโฉนดทางการสองฉบับ ฉบับหนึ่งสำหรับท่านและอีกฉบับสำหรับคนอื่น?”
“เป็นไปไม่ได้!” ข่งฟางกล่าวอย่างแน่วแน่ “จะมีโฉนดทางการสองฉบับบนที่ดินผืนหนึ่งได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน มีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น นั่นคือคนอื่นปลอมตราประทับทางการของรัฐบาลและปลอมโฉนดทางการขึ้นมา!”
เมื่อข่งฝางคิดเรื่องนี้ เขาก็โกรธทันที “มันไร้เหตุผลจริง ๆ ใครจะกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้กัน สาวน้อยกู้รู้หรือไม่ว่าชื่อผู้ใดเขียนอยู่บนโฉนดทางการ”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวและกล่าวว่านางไม่รู้ “ข้าได้ยินจากผู้เช่าของข้าว่ามีสองครอบครัวที่มีโฉนดทางการ หนึ่งคือแซ่ซุน และสองคือแซ่เหลย”
ข่งฟางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “สาวน้อยกู้ ไม่ต้องกังวล ข่งฟางผู้นี้กล้าเอาตัวเองเป็นประกัน โฉนดทางการนี้เป็นของจริงและที่ดินก็เป็นของเจ้าจริงเช่นกัน พวกเจ้าทั้งสองอย่าเพิ่งใจร้อน ข้าจะไปที่ว่าการอำเภอเดี๋ยวนี้”
กล่าวจบก็รีบกุลีกุจอออกไป