ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 316 ต่อยสักที

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 316 ต่อยสักที

บทที่ 316 ต่อยสักที

กุ้ยซื่อยืนปกป้องทั้งสองพี่น้องพลางจ้องมองกู้เสี่ยวหวานราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าทั้งครอบครัวนี้มีความคิดผิดปกติ ความสามารถในการแยกแยะถูกผิดของพวกเขาช่างยอดเยี่ยมเสียจริง

กู้เสี่ยวหวานยกยิ้มอย่างเย็นชา และกวาดสายตามองสามแม่ลูก

กุ้ยซื่อพึมพำในใจเพราะไม่ทราบความหมายของรอยยิ้มอันคลุมเครือของกู้เสี่ยวหวานที่จ้องมองตนเองในขนาดนี้

กู้เสี่ยวหวานเยาะเย้ยและกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “เดิมทีข้ายังมีผ้าเช็ดหน้าอยู่สองสามผืนที่บ้าน และในหมู่บ้านมีเด็กสาวที่อายุพอ ๆ กับพวกเราอยู่ไม่กี่คน เดิมทีข้าคิดว่าจะมอบให้คนละผืน แต่พวกเจ้าพี่น้องได้ไปแล้วก็แล้วไป”

เมื่อกล่าวจบก็ราวกับไม่ต้องการคำขอโทษของสองพี่น้องนี่แล้ว นางจึงดึงแขนกู้เสี่ยวอี้และเดินกลับบ้านไป

เมื่อกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยได้ยินเช่นนั้นก็รีบออกมาจากด้านหลังของกุ้ยซื่อและเอ่ยถามอย่างมีความสุข “อย่าเพิ่งไป เจ้าจะให้ผ้าเช็ดหน้ากับพวกเราคนละผืนจริงหรือไม่”

เมื่อกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยออกไปเดินเล่นข้างนอกในบ่ายวันนี้ พวกนางก็เห็นกู้เสี่ยวอี้กำลังมองดูอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหน้าดอกไม้ป่าอย่างระมัดระวัง โดยมีผ้าเช็ดหน้าห้อยอยู่บนตัวของนาง

บนผ้าเช็ดหน้าปักลวดลายกระต่ายน้อยสีขาวน่ารัก เมื่อทั้งคู่เห็นก็ชอบมันมาก พวกเขาไม่ได้ขอยืมมันจากกู้เสี่ยวอี้ เมื่อกวาดสายตาไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่อยู่ที่นี่ จึงรีบเข้าไปแย่งมันมา คนหนึ่งจับกู้เสี่ยวอี้ไว้ และอีกคนแย่งผ้าเช็ดหน้ามา แต่พวกนางไม่คิดว่ากู้เสี่ยวอี้จะดิ้นอย่างแรงจนล้มไปกระแทกกับก้อนหิน

คราวนี้เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานจะมอบผ้าเช็ดหน้าให้ พวกนางจึงดีใจมาก พวกนางละทิ้งเรื่องทำร้ายกู้เสี่ยวอี้และเรื่องที่ทำให้กู้เสี่ยวหวานขุ่นเคืองในทันที และตั้งตารอรอผ้าเช็ดหน้าของกู้เสี่ยวหวานอย่างกระตือรือร้น

ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นดูดีมาก กุ้ยตงเหมยไม่เคยเห็นผ้าปักลายสัตว์ที่น่ารักเช่นนี้มาก่อนจึงใช้กรรไกรตัดมันเก็บเอาไว้ ปกติแล้วกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยก็ปักลายเป็นเช่นกัน จึงอยากจะเก็บมันไว้ เมื่อถึงเวลาก็จะได้ปักตามได้

กู้เสี่ยวหวานลอบยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของทั้งสองคน

นางจึงแสร้งกล่าวอย่างจริงจังว่า “แน่นอน แต่ตอนนี้ข้าไม่มีแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าสักคนก็ไปเอาที่บ้านข้าสิ”

กุ้ยตงเหมยรีบกระโดดออกมา “ข้าไปเอง!”

กุ้ยซื่องุนงงเล็กน้อย เมื่อสักครู่ทั้งสองยังคงด่ากันอยู่เลยไม่ใช่หรือ เหตุใดกู้เสี่ยวหวานผู้นี้ถึงเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วเช่นนี้ล่ะ เหตุใดถึงใจดีขนาดนี้กัน?

ขณะที่กุ้ยซื่อกำลังคิด กุ้ยตงเหมยก็เดินตามกู้เสี่ยวหวานออกไปอย่างมีความสุข

กู้เสี่ยวหวานพากุ้ยตงเหมยไปที่บ้าน เมื่อกลับถึงบ้านก็พบว่ากู้หนิงผิงและฉินเย่จือก็กลับมาแล้วเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นกุ้ยตงเหมยเดินตามหลังมา พวกเขาก็งุนงงเป็นอย่างมาก

กุ้ยตงเหมยมาถึงลานบ้านของกู้เสี่ยวหวาน และกู้เสี่ยวหวานก็ขอให้นางรออยู่ที่ลานและเข้าไปเอาของบางอย่าง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ฉินเย่จือเดินออกมาจากบ้าน เมื่อกุ้ยตงเหมยเงยหน้าขึ้นไปและได้พบฉินเย่จือ

กุ้ยตงเหมยกะพริบตาและมองชายหนุ่มตรงข้าม และเมื่อนางเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน กุ้ยตงเหมยก็ตะลึงในทันที

นางไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่ดูดีเช่นนี้มาก่อนเลย!

