บทที่ 325 ซุนซื่อพ้นจากคุก
บทที่ 325 ซุนซื่อพ้นจากคุก
เมื่อกู้ซินเถาไม่ได้เห็นหน้าเจียงหย่วนอีก ในใจของกู้ซินเถารู้สึกหวาดกลัวยิ่งขึ้น กลัวว่าเจียงหย่วนจะทิ้งนางไป ปกติแล้วเขาจะส่งของดี ๆ และมีมูลค่าสูงมาให้เสมอ และยังคอยมาอยู่กับนางในทุกวัน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีเสียเหลือเกิน
เมื่อกู้ซินเถาคิดถึงเรื่องนี้พลันก็รู้สึกหงุดหงิด แม้ว่านางจะไม่ได้ชอบเจียงหย่วนจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ท่านแม่บอกว่าครอบครัวของเจียงหย่วนมีทั้งเงินและอำนาจ หากนางสามารถแต่งงานกับเขาได้ นางจะสามารถเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไปตลอดชีวิต
กู้ซินเถาไม่ได้คิดถึงอนาคตของตัวเองสักเท่าไร ในภายภาคหน้านางจะได้แต่งงานกับเจียงหย่วนหรือไม่ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ แต่กู้ซินเถาก็มีแผนในใจอยู่แล้ว
….
กู้ฉวนลู่โกรธมาก แต่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะอดกลั้นมันเอาไว้ เมืองรุ่ยเสียนอยู่ห่างจากเมืองหลิวเจียมากกว่าสามชั่วยาม ครั้นซุนซื่อออกจากคุก เขาจะให้นางกลับไปเองอย่างนั้นหรือ?
กู้ฉวนลู่ทำได้เพียงกล่าวสิ่งดี ๆ และให้เงินเพิ่มอีกหลายตำลึงเงิน อีกทั้งยังให้เงินค่าล้างรถไปอีก คนขับรถม้าจึงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
ซุนซื่อนั่งอยู่ในรถม้าโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ
เพียงแค่จ้องไปที่พื้นที่เล็ก ๆ ตรงหน้าอย่างว่างเปล่า กู้ฉวนลู่ปิดจมูกด้วยความรังเกียจ
เขาพยายามนั่งให้ห่างจากซุนซื่อที่สุด และไม่มองไปทางนางเลยสักนิดราวกับว่าหญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา บางครั้งเมื่อสบตากันกู้ฉวนลู่ก็มีสีหน้ารังเกียจนางราวกับว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน
ดวงตาของซุนซื่อว่างเปล่า ใบหน้ามีผมปกคลุมอยู่ นางจ้องไปที่เท้าที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่เคลื่อนไหว ไม่รู้ว่านางกำลังคิดเช่นไรอยู่
ไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงเมืองหลิวเจีย เมื่อกลับถึงบ้าน กู้ฉวนลู่ไม่ต้องการจะเรียกซุนซื่อ ดังนั้นเขาจึงลงจากรถม้าและเดินเข้าไปเพียงคนเดียว
เมื่อเห็นว่ากู้ฉวนลู่ไม่ได้เรียกหญิงสกปรกให้ลงจากรถ คนขับรถม้าก็กระโดดลงจากรถ และคว้ากู้ฉวนลู่เอาไว้พลางกล่าว “อย่าเพิ่งไป ยังมีคนอยู่ในรถ!”
กู้ฉวนลู่มองคนขับรถม้ากำลังดึงตนเองไว้ก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา ทั้งตัวของเขาไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นมูลม้า จึงพยายามที่จะสลัดออก เพียงแต่ว่าแรงของคนทำบัญชีที่ถือปากกาอย่างเขาจะสู้อะไรกับคนขับรถม้าที่ถือแส้ได้
คนขับรถม้าผู้นั้นตะเบ็งเสียงใส่กู้ฉวนลู่อย่างโกรธเคือง “คนในรถคงเป็นภรรยาของเจ้าใช่หรือไม่? เหตุใดถึงทิ้งนางไว้ล่ะ!”
