บทที่ 410 หลงใหลไปกับคำหวาน
บทที่ 410 หลงใหลไปกับคำหวาน
ร่างกายกุ้ยซื่อสั่นสะท้านพลางชี้ไปที่เครื่องเรือนภายในห้องด้วยแววตาเศร้าสร้อย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ “สวรรค์ เหตุใดมันช่างทรุดโทรมเช่นนี้ คนสามารถอยู่ได้จริงหรือ? ชุนเจียว เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!”
ไม่คาดคิดว่ากุ้ยชุนเจียวจะมีใบหน้าที่ดูเฉยเมย และคำพูดที่กล่าวออกมาก็ราวกับว่านางไม่กลัวว่าจะโดนกุ้ยซื่อทุบตีเลยสักนิด
“ตราบเท่าที่ข้าได้อยู่กับพี่หมิ่น ข้าก็ไม่กลัวภูเขาดาบและทะเลเพลิง*[1]! นอกจากนี้ พี่หมิ่นบอกว่า เขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินและทำให้ข้ามีความสุขในความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไปตลอดชีวิตที่เหลือของข้า”
“เขาจะทำให้เจ้าเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งอย่างนั้นหรือ?” กุ้ยซื่อกัดฟันแน่น ชี้ไปที่ภายในและภายนอกบ้านด้วยนิ้วที่สั่นเทา “ที่แห่งนี้…!” คำพูดของกุ้ยซื่อติดอยู่ในลำคอไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้
เด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม เมื่อกุ้ยชุนเจียวอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนั้น กุ้ยซื่อรู้สึกเหมือนมีหนามติดอยู่ในลำคอ มันเจ็บเมื่อนางกลืนเข้าไป แต่นางไม่สามารถคายมันออกมาได้
ในตอนแรก กุ้ยชุนเจียวคิดว่ากุ้ยซื่อเห็นด้วยกับการที่พวกตนเองจะอยู่ด้วยกัน จึงเปิดประตูออกมาด้วยหัวใจอันเป็นสุข แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากเปิดประตูแล้วจะถูกมารดาตำหนิ ดวงตาไม่ใช่ดวงตาและจมูกไม่ใช่จมูก ใบหน้าของกุ้ยชุนเจียวบิดเบี้ยวยิ่งขึ้น และนางก็ตวาดเสียงดังลั่น “ท่านแม่ เมื่อครู่นี้ท่านไม่ได้เห็นด้วยที่จะให้ข้าและพี่หมิ่นอยู่ด้วยกันหรอกหรือ! เหตุใดท่านแม่ถึงกล่าวหาพี่หมิ่นอีกแล้วล่ะ ไม่แปลกใจที่พี่หมิ่นบอกว่าท่านทั้งดุทั้งไร้เหตุผล และจะทำลายชีวิตข้า ท่านมาตามหาข้าด้วยเหตุใดกัน มันไม่ง่ายเลยที่ข้าจะมาอยู่กับพี่หมิ่นได้เช่นนี้”
เหตุใดกุ้ยชุนเจียวจึงดื้อรั้นยิ่งนัก พ่อค้าพานางไปอยู่ในสถานที่เช่นนั้น และเกลี้ยกล่อมว่าจะทำให้นางมีความสุขในอนาคต นั่นจะเป็นวิธีที่ทำให้นางมีความสุขได้จริงอย่างนั้นหรือ? เขารักนางจริงอย่างนั้นหรือ?
นี่มันเป็นการหลอกลวงนางชัด ๆ นางเชื่อคำพูดแบบนั้นลงไปได้อย่างไร
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กุ้ยชุนเจียวที่ปกป้องพ่อค้าผู้นั้น นางพูดไม่ออกจริง ๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่าสตรีที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักจะทำให้ระดับสติปัญญาเป็นศูนย์
หากพ่อค้าคิดอย่างจริงใจเกี่ยวกับกุ้ยชุนเจียว เขาจะไม่พานางหนีไปแน่ เขาจะทำให้กุ้ยชุนเจียวตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายได้อย่างไร
ถ้าเขารักนางจริง เขาจะถือของขวัญหมั้นอันล้ำค่าที่สุดและจัดงานแต่งงานกับนาง แต่ตอนนี้พ่อค้าได้ใช้วิธีที่เลวร้ายที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
คนนอกสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนกว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้น
ในใจนางมีความคิดเดียวว่าพี่หมิ่นรักนางสุดหัวใจ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็เป็นเพราะว่าเขารักนาง แม้ว่าเขาจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงเพียงใด ก็เป็นเพราะเขารักนาง
“เจ้าโง่ ไม่รู้หรือว่าเจ้าจะเสื่อมเสียชื่อเสียง!” กุ้ยคำราม “เจ้าเพิ่งหนีไปกับผู้ชาย ในอนาคตเจ้าจะแต่งงานได้อย่างไร? แล้วเจ้าจะเงยหน้าอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างไร?”
กุ้ยชุนเจียวดูเหมือนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้หญิงสูญเสียชื่อเสียง ท่าทางของนางราวกับว่าไม่กลัวเลยสักนิด
“หึ ข้าไม่กลัว! พี่หมิ่นจะแต่งงานกับข้า! ข้าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น ในชีวิตนี้ ข้าจะแต่งงานกับพี่หมิ่นเท่านั้น!” กุ้ยชุนเจียวหัวแข็ง และไม่สนใจว่ากุ้ยซื่อจะพูดอะไร
“ชุนเจียว สถานที่แห่งนี้มีผู้คนหลากหลาย มันไม่สะดวกสำหรับเจ้าที่จะอยู่ที่นี่ พวกเราจองโรงเตี๊ยมในเมืองไว้แล้ว เจ้ารีบไปเก็บของแล้วกลับไปกับพวกเรา!” กู้เสี่ยวหวานเห็นคนเริ่มมามุงดูเหตุการณ์ และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งต่าง ๆ เลวร้ายลง นางจึงกล่าวอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่ไป พี่หมิ่นยังไม่กลับมา” กุ้ยชุนเจียวปฏิเสธ
“แล้วถูหมิ่นผู้นั้นไปไหนแล้ว?” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างอย่างดุดัน เขาหายตัวไปแล้ว แต่เขาทิ้งลูกสาวของตนไว้ในสถานที่อันตรายแห่งนี้ ในสถานที่เช่นนี้ ยกเว้นผู้หญิงสองสามคนนั้น คนอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ หากคนเหล่านั้นมีเจตนาไม่ดี เพิงไม้เล็ก ๆ แห่งนี้จะไม่สามารถปกป้องความปลอดภัยของกุ้ยชุนเจียวได้เลย
หากกุ้ยชุนเจียวอยู่ในเพิงไม้เล็ก ๆ แห่งนี้สักคืนหนึ่งจริง หากมีใครบางคนเอาไปพูด ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้าคนพูดกันไปแล้วก็คงจะทำอะไรไม่ได้
แต่กุ้ยชุนเจียวไม่กลัว นางเชิดหน้าขึ้นมองด้วยความรังเกียจ “พี่หมิ่นไปในเมืองเพื่อหาเงิน!”
กุ้ยซื่อมองกุ้ยชุนเจียวอย่างตกตะลึงและเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า “ปิ่นปักผมสีทองบนศีรษะของเจ้าอยู่ที่ไหน? ต่างหูอยู่ที่หูของเจ้าอยู่ที่ไหน?” กุ้ยซื่อรีบจับมือกุ้ยชุนเจียว ซึ่งก็ว่างเปล่าเช่นกัน “แล้วกำไลข้อมือล่ะ? มันไปไหนหมด?”
เมื่อกุ้ยชุนเจียวได้ยินกุ้ยซื่อถามว่าของหายไปไหน จึงคิดถึงเรื่องที่พี่หมิ่นเคยพูดกับนางไว้ว่า แม่ของตนเป็นคนเห็นเงิน ตาก็ลุกวาว กุ้ยชุนเจียวไม่เคยเชื่อเลย จนกระทั่งในตอนนี้ เมื่อได้ยินกุ้ยซื่อเอ่ยถามตนเรื่องสิ่งของมีค่าเหล่านั้น จากที่เคยไม่เชื่อก็เปลี่ยนเป็นเชื่อแล้ว นางแสดงสีหน้าไม่พอใจ “ท่านแม่ พี่หมิ่นพูดถูกจริง ๆ ท่านแม่ห่วงแต่เงินของท่าน ท่านแม่ต้องการแค่เงิน ท่านเห็นข้าเป็นอะไรกัน? เป็นเครื่องมือสำหรับหาเงินหรือ?”
กุ้ยซื่อรู้สึกสิ้นหวัง ในใจของลูกสาวคนนี้เต็มไปด้วยพ่อค้าผู้นั้น นางไม่ฟังคำพูดของตนเลย ไม่ว่าตนเองจะกล่าวอะไรไป กุ้ยชุนเจียวก็จะคิดว่าผิด แต่พอเป็นพ่อค้าคนนั้น ไม่ว่าอะไรก็ถูกไปเสียหมด
เมื่อเห็นความสิ้นหวังบนใบหน้าของกุ้ยซื่อ กู้เสี่ยวหวานเดาได้ถึงความกังวลของกุ้ยซื่อ และเอ่ยถามว่า “สิ่งของในตัวของเจ้าถูกพี่หมิ่นเอาไปใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว!” กุ้ยชุนเจียวไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ จะตามมา แม้ว่านางจะสงสัย แต่นางก็กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” กุ้ยสวิ้นเหอตำหนิกุ้ยชุนเจียว “ช่างไร้ยางอายสิ้นดี! เจ้าอายุแค่สิบสองปี แต่กลับคิดที่จะหนีไปกับคนอื่น เจ้าพูดว่า เจ้า…” กุ้ยสวิ้นเหอหายใจไม่ทั่วท้อง พูดแต่คำว่าเจ้าออกมาอยู่นานและพูดคำอื่นไม่ออก ทำได้แค่ลูบหน้าอกอยู่อย่างนั้น
เมื่อเห็นว่าใบหน้าพ่อของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ นางถึงกับพูดไม่ออก และเขายังด่านางว่าไร้ยางอาย กุ้ยสวิ้นเหอไม่เคยตะโกนใส่นางเลย แต่คราวนี้พ่อกลับด่านาง! น้ำตาของกุ้ยชุนเจียวเอ่อล้นในทันที นางสะอื้นและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านด่าข้า!”
กู้เสี่ยวหวานมองอย่างเย็นชาจากด้านข้าง กุ้ยชุนเจียวผู้นี้กินยาที่พ่อค้าคนนั้นให้อย่างนั้นหรือ? ไม่ว่าสามีภรรยากุ้ยจะกล่าวอะไรก็ล้วนผิดไปหมด และยังคิดว่ากุ้ยซื่อต่อต้านพ่อค้าคนนั้นอีก!
กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าอย่าตื่นเต้นไปก่อนเลย เก็บข้าวของแล้วไปในเมืองด้วยกันเถอะ ที่นี่สกปรกและทรุดโทรมจริง ๆ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงไม่ควรอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้ อีกอย่างเจ้ากับพี่หมิ่นก็เดินทางมาทั้งวันแล้ว พวกเจ้าน่าจะเหนื่อยแล้ว เจ้าคงจะอยากอาบน้ำอุ่น ๆ แล้วนอนหลับฝันหวานใช่หรือไม่? เจ้าดูที่นี่สิ แล้วการเข้าห้องน้ำล่ะ สำหรับพี่หมิ่นก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็คงจะไม่ปลอดภัย!”
*[1] หมายถึง สถานการณ์ที่อันตรายและยากลำบากมาก