กุ้ยตงเหมยเคยได้ยินคนในหมู่บ้านพูดกันมาบ้างว่าที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานมีชายหนุ่มที่ดูดีอาศัยอยู่กับนาง แต่กุ้ยตงเหมยไม่เคยเห็นเขามาก่อน ในวันนี้เมื่อนางได้เห็นเขาจึงตกหลุมรักในทันที สายตาของนางมองตามฉินเย่จือไปราวกับไม่อยากจะละสายตาไปจากเขา

ฉินเย่จือมองที่กุ้ยตงเหมยอย่างเย็นชา กุ้ยตงเหมยไม่ได้รู้สึกรังเกียจฉินเย่จือเลย และสายตาก็เอาแต่จับจ้องไปที่ร่างกายของฉินเย่จือ

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะออกมาพร้อมผ้าเช็ดหน้าสองผืนในมือ กุ้ยตงเหมยก็ไม่ได้สังเกตเห็น

ครั้นเห็นว่ากุ้ยตงเหมยยังคงจ้องมองไปที่ฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไม่มีความสุข จึงผลักเบา ๆ และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “นี่ผ้าเช็ดหน้าของเจ้า ได้แล้วก็ไปเสีย!”

กุ้ยตงเหมยถูกผลักเบา ๆ และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ฉินเย่จือเข้าไปในครัว และนางก็มองไม่เห็นเขาแล้ว กุ้ยตงเหมยมองที่ผ้าเช็ดหน้าในมือของนางและคลี่ยิ้มออกมา แล้วหันหลังกลับไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ดูเหมือนว่านี่เป็นผ้าเช็ดหน้าที่กู้เสี่ยวหวานควรมอบให้นาง

กู้เสี่ยวหวานหยิบกระสอบออกมาอย่างเงียบ ๆ และเดินออกไป กู้หนิงผิงกำลังทายาให้กู้เสี่ยวอี้ ตอนที่เขากำลังเทน้ำ เขาก็เห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะออกไปจึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า “ท่านพี่ ดึกเช่นนี้ท่านจะไปไหน?”

กู้เสี่ยวหวานบอกว่าบาดแผลบนมือของกู้เสี่ยวอี้เป็นเพราะน้องสาวไม่ระวังจึงล้มลง และขอให้กู้หนิงผิงทายาให้ และตนก็ออกไปข้างนอก

“เดี๋ยวข้ากลับมา!” กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และออกไปพร้อมกับกระสอบในมือ

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน กู้เสี่ยวหวานก็กลับมาแล้ว และฮัมเพลงกลับมาอย่างมีความสุข

กู้หนิงผิงที่เตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว และเมื่อถึงเวลาอาหารค่ำกู้เสี่ยวหวานก็ยังคงมีความสุข ฉินเย่จือจึงเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าหัวเราะอะไร? คืนนี้ข้าเห็นเจ้าหัวเราะอยู่ตลอดเวลา!”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กล่าวอะไรและทานข้าวต่อไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงกุ้ยซื่อดังมาจากด้านนอก “กู้เสี่ยวหวาน นังเด็กบ้าออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเย็นชา กู้เสี่ยวอี้เหลือบมองพี่สาวจากด้านข้างด้วยความกลัวเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานจึงลูบหัวของนางและกล่าวปลอบใจ “ไปพักผ่อนเถอะ แล้วก็อย่าออกไปข้างนอก”

กู้หนิงผิงมองดูพี่สาวและน้องสาวด้วยความสงสัย เพราะฉินเย่จืออยู่กับพี่น้องเหล่านี้ตลอดเวลา อาโม่จึงไม่มีโอกาสได้บอกฉินเย่จือว่าเมื่อสักครู่กู้เสี่ยวหวานออกไปทำอะไรมา

กู้เสี่ยวหวานเดินออกไปอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นกุ้ยซื่อที่คุกรุ่นไปด้วยความโกรธ นางแสร้งทำเป็นแปลกใจ และเอ่ยถามใคร่สงสัย “หือ? ให้ผ้าเช็ดหน้าไปแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาที่นี่อีกล่ะเจ้าคะ?”

ทันทีที่กุ้ยซื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดถึงผ้าเช็ดหน้า ในที่สุดก็รู้ว่านี่เป็นแผนที่กู้เสี่ยวหวานคิดขึ้น นางจงใจใช้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อดึงดูดกุ้ยตงเหมยให้มาที่นี่ หลังจากนั้นก็ทำร้ายกุ้ยตงเหมยระหว่างทาง

จมูกและดวงตาของกุ้ยตงเหมยฟกช้ำ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของนาง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกมีความสุขมาก แต่นางต้องแสร้งทำเป็นประหลาดใจและเอ่ยถามว่า “หืม? ตงเหมย เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดหน้าเจ้าถึงเป็นเช่นนั้น?”

ใบหน้าของกุ้ยตงเหมยฟกช้ำจากการโดนทำร้าย เมื่อนางยิ้ม มุมปากของนางก็เจ็บ นางจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้เพียงแค่ถลึงตามองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างโกรธเคือง

“กู้เสี่ยวหวาน เจ้ายังมีหน้ามากล่าวเช่นนี้อีกหรือ เจ้าพูดมาว่าเจ้าเป็นคนทำร้ายตงเหมยของข้าใช่หรือไม่?” กุ้ยซื่อตะโกนเสียงแหบแห้ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท