บทที่ 330 บังเอิญพบกันที่ร้านขายผ้า
บทที่ 330 บังเอิญพบกันที่ร้านขายผ้า
เจียงหย่วนใช้เวลาทั้งวันในการดื่มและกินอย่างสนุกสนานอยู่ในที่พัก และใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข
มีคำโบราณที่กล่าวว่า สุขมากย่อมเกิดทุกข์ แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องในภายหลัง
กู้ซินเถาต้องตารออยู่ในเมืองหลิวเจียอย่างมีความหวัง ซุนซื่อที่ได้เห็นดังนั้นก็รู้สึกกังวลในใจ
เมื่อขอให้ใครสักคนไปสืบดูก็ได้ความมาว่า เจียงหย่วนอยู่ในเมืองหลวงมานานแล้ว ซุนซื่อจึงโล่งใจเล็กน้อย ตราบใดที่เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหลิวเจียและคอยหลบหน้ากู้ซินเถา เรื่องนี้ก็ยังพอมีความหวัง
ด้วยความทุ่มเทของคนเป็นแม่ มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดให้กู้ซินเถาสงบสติอารมณ์ลง เมื่อเห็นว่าในที่สุดลูกสาวก็ไม่มีความเกลียดชังต่อนางมากแล้ว ซุนซื่อจึงพาลูกสาวออกไปเดินเล่นเป็นครั้งคราว ตามภาษาแม่และลูกสาวทั่วไป
แต่ผู้ใดจะรู้ว่า ทันทีที่พวกเขาออกไปก็เจอเข้ากับกู้เสี่ยวหวาน
ดวงตาของกู้ซินเถาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันทีเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินใกล้เข้ามา
ชุดที่กู้เสี่ยวหวานสวมในวันนี้คล้ายคลึงกับนางมาก ไม่สิ ผ้าดีกว่านางมาก
ชุดที่กู้เสี่ยวหวานสวมในวันนี้เป็นชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนที่มีผีเสื้อสองสามตัวปักอยู่ที่ชายเสื้อ และสายรัดสองเส้นสีเดียวกับเสื้อผ้า ปล่อยปอยผมสองข้าง สายรัดสีม่วงปลิวพลิ้วไปตามลม ช่วงนี้นางคงได้ทานแต่อาหารที่ดี ๆ ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานจึงแดงก่ำ และนางก็สูงขึ้นมาก ดวงตากลมโตเปล่งประกายนั้น ยิ่งกู้ซินเถามองมากเท่าไรก็ยิ่งรังเกียจมากขึ้นเท่านั้น
ลายปักผีเสื้อบนชุดของกู้เสี่ยวหวานราวกับยังมีชีวิตอยู่ พวกมันดูเหมือนจะกระตือรือร้นที่จะบินออกจากกระโปรง และเต้นรำไปกับหมู่ดอกไม้
เมื่อกู้ซินเถาได้มองกู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น และเดินเข้าไปในร้านขายผ้าจี๋เสียงโดยไม่กล่าวอะไร
ซุนซื่อยังจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างขุ่นเคือง และเดินตามเข้าไปข้างในด้วย
กู้เสี่ยวหวานจูงมือกู้เสี่ยวอี้และเยาะเย้ยในใจ หวังว่าในช่วงนี้สองคนนี้จะไม่ทำเรื่องแย่ ๆ อีก ไม่เช่นนั้นนางคงจะต้องฉีกพวกเขาออกจากกันจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สนใจสายตาอิจฉาริษยาของกู้ซินเถาเมื่อครู่นี้ ในวันนี้เสื้อผ้าที่กู้เสี่ยวหวานสวมนั้นดีกว่าเสื้อผ้าของกู้ซินเถามาก เช่นนี้กู้ซินเถาจะพอใจได้อย่างไร
กู้ซินเถาจ้องมองกู้สี่ยวหวานที่เพิ่งเข้ามาในร้าน และเอ่ยประชดประชัน “เถ้าแก่เนี้ย ร้านนี้ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถเข้ามาได้งั้นหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่ากู้ซินเถากำลังกล่าวถึงตนเอง แต่นางไม่สนใจและเดินเข้าไปข้างใน เมื่อกู้เสี่ยวอี้เดินไปถึงโต๊ะด้านในแล้วจึงเรียกพี่ฝูว่าอาจารย์อย่างสนิทสนม
พี่ฝูลูบหัวนางด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของกู้ซินเถาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น “เถ้าแก่เนี้ย เมื่อสักครู่นางเรียกท่านว่าอะไรนะ?”
