พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 2194 ใครจะมีอำนาจชี้ขาด

บทที่ 2194 ใครจะมีอำนาจชี้ขาด
ดาราจักรที่เงียบสงัด ในหุบเขาที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ฝุ่นละอองหนาเตอะ ภูเขาหินเย็นเยือก
หงส์มังกรเป็นฝูงเกาะพักพิงอยู่ในหุบเขา เกี้ยวมังกรก็จอดอยู่ในนั้นเงียบๆ เช่นกัน ในเกี้ยวมังกร จ้านหรูอี้กำลังนั่งอยู่บนขอบเตียง นั่งเงียบงันไม่ส่งเสียง
ประมุขชิงมาถึงแล้ว อิ๋นซวง ไป๋เสวี่ยที่ยืนเงียบอยู่ตรงประตูรีบดึงม่านออกมา
พอประมุขชิงเข้ามาด้านใน ก็นั่งลงข้างกายจ้านหรูอี้ สายตามองไปที่ท้องนูนของนาง ยื่นมือไปลูบคลำเบาๆ ตั้งแต่เกิดความชุลมุนในวัง โพ่จวินกดดันราชันจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังยุ่งเหยิงวุ่นวายไม่หยุดหย่อน เป็นเวลาครึ่งปีผ่านไปแล้ว ท้องของจ้านหรูอี้นูนขึ้นมาแล้ว ในเวลาแบบนี้พานางวิ่งวุ่นไปทั่ว ประมุขชิงรู้สึกผิดมาก “ลำบากเจ้าแล้ว”
จ้านหรูอี้ส่ายหน้าเบาๆ “เทียบกับทหารที่เสี่ยงชีวิตทำศึกอยู่ข้างนอก หม่อมฉันสบายกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไร”
ประมุขชิงยังคิดจะพูดอะไรอีก แต่มีเสียงของซือหม่าเวิ่นเทียนดังมาจากข้างนอก “ฝ่าบาท!”
ประมุขชิงลุกขึ้นยืน เดินออกไปก้าวหนึ่งแล้วหันตัวกลับมาอีก ยื่นมือช้อนคางจ้านหรูอี้ขึ้นมา โน้มตัวก้มหน้าลง ประทัพรอยจูบเบาๆ บนริมฝีปากของนาง ก่อนจะหันตัวเดินก้าวยาวออกไป
อิ๋นซวง ไป๋เสวี่ยที่ดึงม่านลงหันกลับไปมองจ้านหรูอี้เงียบๆ เห็นเพียงจ้านหรูอี้สีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ เหมือนกำลังเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก
พอประมุขชิงเดินออกจากเกี้ยวมังกร ก็มองขุนนางหลายคนที่ยืนอยู่เบื้องล่างจากมุมสูง
ซือหม่าเวิ่นเทียนกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท ทางทัพเหนือส่งข่าวมา ว่าเถิงเฟยหนีเข้าไปในเขตทัพเหนือแล้วตกหลุมพรางโค่วหลิงซวี โดนทัพใหญ่ของโค่วหลิงซวีล้อมโจมตี ผลปรากฏว่าหนิวโหย่วเต๋อนำทัพใหญ่โผล่มาอีก มาล้อมโค่วหลิงซวีไว้อีกที กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดขอรับ…” เขาเล่าเรื่องที่รู้ให้ฟังอย่างละเอียด
ประมุขชิงกระโดดลงมาจากเกี้ยวมังกร แล้วตะคอกถามว่า “เจ้าว่าอะไรนะ? เถิงเฟยกับหนิวโหย่วเต๋อเข้าไปในอาณาเขตทัพเหนือแล้วเหรอ?”
ซือหม่าเวิ่นเทียนแอบทอดถอนใจด้วยความเศร้า พยักหน้ายืนยันว่า “ใช่แล้วขอรับ ไปในอาณาเขตทัพเหนือแล้ว”
ประมุขชิงพลันเงยหน้ามองในดาราจักร ในอกเก็บกลั้นไฟโกรธที่พูดออกมาไม่ได้ คนกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ ราวกับเป็นคนโง่ อีกฝ่ายหนีไปตั้งแต่เมื่อไรแล้วก็ไม่รู้ หนีไปทางไหนล่ะ? เขาคิดไม่ตกนิดหน่อย ขอบเขตที่เขาเฝ้าจับตาดูอยู่ก็ใหญ่มากพอแล้ว เถิงเฟยกับหนิวโหย่วเต๋อหล้าหนีเพ่นพ่านไปยังอาณาเขตดาวนิรนามได้อย่างไร? ไม่กลับมาทางเดิม ทั้งยังหาทางอื่นไปอีกเหรอ?
