บทที่ 303 โต้ตอบ
บทที่ 303 โต้ตอบ
การที่เหลยต้าเซิ่งและซุนซีเอ๋อร์มีโฉนดทางการอยู่ในมือ โฉนดนั้นจะต้องถูกทำขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ผู้นี้อย่างแน่นอน หากเจ้าหน้าที่ผู้นี้เป็นคนซื่อสัตย์และไม่เห็นแก่ตัวจริง ๆ เขาคงไม่เปิดประตูหลัง*[1] ให้เหลยต้าเซิ่งและซุนซีเอ๋อร์ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น
หลังจากนั้นก็ได้ยินเหลยต้าเซิ่งกล่าวอย่างมีชัย “นายท่าน เนื่องจากมีหลักฐานพิสูจน์ว่าที่ดินผืนนี้เป็นของข้า คดีนี้ควรถูกปิดหรือไม่?”
หลิวจือเสี้ยนไม่ได้กล่าวอะไร เขามองทุกคนอย่างมีความหมาย
โจทก์ถูกฟ้องร้อง แต่ก็มีพยานให้ปากคำ หลิวจือเสี้ยนเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นี้มาหลายปีแล้ว และแน่นอนว่าเขาเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาบ้าง แต่ในคดีนี้ไม่มีหลักฐาน และทั้งสองฉบับก็เป็นโฉนดทางการที่แท้จริง แล้วเช่นนี้จะตัดสินอย่างไรว่าผู้ใดถูกหรือผิด
หลิวจือเสี้ยนคิดจนปวดสมอง
เมื่ออาโม่มาถึงที่ว่าการอำเภอเมืองรุ่ยเสียน เขาช่วยประคองนายท่านหวังลงจากรถม้า และหลังจากนั้นพูดคุยกันไม่กี่ประโยค เขาจึงให้คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ นำนายท่านหวังไป หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว อาโม่ก็มาอยู่ที่ฝั่งของฉินเย่จือ
“เรียบร้อยแล้วหรือ?” ฉินเย่จือเห็นนายท่านหวังมาถึง แต่เขาก็ยังถามเพิ่มเติม
“เรียบร้อยแล้ว” อาโม่ตอบ และมีข้อสงสัยบางอย่างในใจ
นายท่านก็เห็นเขาชัดเจนแล้ว ทำไมยังต้องถามมากมาย หรือนายท่านกลัวว่าสาวน้อยกู้จะเสียเปรียบอย่างนั้นหรือ?
เมื่อฉินเย่จือเห็นคนที่มา เขาก็ปลดภาระในหัวใจออกมาในที่สุด
กู้เสี่ยวหวานอยู่ข้างในศาลและกำลังโต้เถียงกับคนเหล่านั้น แต่นางไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ เพราะมีคนอยู่เบื้องหลังและปูทางให้พวกเหลยต้าเซิ่งแล้ว ถนนสายนี้ยากลำบากสำหรับกู้เสี่ยวหวานที่จะเดิน แต่เมื่อดูจากความแน่วแน่ในน้ำเสียงของนาง ฉินเย่จือก็รู้ว่านางจะไม่ยอมแพ้ และในที่สุด พยานปากเอกของนางก็มาถึงแล้ว
ฉินเย่จือถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อาโม่ที่ยืนอยู่ด้านข้างให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่นั่น เรื่องนี้ค่อนข้างอธิบายยาก แค่นายท่านเอ่ยเพียงประโยคเดียว หลิวจือเสี้ยนก็สามารถตัดสินยกที่ดินนี้ให้กู้เสี่ยวหวานได้ แต่นายท่านกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่ให้เขาเดินทางไกลหลายร้อยลี้เพื่อไปพานายท่านหวังมาเป็นพยานให้กับนาง
อาโม่รู้สึกงงงวยเล็กน้อยเมื่อเห็นนายท่านมองไปที่โถงด้วยสายตากังวล แต่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
เมื่อกู้เสี่ยวหวานกำลังคิดสิ่งที่ต้องทำ เสียงของชายชราก็ดังขึ้นจากภายนอก “ขออภัยที่ข้ามาช้าไปหน่อย”
ผู้คนที่มองดูหลีกทางโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นชายชราเดินเข้ามา ข้าง ๆ มีคนรับใช้ที่คอยพยุงเขาอยู่
“นายท่านหวัง?” ข่งฟางตะโกนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเขา
ปรากฏว่าคนที่มาคือนายท่านหวัง ผู้ที่ขายที่ดินห้าสิบหมู่นั้น
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นและงงงวยเล็กน้อย ไม่ใช่ว่านายท่านหวังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้หรอกหรือ? แล้วเขามาที่นี่ได้อย่างไร? และเขามาทำอะไรที่นี่?