กู้ฉวนลู่จ้องไปที่คนขับรถม้า อยากจะคุยกับเขาด้วยเหตุผล แต่เมื่อมองร่างเล็กของตนเองกับชายร่างใหญ่ที่จับแขนเขาไว้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดกลับเข้าไปในท้อง
เขาถอนหายใจอย่างไม่พอใจ และเดินกลับไปเปิดผ้าม่านหน้าต่างออก พลางกล่าวว่า “เหตุใดยังไม่ลงมาอีก”
ซุนซื่อตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของนางหลุบลงต่ำ เมื่อเห็นผู้คนจ้องมาที่นางอย่างโกรธเคืองก็รู้สึกกลัวและรีบหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในรถ เห็นได้ชัดว่านางกำลังหวาดกลัว
ครั้นเห็นเช่นนี้ คงจะเป็นเพราะนางต้องทนทุกข์ทรมานมากในคุก ถูกผู้อื่นทุบตีและดุด่า
แต่กู้ฉวนลู่สนใจเรื่องนี้ที่ไหนกัน ความคับข้องใจ ความเศร้าโศก และความโกรธตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาประดังประเดเข้ามา แต่น่าเสียดายที่มันเป็นการยากที่จะระบายออก ดังนั้นกู้ฉวนลู่จึงทำได้เพียงกลืนมันทั้งหมดกลับเข้าไป
เขาจ้องไปที่ซุนซื่ออีกครั้ง และกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “ลงมาเดี๋ยวนี้!”
ซุนซื่อสั่นสะท้านและเพิ่งจะเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหน้าของนางคือกู้ฉวนลู่ นางจึงพยายามตั้งสติจากความสับสนและความกลัว พลางตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนเชื่องช้า เมื่อมาถึงขอบประตู กู้ฉวนลู่ก็แทบไม่สนใจกลิ่นเหม็นจากร่างกายของนาง
เขากระชากซุนซื่อออกจากรถม้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี ข้อมือของซุนซื่อเจ็บจนนางกรีดร้องอย่างน่าสังเวชออกมา กู้ฉวนลู่ไม่สนใจและลากนางเข้าบ้าน
หลังจากที่ประตูปิด ผู้คนภายนอกก็มองไม่เห็นอีกต่อไป กู้ฉวนลู่ผลักซุนซื่ออย่างแรงจนนางล้มลงกับพื้น
….
กู้ซินเถาไม่สามารถปล่อยให้เจียงหย่วนยอมแพ้ในตนเองได้ ดังนั้นนางจึงไปหาผู้หญิงที่อาศัยอยู่บนถนนสายเดียวกับนาง ครั้นมาถึง พวกเขาไม่ยอมให้นางเข้าไปข้างใน เพียงแต่เปิดช่องเล็ก ๆ ตรงประตูเพื่อพูดคุยเพียงเท่านั้น เมื่อคนรับใช้เห็นกู้ซินเถาก็กลอกตาใส่และปิดประตูทันที ไม่ว่านางจะเคาะประตูมากแค่ไหนเขาก็ไม่เปิดมัน ถ้าเคาะมากเกินไปคนรับใช้ก็จะพูดจาไม่ดีใส่ว่า ถ้ายังเคาะอีก เขาจะส่งนางไปให้ทางการ
กู้ซินเถาหวาดกลัวมากและไม่กล้าทำเช่นนั้นอีก นางทำได้แค่เดินจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง แต่พวกนางก็ไม่สนใจกู้ซินเถาเลย