เขาเข้าใจเพียงว่า อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเถิงเฟย เดาว่าเถิงเฟยคงสำรวจเส้นทางอาณาเขตดาวนิรนามฝั่งนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนหนิวโหย่วเต๋อก็ไล่ตามหลังเถิงเฟยไปแล้ว ไม่อย่างนั้นก็หาคำอธิบายอื่นไม่ได้เลย
ยังจะรอให้เขาพูดอะไรอีก เกาก้วนที่วางระฆังดาราแล้วกุมหมัดรายงานว่า “ฝ่าบาท สายลับรายงานมา ว่าหนิวโหย่วเต๋อขี่มังกรดำตัวหนึ่งไล่ตามกลุ่มคนปริศนาจากประตูดวงดาวแห่งหนึ่งในเขตทัพเหนือ หนีเข้ามาในเขตทัพตะวันออกที่พวกเราอยู่”
ประมุขชิงดวงตาฉายแววเยียบเย็น มองซือหม่าเวิ่นเทียนแล้วก็มองเกาก้วนอีก ซ่างกวนชิง โพ่จวิน อู๋ฉวี่ล้วนขมวดคิ้วมองประเมินทั้งสอง ไม่รู้ว่าข่าวของใครเป็นเรื่องจริง ข่าวของใครเป็นเรื่องเท็จ
ซือหม่าเวิ่นเทียนหันกลับมามองอย่างตกตะลึงพูดไม่ออก มองเกาก้วนราวกับมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง เหมือนกำลังถามว่า จงใจตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าใช่ไหม? ข้าบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังเข่นฆ่าอยู่ในทัพเหนือ แต่เจ้าบอกว่าหนิวโหย่วเต๋ออยู่ในอาณาเขตทัพตะวันออก เจ้ามีจุดประสงค์อะไร?
เกาก้วนเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าก็แค่ได้รับรายงานจากเบื้องล่าง แล้วรายงานต่อฝ่าบาทตามจริงก็เท่านั้นเอง เจ้าไม่ต้องคิดมาก ข้าเชื่อว่าลูกน้องข้าไม่ได้รายงานซี้ซั้วโดยไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน”
“เจ้ากำลังบอกว่าลูกน้องข้ารายงานซี้ซั้วโดยไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนงั้นเหรอ?” ซือหม่าเวิ่นเทียนร้อนใจทันที
“เจ้าคิดมากไปแล้ว บางทีหนิวโหย่วเต๋ออาจจะใช้ร่างทิพย์แล้วก็ได้” เกาก้วนกล่าว
“ในเวลาแบบนี้ ทุกที่อาจจะมีคนลงมือกับเขาได้ เขาไม่รวบรวมกำลังไว้ แต่ใช้ร่างทิพย์เพ่นพ่านไปทั่ว ไม่กลัวอันตรายเหรอ?” ซือหม่าเวิ่นเทียนถาม
“พอแล้ว!” ประมุขชิงตะคอก “นี่มันเวลาไหนแล้ว พวกเดียวกันยังจะเถียงกันทำไม ยังไม่คิดหาทางสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนอีกเหรอ?”
ในขณะนี้เอง มีเงาคนหลายคนลอยมา ประมุขพุทธะนำบรรดาผู้ติดตามมาแล้ว
พอเจอหน้ากัน ประมุขพุทธะก็กล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้ารอง สายลับฝั่งข้าพบว่าหนิวโหย่วเต๋อออกจากอาณาเขตดาวนิรนามแล้ว กำลังขี่มังกรดำไล่ตามกลุ่มคนปริศนาเข้ามาในทัพตะวันออก”
“…” ซือหม่าเวิ่นเทียนพูดไม่ออก
เกาก้วนกลับทำสีหน้าสงบนิ่ง
“เป็นอะไรไป? มีอะไรไม่ถูกเหรอ?” ประมุขพุทธะพบว่าซือหม่าเวิ่นเทียนมองตัวเองด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วก็พบว่าพวกประมุขชิงจ้องไปที่ซือหม่าเวิ่นเทียนพร้อมกัน
พุทธะหน้าหยกอวี้หลัวช่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเขางามหยาดเยิ้มเยือกเย็น ดวงตางามขยับๆ ช้า สังเกตปฏิกิริยาของคนกลุ่มนี้
ชั่วพริบตานั้นซือหม่าเวิ่นเทียนก็เผยสีหน้าอับจนปัญญา แล้วกุมหมัดต่อประมุขชิงอีกครั้ง “ฝ่าบาท ข้าน้อยพูดจริงทุกประโยค ไม่ใช่สายลับแค่คนเดียวที่รายงานขึ้นมา แต่เป็นสายลับหลายคนที่รายงานด่วนขึ้นมาพร้อมกัน หนิวโหย่วเต๋อกับเถิงเฟยกำลังทำศึกใหญ่กับโค่วหลิงซวีในอาณาเขตทัพเหนือจริงๆ ขอรับ!”