“เรียกว่าอาจารย์ ข้ารับนางเป็นลูกศิษย์แล้ว คุณหนูกู้!” พี่ฝูยิ้มด้วยใบหน้าเย็นชา
เมื่อสักครู่พี่ฝูเห็นพวกเขาเดินเข้ามา และพวกเขาก็มีแซ่กู้เช่นเดียวกัน พี่ฝูจึงไม่สามารถเดาความสัมพันธ์ระหว่างกู้เสี่ยวหวานและกู้ซินเถาได้ แต่เมื่อเห็นกู้ซินเถาเงยศีรษะขึ้น และเยาะเย้ยกู้เสี่ยวหวานทั้งภายในและนอกร้าน พี่ฝูจึงกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ในเมื่อพวกท่านยังเข้ามาได้ แล้วเหตุใดลูกศิษย์ของข้าถึงจะเข้ามาไม่ได้เล่า?”
“ท่าน…” กู้ซินเถาจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างชั่วร้าย
สิ่งที่พี่ฝูหมายถึงคือ นางกำลังปกป้องกู้เสี่ยวหวาน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้กู้ซินเถาก็กล่าวอย่างโกรธเคือง “หึ ไปเอาเด็กน้อยมาเป็นลูกศิษย์ เถ้าแก่เนี้ย ท่านไม่ต้องสอนจนหัวขาวเลยหรือ เด็กน้อยเช่นนี้จะไปเข้าใจอะไร ท่านคงสอนโดยเปล่าประโยชน์เสียแล้ว”
กู้ซินเถาต้องการจะด่ากู้เสี่ยวอี้ว่าโง่ แต่พี่ฝูกลับหัวเราะเบา ๆ “คุณหนูกู้ ไม่ต้องกังวล ข้ารู้จักลูกศิษย์ของข้าดี เจ้าก็ไม่ต้องเสียแรงมากังวลแทนข้าหรอก ในทางกลับกันคุณหนูกู้คิดถึงเรื่องของตัวเองจะดีกว่า เหตุใดวันนี้ถึงมีเวลามาร้านที่ซ่อมซ่อของข้าได้ล่ะ? นายน้อยเจียงไม่ได้พาท่านไปที่ร้านหรูอี้หรอกหรือ?”
ใบหน้าของกู้ซินเถาเปลี่ยนสีไปทั้งสีแดงและสีขาว เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของพี่ฝู
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องบนใบหน้าของกู้ซินเถา กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา นายน้อยเจียง? นายน้อยเจียงคนไหนกัน?
จากที่ฟังพี่ฝูกล่าว ดูเหมือนว่ากู้ซินเถาและนายน้อยเจียงเคยมาที่นี่มาก่อนอย่างนั้นหรือ?
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูใบหน้าของกู้ซินเถาที่เปลี่ยนไปด้วยความสนใจอย่างมากราวกับดูการแสดงที่น่าสนใจ
กู้ซินเถารู้สึกอับอายและโกรธเคือง นางไม่เคยคิดว่าพี่ฝูจะกล่าวเรื่องของนางอย่างตรงไปตรงมา นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่มีใบหน้าอยากรู้อยากเห็น และดูเหมือนจะจ้องมองตนเองอย่างยั่วยุ กู้ซินเถาจึงกล่าวออกมาอย่างโกรธเคือง “ไม่ใช่เรื่องของท่าน! ข้าอยากจะซื้อเสื้อผ้าที่ไหนก็ได้ที่ข้าต้องการ ข้ามีเงิน หรือว่าท่านจะไม่ขายมันอย่างนั้นหรือ?”
