บทที่ 311 ไปที่สำนักศึกษาอีกครั้ง
บทที่ 311 ไปที่สำนักศึกษาอีกครั้ง
เมื่อพี่ฝูได้ยินกู้เสี่ยวหวานบอกว่าคนผู้นี้เป็นพี่ชายที่นางรู้จัก และเมื่อมองดูความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างพวกเขา พวกเขาคงไม่ได้รู้จักกันมาหนึ่งหรือสองวันแน่
พี่ฝูตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นก็ยิ้มทันทีและกล่าวว่า “หนุ่มหล่อผู้นี้ มา ข้าจะวัดตัวให้เอง”
ฉินเย่จือไม่เคยคาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะทำเสื้อผ้าให้ตนเอง ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังพูดเขาก็มองไปที่นาง แต่ก็กลับมาได้สติในทันที และยิ้มให้กู้เสี่ยวหวาน
ดวงตาและคิ้วของเขาโค้งขึ้น และรอยยิ้มนั้นก็ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ
“รบกวนท่านแล้ว” ฉินเย่ก้าวไปข้างหน้า ใบหน้าของเขางดงามราวกับมงกุฎหยก*[1]
เมื่อสักครู่พี่ฝูได้ทำการส่งสายตาสำรวจฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็เห็นมันเช่นกัน
นางรู้ดีว่าพี่ฝูเป็นห่วงตนเอง แต่เนื่องจากตกลงที่จะให้ฉินเย่จืออยู่ในบ้านแล้ว นางจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับฉินเย่จืออย่างลึกซึ้ง
ฉินเย่จือกางแขนออก และพี่ฝูก็ใช้สายวัดมาวัด จากนั้นจึงบันทึกตัวเลขไว้ในสมุดด้านข้าง ปากของฉินเย่จือยกยิ้มสูงขึ้นเล็กน้อย และหัวใจของเขาก็มีความสุขมาก
เสื้อผ้าสีดำบนตัวของเขาถูกสวมใส่มานานกว่าสองเดือนแล้ว และพวกมันก็เก่าและหมดสภาพ
เมื่อถึงหน้าร้อน เหงื่อก็ออกง่าย ฉินเย่จือเป็นคนที่หมกมุ่นอยู่กับความสะอาด เขาต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน
เสื้อผ้าที่ถอดออกต้องซักทุกวัน แล้วใส่กลับในวันรุ่งขึ้น บางครั้งถ้าเสื้อผ้าไม่สามารถแห้งได้ทันเนื่องจากสภาพอากาศ ฉินเย่จือก็จะใช้พลังงานภายในของเขาเพื่อทำให้แห้งหรือวางไว้หน้าเตาเพื่อทำให้แห้ง จำได้ว่าครั้งหนึ่งฉินเย่จือเคยนำเสื้อผ้าใส่เข้าไปในเตาเล็กน้อย ครั้นฟืนระเบิด สะเก็ดไฟหลายชิ้นก็ตกลงบนเสื้อผ้าทำให้เกิดเป็นรูทันที
เสื้อผ้าของฉินเย่จือขาดรุ่งริ่ง ฉินเย่จือไม่เคยใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเช่นนี้มาก่อน และเขาอยากจะเปลี่ยนมันใหม่ตั้งนานแล้ว
แต่หลังจากครุ่นคิดมานานก็ทำได้เพียงยอมแพ้ เพราะเขาไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่อาศัย แม้แต่ข้าวสักมื้อก็ไม่มีจะกิน เขาจะไปมีเงินทำเสื้อผ้าได้อย่างไร?
มันไม่ง่ายเลยที่ในวันนี้กู้เสี่ยวหวานจะนึกถึงตนเองว่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว ฉินเย่จือจึงมีความซาบซึ้งอยู่เล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะกู้เสี่ยวหวานคิดว่าเขาเป็นคนในครอบครัว ก็คงเป็นเพราะนางขี้เกียจที่จะทำเสื้อผ้าให้เขา
เมื่อฉินเย่จือนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกว่ากู้เสี่ยวหวานนั้นยอมรับตนเองเข้าให้แล้ว ในใจเขาก็รู้สึกตื้นตันอย่างหาที่สุดไม่ได้ เขายืนตัวตรง ออร่าบนร่างกายของเขาทำให้พี่ฝูละสายตาไม่ได้
เสื้อผ้าบนร่างนี้ขาดรุ่งริ่ง แต่เขากลับมีท่าทีสูงส่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายผู้นี้โตมาเช่นไร
กู้เสี่ยวหวานกล่าวเพียงว่านางเก็บเขาได้จากข้างถนน ส่วนเรื่องอื่นนางไม่ได้กล่าวอะไรออกมา พี่ฝูจึงเดาว่าเขาน่าจะเคยอยู่ในครอบครัวที่มั่งคั่งมาก่อน และเมื่อครอบครัวของเขาตกต่ำลง เขาจึงกลายเป็นคนเร่ร่อนเดินมาที่หมู่บ้านอู๋ซี และได้รับการช่วยเหลือจากกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อพี่ฝูคิดเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจ
“พี่ชายของเจ้าผู้นี้หล่อเหลามาก!” พี่ฝูที่อยู่มานานยังไม่เคยเจอหนุ่มหล่อเช่นนี้มาก่อนเลย ถ้านางอายุน้อยกว่านี้สักสิบห้าปี เกรงว่าคงจะหลงเสน่ห์เขาไปเสียแล้ว