ประมุขพุทธะชะงักไปครู่เดียว แล้วถามว่า “สถานการณ์เป็นยังไงกันแน่?”
ประมุขชิงเล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ ทันที ประมุขพุทธะขมวดคิ้ว “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ทำไมลูกน้องเจ้าไม่รายงานตั้งแต่แรก ทำไมมารายงานเอาป่านนี้?” ประมุขชิงจ้องซือหม่าเวิ่นเทียน
ซือหม่าเวิ่นเทียนถอนหายใจ “ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกควบคุมการใช้ระฆังดารามาตลอด เบื้องล่างหาโอกาสส่งข่าวมาไม่ได้เลยขอรับ ถือโอกาสตอนสู้กันวุ่นวายถึงได้รายงานข่าวมาได้!”
หลายคนตรงนั้นเงียบไปครู่เดียว นี่เป็นเรื่องปกติ
“จุดที่เกิดศึกใหญ่คือตรงไหน?” ประมุขพุทธะถามซือหม่าเวิ่นเทียน
“ทัพเหนือ สายระกา ในน่านฟ้ามะเมียซิน” ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบ
ประมุขพุทธะหันกลับมาบอกทันที “ให้คนของพวกเราตรวจสอบสักหน่อย”
“รับทราบ!” ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างหลังเขาเอ่ยรับคำสั่งทันที
ประมุขพุทธะออกคำสั่งแล้ว ทุกคนก็ทำได้เพียงอดใจรอไว้ก่อน เพราะว่าจะไม่ยืนยันข่าวก็ไม่ได้ จะเพ่นพ่านไปทั่วโดยยังไม่สืบสถานการณ์ให้ชัดเจนได้อย่างไร
ในเวลานี้ทำได้เพียงหวังพึ่งช่องทางข่าวสาวของประมุขพุทธะแล้ว นอกจากสายลับฝั่งตำหนักสวรรค์จะถูกสมาคมวีรชนก่อกวน ตระกูลเซี่ยโห้วก็ต้องแอบลงมือด้วยแล้วเช่นกัน ถูกก่อกวนจนวุ่นวายเละเทะกลายเป็นอย่างนี้แล้ว ตอนนี้กลับเป็นเวลาแสดงบทบาทของศิษย์ชาวพุทธของประมุขพุทธะที่กระจายตัวกันตามที่ต่างๆ พวกเขามีจำนวนมากทั้งยังกระจายตัวกันอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะกวาดล้างหมดได้ในครั้งเดียว ต่อให้เป็นตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่มีทางทำลายภายในเวลาสั้นๆ
หลังจากรอได้สักพักหนึ่ง ศิษย์คนนั้นก็ตอบว่า “ท่านอาจารย์ ทางฝั่งนั้นกำลังเกิดศึกใหญ่จริงๆ”
“มีกำลังพลเท่าไหร่?” ประมุขชิงถามทันที
ศิษย์คนนั้นตอบว่า “ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆ มีกำลังพลเยอะมาก ลองนับดูคร่าวๆ คาดว่าต้องมากกว่าหกเจ็ดพันล้านแน่นอน! ส่วนเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อ เถิงเฟยกับโค่วหลิงซวีอยู่หรือไม่ ศิษย์คนนั้นไม่กล้ายืนยัน เขาเองก็ไม่เคยเห็นหน้าสามคนนั้นด้วย”
ประมุขชิงและประมุขพุทธะสบตากันแวบหนึ่ง ไม่ต้องพูดอะไรมากอีกแล้ว ตอนนี้คนที่ปล่อยกำลังพลจำนวนมากขนาดนั้นออกมาก่อกวนได้ นอกจากพวกนั้นก็ไม่มีใครอีกแล้ว
“ตามสถานการณ์ที่ทูตซ้ายเพิ่งรายงาน เห็นได้ชัดว่าเถิงเฟยถูกหนิวโหย่วเต๋อฮุบรวมแล้ว กลายเป็นเหยื่อล่อของหนิวโหย่วเต๋อเพื่อสู้กับโค่วหลิงซวี…หนิวโหย่วเต๋อ หมาป่าโฉดชั่วทะเยอทะยาน เกรงว่าโค่วหลิงซวีคงอยู่ในอันตรายแล้ว!” ประมุขพุทธะกล่าวช้าๆ
“ซ่างกวน ติดต่อโค่วหลิงซวี บอกเขาว่าให้เขายืนหยัดไว้ ข้าจะไปช่วยเดี๋ยวนี้…หวังว่าเขาจะยืนหยัดไหว!” ประมุขชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วโบกมือตะโกนสั่งต่อไปว่า “ระดมทัพใหญ่ออกเดินทาง!”