แต่ทันทีที่เขามา เรื่องนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ทันทีว่ากู้เสี่ยวหวานได้ซื้อที่ดินจากเขาในเวลานั้น
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เหลยต้าเซิ่งและซุนซีเอ๋อร์ไม่คิดว่าผู้ขายที่ดินจะปรากฏตัวขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่นายท่านหวังอย่างตะลึงงัน
นายท่านหวังผู้นั้นเดินเข้าไปในโถงและคุกเข่าลง “ข้าน้อยคารวะนายท่าน”
“ผู้ใดมาคุกเข่าอยู่ใต้ศาล?” หลิวจือเสี้ยนมองคนที่ปรากฏตัวอีกครั้ง เขาเห็นความตื่นเต้นของกู้เสี่ยวหวานและสายตาที่ตกตะลึงของจำเลย จึงเดาออกได้ครึ่งหนึ่ง
“นายท่านหลิว ข้าผู้นี้เคยเป็นเจ้าของที่ดินห้าสิบหมู่คนก่อน” นายท่านหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
บางคนที่อยู่ในที่นี่รู้จักนายท่านหวัง บางคนจำก็จำเขาได้ และทุกคนก็ร้องออกมาว่า “ใช่แล้ว ข้ามีญาติที่เช่าที่ดินของนายท่านหวัง”
“ใช่แล้ว ข้าก็มีญาติที่เช่าที่ดินของนายท่านหวังด้วยเช่นกัน”
“เรื่องนี้ก็จะถูกแก้ไขโดยง่ายแล้ว นายท่านหวังผู้นี้ขายที่ดินให้ผู้ใด รับเงินมาจากผู้ใด และท้ายที่สุดที่ดินผืนนี้เป็นของผู้ใดกันแน่” คนข้าง ๆ กล่าว
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! นายท่านหวังขายที่ดินให้ผู้ใดกัน!”
เมื่อนายท่านหวังได้ยินคำพูดของทุกคน เขาก็ยิ้มแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มกับกู้เสี่ยวหวานว่า “สาวน้อยกู้ ที่ดินห้าหมู่ที่ขายให้เจ้า มีผู้ใดมาเช่าบ้างหรือไม่”
เมื่อคนในที่นั้นได้ยินก็เข้าใจในทันที
ปรากฏว่าผู้ซื้อที่แท้จริงคือโจทก์ และจำเลยเป็นผู้แย่งชิงที่ดินของนางไป
ที่ดินเป็นของใครได้รับการยืนยันแล้ว
คนรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบพลางชี้ไปที่เหลยต้าเซิ่งและซุนซีเอ๋อร์ พวกเขาเหงื่อออกทั่วตัว แต่พวกเขาก็คิดที่จะสู้อย่างสิ้นหวัง
“นายท่าน…นายท่าน ข้าซื้อที่ดินผืนนี้จริง ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะมีโฉนดทางการได้อย่างไร และโฉนดทางการก็เป็นของจริงอีกด้วย!” เหลยต้าเซิ่งตะโกน หลิวจือเสี้ยนเพิกเฉยต่อเขาและเพียงชำเลืองมองเท่านั้น เหลยต้าเซิ่งก็ล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจทันที
“นายท่านหวัง บอกความจริงแก่ศาล แท้จริงแล้วเจ้าขายที่ดินให้ผู้ใด?” หลิวจือเสี้ยนถาม
“ข้าขายมันให้สาวน้อยกู้ กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ นี่คือสัญญาโฉนดที่ข้าเซ็นสัญญากับกู้เสี่ยวหวาน นายท่านได้โปรดตรวจสอบดูก่อน” นายท่านหวังก้าวไปข้างหน้า และส่งสัญญาโฉนดที่ดินนั้นให้หลิวจือเสี้ยนดู โฉนดนั้นระบุไว้ชัดเจนมาก โดยระบุตำแหน่งของที่ดิน ชื่อผู้ซื้อ และชื่อผู้ขาย ทั้งสองลงนามในสัญญา ลายมือของกู้เสี่ยวหวานอ่อนโยนและสวยงาม หลิวจือเสี้ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และไม่คิดว่าสาวน้อยชนบทผู้นี้จะมีลายมือที่ดีขนาดนี้ได้
ชื่อของกู้เสี่ยวหวานถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในโฉนดส่วนตัวและโฉนดสัญญาระหว่างทั้งสองก็สมเหตุสมผลและถูกกฎหมายเช่นกัน นอกจากนี้ คนกลางคือข่งฟาง
นายท่านหวังกล่าวว่าลูกชายของเขาทำกิจการใหญ่ที่นอกเมือง และต้องการรับเขาไปดูแล ดังนั้นเขาต้องการขายที่ดิน เขาจึงมาพบข่งฟาง ผู้นายหน้าค้าที่ดินที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลิวเจีย และขอร้องให้ข่งฟางประกาศขายที่ดินให้เขา
เพราะเนื้อที่ห้าสิบหมู่อยู่ติดกัน ถ้าขายทีละหมู่ก็ไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไร ดังนั้นนายท่านหวังจึงบอกกับข่งฟางว่าจะให้ขายที่ดินทั้งหมดภายในครั้งเดียวและยังให้เงินข่งฟางไปอีกเล็กน้อย
ในที่สุดข่งฟางก็พบกับผู้ซื้อและติดต่อนายท่านหวังมาทันที หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเสร็จและจ่ายเงิน ข่งฟางก็ดำเนินการทำโฉนดทางการต่อ หลังจากที่ทุกอย่างดำเนินการเสร็จสิ้น นายท่านหวังก็เก็บข้าวของที่มีค่าและย้ายไปอยู่กับลูกชาย
การเดินทางไปกลับมีระยะทางหลายร้อยลี้และต้องใช้เวลาหลายวัน แล้วนายท่านหวังมาทันเวลาเช่นนี้ได้อย่างไร?
ใบหน้าของเหลยต้าเซิ่งซีดเผือด ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนายท่านหวังไว้ แต่นายท่านหวังอยู่ห่างจากเมืองรุ่ยเสียนไปหลายร้อยลี้ กว่าจะเดินทางมาถึงคงต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวัน ในเวลานั้นที่เขามาถึงคดีนี้ก็คงจะปิดไปแล้ว
*[1] เป็นการอุปมาในการใช้อำนาจเพื่อให้ผู้อื่นได้รับความสะดวกและประโยชน์เกินควร