กู้เสี่ยวหวานไม่แปลกใจและยิ้มออกมา จากนั้นเหลือบมองไปที่ฉินเย่จือและพบว่าเขากำลังมุ่ยปากอยู่ราวกับกำลังคิดว่าก็พ่อแม่ให้เขาเกิดมาเช่นนั้น เขาจะทำอย่างไรได้
“พี่ฝู โปรดทำเสื้อชั้นในเพิ่มอีกสามชุด ชุดหนึ่งสำหรับชายวัยกลางคน และควรหลวมกว่านี้ตามรูปร่างของเขา”
ชุดชั้นในบนร่างของเขายังคงเป็นชุดเดิมกับที่พี่ฉือโถวหยิบมาจากที่บ้าน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้กู้เสี่ยวหวานก็นึกขำในใจ ครั้งที่แล้วที่ป้าจางมองฉินเย่จือแปลก ๆ คงเป็นเพราะนางคิดถึงชุดที่นางลำบากลำบนทำให้สามี แต่ลุงจางก็ยังไม่ได้ใส่ นางคิดว่ามีคนหยิบมันไป แต่นึกไม่ถึงเลยว่าลูกชายของนางเป็นคนหยิบไปเสียเอง เมื่อคิดว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้กำลังสวมใส่มันอยู่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็รู้สึกแปลกประหลาด
ยิ่งไปกว่านั้น ชุดชั้นในที่ฉินเย่จือสวมอยู่ตอนนี้ก็ใหญ่กว่าตัวของเขามาก ทุกครั้งที่เขาสวมมันก็รู้สึกน่าขบขัน
พี่ฝูตอบรับและกล่าวว่า “ได้ ข้าจะเร่งทำให้เร็วที่สุด ภายในสามวันข้าจะทำชุดชั้นในและเสื้อนอกให้ก่อนอย่างละชุด แล้วหลังจากนั้นอีกสามวัน พวกเจ้าค่อยมารับชุดที่เหลือกลับไป เช่นนี้ได้หรือไม่?”
กู้เสี่ยวหวานรีบตอบว่าได้
หลังจากที่วัดตัวเสร็จแล้ว ฉินเย่จือก็กลับไปที่เกวียนวัว ส่วนกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็อยู่ที่นี่ และกู้เสี่ยวหวานก็ไปที่ร้านจิ่นฝู
ฉินเย่จือรออยู่ข้างนอกตามปกติและกู้เสี่ยวหวานก็เข้าไปข้างในร้านจิ่นฝู หลังจากคำนวณบัญชีเสร็จแล้ว นางก็ไม่ได้อยู่ทานอาหารและไปรับพวกกู้เสี่ยวอี้
เมื่อไปถึงร้านพี่ฝู ตุ๊กตาที่เคยเหลืออยู่ห้าตัวตอนนี้ก็ขายหมดแล้ว พี่ฝูนำเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงินส่งให้กู้เสี่ยวหวานและยิ้มอย่างมีความสุข “เสี่ยวหวาน ตุ๊กตาของเจ้านี่ขายดีเสียจริง และมันก็ยิ่งทำให้ร้านของข้ามีชื่อเสียงขึ้นไปอีก ข้าไม่ต้องการเงินของเจ้าหรอก แค่เพียงเจ้านำตุ๊กตามาวางขายที่นี่ นั่นก็เป็นการทำเงินให้ข้าได้แล้ว เจ้าเข้าใจหรือไม่?” พี่ฝูกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะรู้สึกไม่ดี ดังนั้นนางจึงรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและไม่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก
หลังจากบอกลาพี่ฝูแล้ว พวกกู้เสี่ยวหวานก็จากไป
เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของสำนักศึกษา หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานออกมาจากร้านขายผ้าจี๋เสียงแล้วก็ไม่ได้กลับบ้าน แต่กลับมาที่หอหนังสืออวี้แทน เมื่อมาถึง กู้เสี่ยวหวานก็กำลังจะเดินเข้าไปแต่บังเอิญเจอสวีเฉิงเจ๋อที่เดินออกมา
สวีเฉิงเจ๋อถือหนังสือไว้ในมือ เขามีสีหน้าประหลาดใจและปีติยินดี
เขากอดหนังสือไว้ เขารักมันมากจนแทบไม่อยากวางลง
เขาเดินอย่างรวดเร็วและไม่เห็นกู้เสี่ยวหวานที่กำลังเดินเข้ามา แต่กู้เสี่ยวหวานเห็นเขาก่อนจึงรีบเรียก “พี่เฉิงเจ๋อ”
สวีเฉิงเจ๋อไม่คิดว่าจะได้พบกับกู้เสี่ยวหวานที่นี่ ดังนั้นเขาจึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากตั้งสติได้ เขาเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคือกู้เสี่ยวหวานจริง ๆ และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวหวาน เจ้ามาที่นี่…”
กู้เสี่ยวหวานตอบรับหนึ่งคำและรีบกล่าวอย่างเกรงใจ “พี่เฉิงเจ๋อ ท่านมีธุระหรือไม่? หรือมีเรื่องที่ต้องรีบไปทำหรือเปล่า?”
สวีเฉิงเจ๋อมีบางอย่างที่ต้องทำจริง ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้มีร้านหนังสือแห่งใหม่เปิดในเมืองหลิวเจียและหนังสือในนั้นล้วนเป็นบันทึกการเดินทาง สวีเฉิงเจ๋อไม่เคยอ่านหนังสือเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงจะไปซื้อหนังสือเหล่านั้นมาอ่าน
*[1] หมายความว่า ผู้ชายมีรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และยังใช้เพื่ออธิบายความงามของมนุษย์