กำลังพลกลุ่มใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว เกี้ยวมังกรทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง เร่งตามไปยังจุดที่ทำศึกกัน ส่วนหนิวโหย่วเต๋อที่ขี่มังกรดำอะไรนั่น ตอนนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว
จ้านหรูอี้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวมังกรเอียงหน้ามองดาราจักรนอกหน้าต่าง ในแววตาที่เลื่อนลอยเผยความรู้สึกซับซ้อนที่บรรยายออกมาได้ยาก
ฮุบรวมกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไท่เจ๋อ โจมตีชนะกองทัพองครักษ์แปดร้อยล้าน ทั้งยังฮุบกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของเถิงเฟยอีก ตอนนี้กำลังมองข้ามหัวทัพใหญ่ของประมุขชิงและประมุขพุทธะ บัญชาการทัพสู้กับทัพใหญ่สามร้อยล้านของโค่วหลิงซวี พลังอำนาจที่เหมือนจะฮุบกลืนใต้หล้านี้ทำให้จ้านหรูอี้ทั้งตื่นเต้นฮึกเหิม ทั้งทำสายตาตื่นตะลึง นั่นใช่คนเดียวกับที่เคยสู้กับนางแล้วโดนนางดูถูกหรือเปล่า?
เมื่อก่อนนางมักรู้สึกว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมกับตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ด้อยกว่าหนิวโหย่วเต๋อ ต่างกันก็แค่ตัวเองเป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่ในครั้งนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นนางจะทำได้ถึงขั้นหนิวโหย่วเต๋อเหรอ? ใครก็บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อเชี่ยวชาญการรบ ครั้งนี้นางยอมแพ้จากใจจริงแล้ว แน่ใจนะว่าตัวเองไม่มีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและความสามารถนี้
เมื่อย้อนกลับไปมองวิถีที่หนิวโหย่วเต๋อผงาดขึ้นมาตลอดทาง การที่อิ๋งจิ่วกวงท่านตาของตัวเองโดนโค่นล้มก็เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อ ในปีนั้นกล้าใช้กำลังพลหนึ่งแสนสู้กับทัพเกรียงไกรหลายล้านของท่านตา ฮ่าวเต๋อฟาง อ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ก็ล้มด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้พอดูอีกครั้งก็จะพบว่า หนิวโหย่วเต๋อเผยเค้าลางที่จะสู้กับวีรบุรุษในใต้หล้ามาตั้งนานแล้ว
ตอนนี้กำลังหทารของหนิวโหย่วเต๋อก็ชี้ไปที่โค่วหลิงซวีอีก เมื่อครู่นี้ฟังจากที่พวกเขาพูด โค่วหลิงซวีตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เหมือนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนิวโหย่วเต๋อ นางสามารถจินตนาการได้เลย หนิวโหย่วเต๋อไร้สิ่งใดต้านมาตลอดทาง สุดท้ายจะต้องทำศึกตัดสินกับประมุขชิงและประมุขพุทธะแน่นอน!
