บทที่ 326 ครอบครัวไม่ต้อนรับ
บทที่ 326 ครอบครัวไม่ต้อนรับ
ซุนซื่อมองแผ่นหลังของกู้ฉวนลู่ จากนั้นมองไปรอบ ๆ เมื่อรู้ว่าที่นี่คือบ้านของนาง ซุนซื่อก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นและร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวด
สวรรค์จะรู้หรือไม่ว่านางใช้ชีวิตหนึ่งเดือนอยู่ในคุกที่มืดมิดแห่งนั้นอย่างไร!
น่าอนาถแค่ไหน!
น่าสมเพชเพียงใด!
ในช่วงเวลานี้ บ้านหลังใหญ่ของตระกูลกู้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมืดมนตลอดทั้งวัน เมื่อไม่มีซุนซื่อคอยจัดการ ในบ้านก็มีฝุ่นและสิ่งสกปรกอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
หลังจากลาพักสองสามวัน กู้ฉวนลู่ก็กลับไปทำงานที่ร้านอาหารตามปกติ
หากว่ายังไม่กลับไป เกรงว่าคงจะถูกไล่ออก
เมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงิน เช่นนั้นพวกเขาจะเอาอะไรกิน
บ้านหลังนี้ก็กินไม่ได้ แต่ถ้าขายไปแล้วพวกเขาจะไปซุกหัวนอนอยู่ที่ใด
ภายในหนึ่งเดือนนั้น กู้จือเหวินไม่ได้ไปที่หอหนังสืออวี้เลย สวีเซียนหลินจึงมาถามหาเขาเป็นการส่วนตัว กู้จือเหวินเพียงบอกว่าเขารู้สึกไม่สบายและไม่สามารถไปเรียนได้ ดังนั้นเขาจึงขอหยุดเรียน
กู้ฉวนลู่ก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับกู้จือเหวิน เพราะเขารักลูกชายคนนี้ดั่งชีวิต ไม่ว่ากู้จือเหวินจะกล่าวเช่นไร กู้ฉวนลู่ก็ไม่กล้าปฏิเสธแม้แต่คำเดียว
เรื่องอื่นเขาก็ไม่เคยมาวุ่นวายแต่อย่างใด ยกเว้นเรื่องไปเรียนของกู้จือเหวิน แต่เขาไม่สนใจ และสิ่งที่กล่าวออกมาก็ทำให้กู้ฉวนลู่ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก
“เรื่องของท่านแม่ทำให้ข้าไม่สามารถเงยหน้าอยู่ในหอหนังสืออวี้ได้ เช่นนั้นข้าจะไปที่นั่นทำไมกัน!”
กู้จือเหวินตะโกนด้วยความคับแค้นใจ
กู้ฉวนลู่จึงทำได้เพียงโยนความผิดทั้งหมดไปที่ซุนซื่อแต่เพียงผู้เดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะซุนซื่อทำเรื่องงี่เง่า พวกเขาก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้
ทั้งหมดเป็นความผิดของซุนซื่อ ทั้งหมดเป็นความผิดของกู้เสี่ยวหวาน
ซุนซื่อมองกู้ฉวนลู่อย่างหวาดกลัว ไฟที่คุกรุ่นในดวงตาของเขาราวกับจะแผดเผานางทั้งเป็น ร่างกายซุนซื่อสั่นสะท้านด้วยความกลัว
นางเอ่ยขึ้นอย่างขี้ขลาด “สา…สามี…” แววตานั้นเต็มไปด้วยความขี้ขลาด ความคับข้องใจ ความหวัง และดูเหมือนว่ายังมี…ความขุ่นเคืองในสายตา
ซุนซื่อมองไปที่กู้ฉวนลู่ราวกับรอให้กู้ฉวนลู่มาปลอบโยน
กู้ฉวนลู่หันกลับมามองซุนซื่อที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงนั่งอยู่บนพื้นอย่างเย็นชาและรู้สึกคลื่นไส้ เขาเม้มริมฝีปากและเหลือบมองซุนซื่ออย่างเย็นชาราวกับว่าเขากำลังดูกองขยะ จากนั้นจึงเอามือไพล่หลังและเดินจากไป
เมื่อซุนซื่อเห็นว่ากู้ฉวนลู่เดินจากไป ในสายตาของนางก็มีความประหลาดใจ ความผิดหวัง ความข้องใจ และความแค้นอยู่ปรากฏอยู่ในนั้น
ซุนซื่อจ้องมองแผ่นหลังที่จากไปของกู้ฉวนลู่ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงราวกับหญ้าที่เหี่ยวแห้ง ความขุ่นเคืองปรากฏชัดเจนในดวงตาที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผม
กู้ซินเถาที่ได้ยินเสียงร้องไห้มาจากข้างนอก จึงวิ่งออกมาและเห็นหญิงสกปรกนั่งอยู่บนพื้น ร่างกายผ่ายผอม และกลิ่นเหม็นจากร่างกายของนาง…
กู้ซินเถามองไปที่แผ่นหลังของพ่อที่เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา พลันก็เดาได้ว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่บนพื้นผู้นั้นคือใคร กู้ซินเถาจ้องไปที่ซุนซื่ออย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็จากไปโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ
กู้จือเหวินนั้นยิ่งกว่า เขาไม่กล่าวอะไร เพราะแม้แต่ห้องก็ไม่เคยก้าวเท้าออกมาด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะให้พูดกับซุนซื่อ