กู้ซินเถาหมดหนทางจึงไปหาสหายที่รู้จักกันตอนที่อยู่ในร้านซุ่นซิน แต่ทุกคนรู้ดีถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของซุนซื่อ และพวกนางรู้สึกว่ากู้ซินเถาน่าจะเป็นเหมือนแม่ของนาง พ่อแม่ของทุกคนจึงไม่อนุญาตให้พวกนางไปคลุกคลีกับกู้ซินเถา นอกจากนี้บรรดาสหายเหล่านั้นยังได้ลิ้มรสความต่ำต้อยที่กู้ซินเถามอบให้เมื่อครั้งที่นางหยิ่งผยอง จึงไม่อยากจะติดต่อกับนางอีก
เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่าตนเองไม่เหลือสหายเลยสักคน และมันก็เป็นเพราะแม่ของนางที่ทำให้นางไม่สามารถเงยหน้าในเมืองหลิวเจียได้
กู้ซินเถาทั้งร้องไห้ทั้งคร่ำครวญอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน จนท้ายที่สุด กู้ฉวนลู่ก็ได้ก่นด่านางไปยกใหญ่ กู้ซินเถาจึงหยุดคร่ำครวญไปชั่วขณะหนึ่ง
หากแต่ในใจกลับเกลียดซุนซื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะการถูกคุมขังของซุนซื่อ คนพวกนั้นจึงหยุดมีปฏิสัมพันธ์กับนาง เพราะการถูกคุมขังของซุนซื่อ เจียงหย่วนจึงหลีกเลี่ยงนาง ไม่มีแล้วคนที่เคยซื้อของขวัญให้และคอยอยู่กับนาง ทั้งหมดเป็นเพราะซุนซื่อ กู้ฉวนลู่จึงได้ดุนางถึงสองครั้ง ตั้งแต่เด็กจนโต กู้ฉวนลู่ไม่เคยตำหนินางเลยด้วยซ้ำ แต่คราวนี้เขากลับดุนางถึงสองครั้งติดต่อกัน
ในใจของกู้ซินเถาเกลียดชังผู้เป็นมารดาอย่างมาก จนนางหวังว่าซุนซื่อจะถูกขังอยู่ในคุกและไม่ออกมาอีก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางก็กลับมา…
กู้ฉวนลู่เองก็ไม่พอใจซุนซื่อมาก เขารู้สึกว่าซุนซื่อเป็นคนทำให้เขาอับอาย แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าในเวลานั้นคนที่อยากจะได้ที่ดินของกู้เสี่ยวหวานก็คือเขา และคนที่ไปหาเหลยต้าเซิ่งเพื่อคุยเรื่องนี้ก็คือเขาอีกเช่นกัน แต่ตอนนี้เขากลับโยนความผิดทั้งหมดไปให้ซุนซื่อเพียงผู้เดียว
นอกจากนี้ ทั้งลูกสาวและลูกชายก็ยังก่นด่าว่าซุนซื่อเป็นคนโลภ
ซุนซื่อที่เพิ่งออกมาจากห้องขังก็ผ่ายผอมจนแทบจะเหลือแต่กระดูก
ด้วยร่างกายที่ผ่ายผอม หลังค่อม ผมเผ้าราวกับหญ้าแห้งยุ่งเหยิงจนปิดหน้าปิดตา ตอนนั้นกู้ฉวนลู่ต้องมองอยู่นานกว่าเขาจะมองออกว่านั่นคือซุนซื่อ เนื่องจากซุนซื่อไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในคุกก็ทั้งมืด มีเห็บหมัดและหนูคลานไปมาทุกแห่งหน ร่างกายของซุนซื่อจึงส่งกลิ่นเหม็นอันไม่พึงประสงค์ออกมา
ตอนที่กู้ฉวนลู่จ้างรถม้าไปรับ แม้แต่คนขับก็ยังอดไม่ได้ที่จะปิดจมูกของเขาและกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าเหม็นเกินไป ข้าไม่รับ ลงไป ลงไป ข้าจะกลับไปรถเปล่า อย่ามาทำให้รถข้าสกปรกเลย”