ถ้าหากทำสำเร็จ ปณิธานอันยิ่งใหญ่และผลงานนี้ก็ถึงขั้นเหนือกว่าประมุขชิงและประมุขพุทธะด้วยซ้ำ ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ประมุขชิงและประมุขพุทธะยังทำให้อำนาจใหญ่ฝ่ายต่างๆ สงบไม่ได้ แต่พลังอำนาจที่หนิวโหย่วเต๋อแสดงออกมากลับทำลายสี่อ๋องสวรรค์ ในศึกสุดท้ายช่วงชิงความเป็นใหญ่ในใต้หล้า มาดูกันว่าใครจะมีอำนาจชี้ขาดใต้หล้านี้!
ในหัวจ้านหรูอี้ฉายภาพทัพใหญ่นับไม่ถ้วนห้อมล้อมหนิวโหย่วเต๋อเข้ามา นางก้มหน้าลงช้าๆ ลูบท้องนูนของตัวเองเบาๆ หรือบางทีที่ผ่านมาตัวเองจะคิดมากไปเองทั้งนั้น ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ
จู่ๆ อิ๋นซวงไป๋เสวี่ยก็พบว่าจ้านหรูอี้ที่ยิ้มยากพลันเผยรอยยิ้มออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น เผยความงดงามอ่อนโยนของผู้หญิงออกมาแล้ว เพียงแต่ตรงหัวตามีน้ำตารื้นหยดหนึ่ง…
เสียงเข่นฆ่าดังสะเทือนดาราจักร เมื่อเห็นทัพใหญ่หมดหวังที่จะรวมกันแล้ว ทัพอารักขาข้างกายร่วงระนาวเป็นแถบภายใต้การยิงโจมตีจากทัพใหญ่ของหนิวโหย่วเต๋อ โค่วหลิงซวีก็โกรธจัดจนผมตั้งชัน อยากจะสังหารฝ่าออกไปสู้ตายกับหนิวโหย่วเต๋อสักยก ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่อีกฝ่ายที่กำลังโจมตีกระบวนทัพมีขนาดใหญ่เกินไปจริงๆ ถ้าเขาพุ่งออกไปก็มีแต่จะตายสถานเดียว ไม่มีสิทธิ์สู้ตายกับอีกฝ่ายเลย
เมื่อมองไปรอบๆ เห็นลูกน้องที่ติดตามเขามาหลายปี ลูกน้องที่ถวายชีวิตรับใช้เขามาหลายปีโดนยิงร่วงเป็นแถบๆ แต่ตัวเองกลับไร้ความสามารถที่จะช่วยเหลือ อีกทั้งลูกน้องที่จงรักภักดีเหล่านั้นก็ยังคงสู้ตายเพื่อปกป้องตนด้วย โค่วหลิงซวีรู้สึกราวกับมีเลือดออกในใจ เขากัดฟันจ้องเหมียวอี้ที่อยู่ในค่ายทัพฝ่ายศัตรู แล้วหยิบระฆังดาราขึ้นมา
ถังเฮ่อเหนียนเผยสีหน้าตึงเครียด ในมือถืออาวุธเอาไว้
โค่วเจิงที่เบียดอยู่ข้างกายสีหน้าแย่มาก แม้ภายนอกจะพยายามทำตัวสุขุมเยือกเย็น แต่สายตาหวาดกลัวนั้นยากจะปิดบัง เขาไม่เคยเห็นศึกใหญ่ที่มีขนาดมโหฬารและน่าหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน!
ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ก็ล้วนมองออก ว่าครั้งนี้ไม่สามารถเอาชนะหนิวโหย่วเต๋อได้เลย
สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ นึกถึงตอนที่ตัวเองเคยมองเหยียดและดูถูกต่อหน้าหนิวโหย่วเต๋อ ทั้งยังมีพฤติกรรมและคำพูดที่ไม่ค่อยสุภาพพวกนั้นด้วย
ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อจะได้เป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้แล้ว แต่ที่จริงในใจเขาก็ยังดูถูกดูแคลนอีกฝ่ายเหมือนเดิม เขามีพลังใจที่จะมองเหยียดหนิวโหย่วเต๋อได้ เนื่องจากตัวเองมีชาติกำเนิดสูงส่งโดยธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้ เขาหวาดกลัวแล้วจริงๆ เขาไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าหลังจากตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว อีกฝ่ายจะทำอย่างไรกับเขา ไม่กล้าจินตนาการว่าหนิวโหย่วเต๋อจะล้างแค้นเขาอย่างไร
…………………………
พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท