ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 408 มาถึงหมู่บ้านเหมย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 408 มาถึงหมู่บ้านเหมย

บทที่ 408 มาถึงหมู่บ้านเหมย

แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวออกมา หากแต่ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ

โทสะของกุ้ยซื่อทวีคูณยิ่งขึ้น “เจ้าพ่อค้าสารเลวนั่น มาดูกันว่าถ้าข้าจับเขาได้แล้วจะทำอย่างไร!”

กุ้ยซื่อกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง แต่ก็กลับมากังวลเกี่ยวกับชุนเจียวอีกครั้ง เมื่อมองดูหมู่บ้านเหมยที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ กุ้ยซื่อก็รู้สึกสิ้นหวังในใจ “ชุนเจียวของข้า เจ้าอยู่ที่ไหน! ฮึก ฮือ…”

กุ้ยสวิ้นเหอที่เห็นกุ้ยซื่อร้องไห้อย่างโศกเศร้า จึงรีบเข้าไปโอบกอดนางเอาไว้ และตบหลังเบา ๆ เพื่อปลอบใจ “เจ้าไม่ต้องกังวล พวกเรามาถึงแล้วก็รีบไปหากันเถอะ! จะต้องหานางเจอได้แน่!”

กุ้ยสวิ้นเหอกล่าว ทว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจ

คนพายเรือผู้นั้นเห็นกุ้ยชุนเจียวเป็นคนสุดท้าย แต่ถ้าชุนเจียวออกไปจากหมู่บ้านเหมยแห่งนี้แล้วล่ะ? ถ้านางออกไปจากที่นี่แล้วจริง ๆ ใครจะรู้?

“ท่านลุง ท่านป้า บอกข้ามาก่อนว่าเงินในถุงของพวกป้ามีเท่าไร? นอกจากปิ่นปักผมสีทอง ชุนเจียวยังเอาของมีค่าอะไรไปอีกหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม

หากชุนเจียวเอาของมีค่าไปมากมาย และคนพายเรือบอกว่าเงินที่พวกนางใช้เป็นค่าโดยสารล้วนมาจากถุงเงินนั่น เช่นนั้นคงจะเป็นเงินของชุนเจียวแน่นอน

เมื่อกู้เสี่ยวหวานคิดถึงสิ่งนี้ นางก็เดาออกแล้วว่าพ่อค้าผู้นั้นน่าจะหลอกให้กุ้ยชุนเจียวหนีไปกับเขา

เขาคงสั่งให้กู้ชุนเจียวเก็บของมีค่าที่บ้านมา จากนั้นก็พากู้ชุนเจียวหนีไป

หากพ่อค้าตั้งใจเช่นนั้น พวกเราก็ต้องตามหากุ้ยชุนเจียวให้เร็วที่สุด มีคนเคยกล่าวเรื่องตลกไว้ว่า เศรษฐีสาวที่หนีไปกับเด็กหนุ่มที่ยากจน และลงเอยด้วยการขายตัวในหอนางโลม แม้ว่าพวกเขาบอกว่าเป็นเรื่องตลก แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับกุ้ยชุนเจียว

“มี ข้ามีสร้อยข้อมือเงินกับต่างหูหยกเล็ก ๆ หนึ่งคู่!” กุ้ยซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอีกว่า “ยังมีเงินอยู่ในถุงนั่นอีกหนึ่งตำลึงเงิน!”

กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ไปกันเถอะ ไปตามหาโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ และยิ่งเล็กเท่าไรก็ยิ่งดี!”

ถ้ากู้เสี่ยวหวานเดาไม่ผิด พ่อค้าน่าจะไม่รู้จักใครในหมู่บ้านเหมย ดังนั้นเขาคงไม่มีที่อยู่แน่นอน ถ้าเขาไม่มีที่อยู่ เขาก็จะไปอยู่ที่โรงเตี๊ยมเป็นแน่ แต่กุ้ยชุนเจียวมีเงินไม่มาก โรงเตี๊ยมใหญ่ ๆ พวกนางคงจะจ่ายไม่ไหว และเพื่อที่จะปิดหูปิดตาของผู้คน พวกนางจะไปที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ แน่นอน ยิ่งซ่อนตัวได้มิดชิดเท่าไรยิ่งดี ด้วยวิธีนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนพบพวกนาง

ทั้งสี่เริ่มแยกกลุ่มกัน

กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือเริ่มมองหาโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ และเมื่อพวกเขาพบก็เข้าไปข้างในและถามว่าพวกเขาเห็นกุ้ยชุนเจียวหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะไปสักกี่ที่ พวกเขาก็ตอบว่าไม่เห็น เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าใกล้จะหาในถนนสายนี้จนสุดแล้ว นางพลันกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าทางด้านกุ้ยซื่อเป็นอย่างไรบ้าง

ท้องของกู้เสี่ยวหวานส่งเสียงประท้วงด้วยความหิว หากแต่นางไม่มีทางเลือก กู้เสี่ยวหวานต้องการหากุ้ยชุนเจียวให้พบโดยเร็วที่สุดโดยไม่คำนึงถึงการประท้วงในท้องของนางเลย นางติดตามฉินเย่จือไปทุกที่

ในที่สุดก็มาถึงโรงเตี๊ยม ลูกจ้างของโรงเตี๊ยมรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานบรรยายถึงสองคนนั้น “หึ ท่าทางดูยากจนถึงเพียงนั้น ไม่ใช่แค่ไม่อยู่ในโรงเตี๊ยมนี้ แต่พวกเขายังดูถูกข้าอีก! ลองไปหาในโรงเตี๊ยมข้างหน้าที่หรูหราดูสิ!”