ซุนซื่อนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้โหยหวนเป็นเวลานานโดยไม่มีใครสนใจ
ซุนซื่อร้องไห้จนเหน็ดเหนื่อย ในช่วงที่อยู่ในคุก นางไม่สามารถกินให้อิ่มท้องได้เลยสักมื้อ อาหารที่ส่งมาก็เกือบจะเน่าเสีย นอนก็นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าหนูจะปีนขึ้นไปบนตัวและกัดเข้าเมื่อไร เพราะในคุกไม่มีอะไรอยู่เลย ดังนั้นหนูน่าจะกินคนได้
และในนั้นก็มีกองฟาง แต่ไม่รู้เลยว่ากองฟางนั้นอยู่มากี่สิบปีแล้ว และในสภาพแวดล้อมที่เย็นและชื้น ฟางบางส่วนก็เน่าเสียและทำให้มีหมัดอยู่ในนั้น ตราบใดที่นอนอยู่บนกองฟาง หมัดก็จะกระโดดเข้ามาบนร่างกาย และก่อให้เกิดอาการคันคะเยอ
ในเวลานั้นซุนซื่อต้องอยู่อย่างยากลำบาก เมื่อกินไม่อิ่ม นอนไม่พอ ภายในหนึ่งเดือนนางก็ผอมลงไปมาก
สิ่งที่ทำให้นางเศร้าใจยิ่งกว่าคือการเผชิญหน้ากับกู้เสี่ยวหวานในชั้นศาล แล้วพวกกู้ฉวนลู่ไม่เคยมาเยี่ยมนางเลย
นางถูกขังอยู่ในคุกเป็นเวลาหนึ่งเดือนโดยไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมหรือปลอบโยน นับประสาอะไรกับการให้เงินกับหัวหน้าห้องขังเพื่อดูแลนาง
หัวใจที่กำลังรอคอยของซุนซื่อพลันว่างเปล่า และในตอนท้ายที่นางถูกปล่อยตัวจากคุกก็มีดวงตาที่เย็นชาของกู้ฉวนลู่รออยู่
ซุนซื่อลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจและมองดูบ้านที่คุ้นเคย นอกจากจะผิดหวังกับกู้ฉวนลู่แล้ว ความขุ่นเคืองใจที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กบ้านั่น ตนเองจะตกต่ำลงมาเช่นนี้หรือ?
ซุนซื่ออาบน้ำถึงสามรอบจนผิวเกิดรอยแดงจากการขัดถู จากนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้ามาในห้อง
กู้ฉวนลู่ไม่ได้อยู่ในนั้น ซุนซื่อจึงเดินไปหากู้ซินเถาแทน
เดิมทีซุนซื่อคาดหวังไว้ว่าเมื่อเจอกู้ซินเถา กู้ซินเถาจะกระโจนเข้ามาในอ้อมแขนนาง ร้องไห้อย่างหนักแล้วบอกนางว่าคิดถึงนางมากแค่ไหน
แต่ซุนซื่อกลับคิดผิดอีกครั้ง กู้ซินเถาไม่ได้คิดถึงนางเลย นับประสาอะไรกับการกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของนางและร้องไห้
กู้ซินเถามองมารดาของตนที่เดินเข้ามาอย่างเย็นชา ในใจขอนางก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ
หากไม่ใช่เพราะซุนซื่อ กู้ซินเถาก็คงจะไม่ถูกผู้อื่นเยาะเย้ยและเพิกเฉยต่อนาง ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางไม่ได้ขอให้เจียงหย่วนช่วยทำลายหลักฐาน เจียงหย่วนก็คงจะไม่หลีกเลี่ยงที่จะมาพบนาง
ถ้าจะให้บอกว่าชอบเจียงหย่วนมากแค่ไหน กู้ซินเถาก็คงจะพูดไม่ออก เพราะเจียงหย่วนไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่เงินของครอบครัวเจียงหย่วนนั้นมีมากมาย
สิ่งของและเครื่องประดับที่เจียงหย่วนส่งมาในทุกครั้งก็เป็นของที่กู้ซินเถาไม่เคยเป็นเจ้าของมาก่อน
กู้ซินเถาคิดถึงความรู้สึกของการได้รับการยกย่องจากสหายเพราะเครื่องประดับอันงดงาม
และในวันนี้ ทั้งหมดนั่นไม่มีอีกแล้ว
กู้ซินเถามองซุนซื่ออย่างโกรธเคือง ซุนซื่ออาบน้ำถึงสามครั้งเพราะเกรงว่าความสกปรกจะไม่จางหายไป
แต่ทันทีที่ซุนซื่อเข้ามาใกล้ กู้ซินเถาก็ยังคงได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวน่าขยะแขยงลอยมาจากร่างกายของซุนซื่อ
ใบหน้าของซุนซื่อซูบตอบลงไปมาก และเมื่อเห็นกู้ซินเถา นางก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “ซินเถา…”
ทุกครั้งที่เรียกชื่อของกู้ซินเถา ราวกับว่านางกำลังบอกถึงความทุกข์ทนที่เจอมาในคุกตลอดหนึ่งเดือน
ซุนซื่อก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะกอดกู้ซินเถาไว้ในอ้อมแขน แต่กู้ซินเถาที่ได้กลิ่นเหม็นที่ลอยเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จึงรีบหลีกเลี่ยงอ้อมกอดของซุนซื่อและวิ่งหนีไปด้านข้าง
นางขมวดคิ้วพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ท่านแม่เหม็นจริง ๆ !”