พี่ฝูยิ้มและกล่าว “เมื่อเจ้ามาที่ร้านของข้า เจ้าก็คือลูกค้า แล้วข้าจะไม่ขายมันได้อย่างไร!”
กู้ซินเถาอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย นางพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ตราบใดที่มีเงินมากพอ นางก็จะกลืนความคับแค้นใจลงไป
กู้ซินเถาประเมินพี่ฝูต่ำเกินไป พี่ฝูจะไม่หยุดทำกิจการเพียงเพราะนางไม่ชอบคนผู้นี้ นี่คือการค้าขาย หากมีลูกค้ามาแล้วไม่ยอมขายก็โง่แล้ว!
กู้ซินเถาเหลือบมองผ้าบนตัวของกู้เสี่ยวหวาน เพราะความโกรธนางจึงไปเลือกผ้าที่ดีที่สุด ซุนซื่อจึงดึงกู้ซินเถาเอาไว้เพื่อให้มาเลือกผ้าธรรมดาที่อยู่ถัดไป แต่กู้ซินเถาไม่ขยับ ในท้ายที่สุดซุนซื่อจึงต้องออกแรงดึง และกู้ซินเถาจ้องเขม็งไปที่นาง ซุนซื่อที่หวาดกลัวจึงรีบปล่อยมือของนาง
เรื่องทั้งหมดนี้ กู้เสี่ยวหวานยืนมองจากด้านข้างและหันไปสบตากับพี่ฝูราวกับว่านางเข้าใจความหมายของการกระทำของกู้ซินเถาแล้ว
กู้ซินเถาหยิบผ้าแพรสองผืนที่นางต้องการมาโดยตลอด แต่ก็ลังเลที่จะซื้อ หลังจากเลือกเสร็จ กู้ซินเถาก็เรียกเถ้าแก่เนี้ยอย่างภาคภูมิใจ พี่ฝูจึงเหลือบมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและรีบเดินไปพลางคลี่ยิ้ม “มาแล้ว มาแล้ว”
กู้ซินเถาเหลือบมองกู้เสี่ยวหวานอย่างยั่วยุ เลิกคิ้วและยืดหน้าอกของนางให้ตรง ซึ่งดูเหมือนจะหมายความว่า ข้ารวยกว่าเจ้าและข้าต้องการแต่งตัวให้ดีกว่าเจ้า
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ท่าทางที่กำลังยั่วยุ ในใจก็หัวเราะออกมา
มันไม่สำคัญเพราะนางไม่สนว่าเสื้อผ้าจะเป็นอย่างไร เพียงแค่ใส่สบายและเรียบร้อยก็พอแล้ว
กู้ซินเถาเลือกของที่ดีกว่า ด้วยวิธีนี้จะสามารถทำเงินให้ร้านพี่ฝูได้
พี่ฝูหยิบลูกคิดมาคิดเงินด้วยรอยยิ้ม หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งก็ได้ตัวเลขออกมา นางบอกราคาซึ่งทำให้ซุนซื่อตกตะลึงจนเกือบจะเป็นลม “คุณหนูกู้ เสื้อผ้าสองชิ้นราคาสามสิบตำลึงเงิน”
“สามสิบตำลึงเงิน แพงอะไรเช่นนี้?” ซุนซื่อกรีดร้องอย่างอดไม่ได้
ซุนซื่อรู้สึกเวียนหัวจนแทบจะล้มลง แต่อย่างน้อยนางก็ยึดโต๊ะเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง
กู้ซินเถาเห็นท่าทางตกใจของซุนซื่อแล้วมองไปที่รอยยิ้มของกู้เสี่ยวหวานที่ดูแล้วทิ่มแทงสายตา นางมีเพียงความคิดเดียวที่แล่นเข้ามาในหัวก็คือ ซุนซื่อกำลังทำให้นางเสียหน้าต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แหมมมม เห็นราคาผ้าแค่นี้ก็จะเป็นลมแล้วเหรอซุนซื่อ
ไหหม่า (海馬)