ลูกจ้างผู้นั้นมีท่าทางโกรธเคือง กู้เสี่ยวหวานรีบเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชาย ข้าขอโทษ นั่นเป็นคนในครอบครัวของข้า ถ้าพวกนั้นทำให้ท่านขุ่นเคืองมาก ข้าจึงอยากจะขอโทษ” หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวจบ นางก็หยิบเงินออกมาจากถุงเงินหลายสิบเหรียญและยื่นมันให้ลูกจ้างคนนั้นพลางกล่าวอย่างเกรงใจว่า “พี่ชาย นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า ท่านรับไปเถอะ”

ครั้นลูกจ้างผู้นั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานมอบเงินให้เขา ดวงตาของเขาเป็นประกายในทันที เขาหยิบเงินและใส่ไว้ในเสื้อของเขา จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางช่างมีเหตุผล ถ้าอยากถามอะไรก็ถามมาได้เลย!”

“วันนี้คนที่มาที่นี่มีผู้ชายอายุประมาณสิบแปดปีและเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีบ้างหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานยังบรรยายถึงเสื้อผ้าที่กุ้ยชุนเจียวสวมใส่ในวันนี้

เมื่อลูกจ้างผู้นั้นได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “ใช่แล้ว เป็นพวกเขาทั้งสองคนแน่! ชายผู้นั้นจับมือเด็กหญิงมาหาข้าเพื่อเปิดห้อง ทันทีที่ได้ยินว่าราคาคืนละสี่สิบเหรียญทองแดง หน้าก็หม่นลงทันทีและบอกเด็กสาวข้าง ๆ ว่าบรรยากาศที่นี่ไม่ดีเลยจึงอยากเปลี่ยนที่ หึ ถ้าที่นี่ดูไม่ดีก็ไม่ควรเข้ามาตั้งแต่ทีแรกสิ! ท่าทางเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดว่าที่นี่แพง” ลูกจ้างผู้นั้นบอกว่าที่นี่คือโรงเตี๊ยมที่ถูกที่สุดในหมู่บ้านเหมย แต่สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่ได้แย่ที่สุด ถ้าไม่อยู่ที่นี่ก็สามารถไปได้เพียงต้าย่วนจื่อที่ราคาคืนละสิบเหรียญเท่านั้น”

ต้าย่วนจื่อ? คืนละสิบเหรียญ?

“ต้าย่วนจื่อคืออะไร?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“ต้าย่วนจื่อเป็นโรงเตี๊ยมในหมู่บ้านเหมย เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่มีเพิงไม้เล็ก ๆ ไม่มีอะไรในนั้นนอกจากเตียงและโต๊ะที่ผุพัง ที่นั่นมีราคาถูกที่สุด และเป็นที่นี่นักเดินทางที่ไม่มีเงินเลือกที่จะไปอยู่” ลูกจ้างคนนั้นกล่าวอย่างดูถูก

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยิน ดวงตาของนางก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะไปที่ต้าย่วนจื่อได้อย่างไร?”

“ออกไปจากที่นี่ เดินไปทางทิศตะวันตกจนสุดถนน แล้วเจ้าจะไปถึงเขตชานเมืองหมู่บ้านเหมย ที่นั่นมีประชากรเบาบาง เด็กผู้หญิงที่อยู่ที่นั่นล้วนมีชะตากรรมที่เลวร้าย!” ลูกจ้างคนนั้นมีเจตนาดีและเมื่อคิดถึงครอบครัวของหญิงสาวที่ไปอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยชายร่างใหญ่ก็กังวลเล็กน้อย “ในต้าย่วนจื่อ คนที่อยู่ที่นั่นมีแต่ชายฉกรรจ์ หรือไม่ก็ภรรยาที่ตามสามีไป การที่เด็กสาวไปอยู่ที่นั่นเพียงลำพังเป็นเรื่องที่อันตรายมาก!”

กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือมองหน้ากัน ความกังวลฉายชัดอยู่ในแววตาของทั้งคู่

หลังจากขอบคุณลูกจ้างผู้นั้น กู้เสี่ยวหวานก็รีบไปยังสถานที่ที่ตกลงกับพวกกุ้ยซื่อไว้ทันที นางเห็นสามีและภรรยากุ้ยรออยู่ที่นั่นอย่างใจจดใจจ่อจากระยะไกล

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมา ทั้งคู่ก็รีบไปข้างหน้าเพื่อเอ่ยถามด้วยท่าทางที่คาดหวัง “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้าเจอหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะ และก่อนที่นางจะได้อ้าปาก นางก็เห็นใบหน้าของกุ้ยซื่อมืดลงทันทีด้วยท่าทางสิ้นหวัง “สาวน้อยผู้น่าสงสารของข้า!”

ฉินเย่จือจึงกล่าวอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกังวล ลูกจ้างจากโรงเตี๊ยมบอกว่าเขาเห็นลูกสาวของท่าน และบอกให้เราไปในที่ที่หนึ่ง พวกเรารีบไปที่นั่นกันเถอะ!”

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินเรื่องนี้ นางก็รีบกลั้นน้ำตา ดึงกู้เสี่ยวหวานและกล่าวว่า “ไป พวกเราไปกันเถอะ!”

ทุกคนเดินไปตามถนนที่ลูกจ้างคนนั้นบอก และมุ่งหน้าไปทางตะวันตกอีกครั้งโดยไม่หยุดพัก ถนนหนทางเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ยิ่งเดินก็ยิ่งเงียบ ในท้ายที่สุดก็ไม่เห็นคนเดินแม้แต่คนเดียว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

กุ้ยชุนเจียวหนีไปที่ไหนกันนะ จะหานางเจอกันหรือไม่เนี่ย

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท