บทที่ 412 ความอ่อนโยนของครอบครัวกุ้ย
บทที่ 412 ความอ่อนโยนของครอบครัวกุ้ย
เมื่อชายผู้นั้นนั้นเห็นสีหน้าประหลาดใจและไม่เชื่อของกุ้ยชุนเจียวที่ยืนอยู่อย่างโง่เขลา เขากลัวว่ากุ้ยชุนเจียวจะคิดว่าเขาพูดให้ร้ายกับถูหมิ่น และเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง เขาจึงรีบชี้ไปที่คนสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ และกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาได้ พวกเขาอยู่กับถูหมิ่นด้วยและรู้จักกันมาหลายปีแล้ว พวกเขารู้ว่าถูหมิ่นเป็นคนอย่างไร หากข้าพูดเท็จก็ขอให้โดนฟ้าผ่าตาย” เมื่อชายผู้นั้นเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวไม่เชื่อในตัวเขา ชายผู้นั้นกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าเขาใส่ร้ายถูหมิ่น ดังนั้นเขาจึงรีบสาบาน
เขาหยุดชะงักชั่วคราว มองไปที่กุ้ยชุนเจียวและกล่าวด้วยความสงสัย “สาวน้อย เจ้าคงไม่ได้ถูกถูหมิ่นหลอกมาใช่หรือไม่? เขาสาบานกับเราเมื่อวานนี้ว่าเขาได้โชคลาภแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนเราที่ต้องเดินเร่ร่อนไปทั่วอีกต่อไปแล้ว! ทั้งยังบอกอีกว่า หลังจากนี้ในทุกวัน ๆ แค่นั่งอยู่ที่บ้านก็จะมีเงินให้ใช้ พวกเราจึงถามว่าเขาไปเอาโชคดีเช่นนี้มาจากที่ใด? คงไม่ใช่เพราะเงินของพวกเจ้าใช่หรือไม่?”
ชายผู้นั้นเดาะลิ้นของเขาสองครั้งแล้วเตือนว่า “สาวน้อย อย่าถูกหลอกโดยชายหน้าขาวถูหมิ่นนั่น เราทุกคนเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนที่เกาะผู้หญิงกินแน่! ไม่รู้ว่าเขาไปหลอกผู้หญิงมากี่คนแล้ว ครอบครัวของผู้หญิงเหล่านั้นต้องการปิดปากเขาเรื่องชื่อเสียงของลูกสาว จึงจำต้องให้เงินค่าปิดปาก มีครั้งหนึ่งที่เขาถูกพี่ชายของหญิงสาวทำร้ายจนขาหัก เหตุใดเขาถึงยังกล้าไปหลอกผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วล่ะ?”
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใส่ร้ายพี่หมิ่นของข้า!” เมื่อกุ้ยชุนเจียวเห็นว่าในคำพูดของชายผู้นั้น ไม่มีคำใดที่พูดถึงถูหมิ่นในทางที่ดีเลย และทุกคำล้วนแต่ว่าร้ายถูหมิ่น
ว่ากันว่าถูหมิ่นเป็นไก่อ่อนที่หลอกลวงเด็กผู้หญิง และหลอกเอาเงินค่าปิดปาก
ปรากฏว่าชายหน้าขาวคนนี้เป็นพวกเกาะผู้หญิงกิน! ตอนนั้นเองที่กู้เสี่ยวหวานตระหนักได้ว่า ตอนที่นางอยู่บนเรือ นางได้ยินคู่สามีภรรยากุ้ยเถียงกัน และกู้เสี่ยวหวานก็เดาไปว่าชายหน้าขาวที่พวกเขาพูดกันก็คือคนที่หน้าตาดี
แต่เดิมทีพวกเขาหมายถึงผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน!
กุ้ยชุนเจียวยังคงกล่าวว่าคนอื่นใส่ร้ายพี่หมิ่นของนาง “ไอ้พ่อค้าเร่ร่อน ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใส่ร้ายพี่หมิ่นของข้า พี่หมิ่นของข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
ชายผู้นั้นโกรธเคืองที่กุ้ยชุนเจียวดูถูกตน น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก “สาวน้อย ข้ามีเจตนาดีกับเจ้า ถ้าเจ้าไม่ฟังก็อย่าโทษที่ข้าไม่เตือน เมื่อเจ้าหลวมตัวไปแล้ว เจ้าก็จะตกลงไปในโคลนตมตลอดชีวิตและไม่สามารถลุกขึ้นได้” กล่าวจบชายผู้นั้นก็จ้องไปที่กุ้ยชุนเจียว แล้วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าไม่ฟัง เจ้าก็สมควรที่จะถูกหลอก!” เมื่อกล่าวจบ เขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
กู้เสี่ยวหวานค่อนข้างชื่นชมชายผู้นี้ ประโยคนี้ที่เขากล่าวนั้นล้วนเป็นความจริง
เมื่อมองไปที่กุ้ยชุนเจียวอีกครั้ง นางก็รู้สึกโกรธมากและกำลังจะเอ่ยสาปแช่งถูหมิ่น
กุ้ยซื่อมองไปที่กุ้ยชุนเจียวด้วยความผิดหวัง “คนอื่นพูดถึงขนาดนี้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ได้สติอีก? ถูหมิ่นผู้นั้นกล่าวคำหวานอะไรกับเจ้ากันแน่ ถึงทำให้เจ้าหลงใหลเขาถึงเพียงนี้?”
กุ้ยชุนเจียวได้ยินแม่ของตนด่าถูหมิ่นอีกครั้ง และคนที่รู้จักถูหมิ่นเมื่อสักครู่ก็ว่าร้ายถูหมิ่น กุ้ยชุนเจียวปิดหูและตะโกนออกมา “ข้าไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง พวกเจ้าว่าร้ายพี่หมิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร พี่หมิ่นไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
แววตาของกุ้ยชุนเจียวเต็มไปด้วยความทุกข์และความสิ้นหวัง
นางปิดหูโดยไม่รับฟังคำพูดของใครทั้งสิ้น คำพูดของชายผู้นั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนางทีละคำ และน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา “พี่หมิ่นไม่ใช่คนเช่นนั้น พี่หมิ่นไม่ใช่คนเช่นนั้น…”
กุ้ยชุนเจียวยังคงละเมอเพ้อพก แววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นด่าถูหมิ่นไว้มากเช่นนั้น ไม่ได้การแล้ว นางต้องถามพี่หมิ่นด้วยตนเอง และทำให้พวกเขาขอโทษพี่หมิ่นให้ได้
กุ้ยชุนเจียวรีบพุ่งตัวออกไป “ข้าจะไปหาพี่หมิ่นเพื่อถามให้ชัดเจนว่าพี่หมิ่นไม่ใช่คนเช่นนั้น! ไม่ใช่! ไม่ใช่!”
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไม่ได้รั้งกุ้ยชุนเจียว พวกเขาเห็นกุ้ยชุนเจียววิ่งออกไปราวกับลูกธนู
สองสามีภรรกุ้ยกำลังยุ่งกับการไล่ตามนางไป พลางไล่ตามพลางตะโกนเรียก “ชุนเจียว เจ้าจะไปไหน! กุ้ยชุนเจียว!”
ท่าทางเช่นนั้น แม้แต่กู้เสี่ยวหวานที่เห็นก็รู้สึกประทับใจ
แม้ว่ากุ้ยซื่อนี้จะเป็นคนหยิ่งยโส ขี้ขลาด และใจร้าย แต่นางก็มีหัวใจที่รักลูก ไม่ว่ากุ้ยชุนเจียวจะทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเพียงใด กุ้ยซื่อก็ยังคงห่วงใย และเกลี้ยกล่อมกุ้ยชุนเจียวอย่างอดทนและรอจนกว่านางจะเปลี่ยนใจ
ไม่ได้ดูถูกที่กุ้ยชุนเจียวทำเรื่องที่ไร้ยางอาย
กุ้ยชุนเจียวที่ดื้อรั้นและเอาแต่ใจ แต่ก็ยังมีพ่อแม่ที่รักนาง
คนทั้งหมดวิ่งตามกุ้ยชุนเจียวไป กุ้ยชุนเจียวจะวิ่งผ่านกุ้ยสวิ้นเหอไปได้อย่างไร แต่นางก็ถูกจับได้ภายในชั่วพริบตา เขากอดกุ้ยชุนเจียวไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา และขอร้องเสียงดัง “ชุนเจียวเอ๋ย ชุนเจียว เจ้าตื่นเถิด เราเป็นพ่อแม่ของเจ้า แม่ของเจ้าแค่อยากให้ถูหมิ่นนำของขวัญหมั้นมาให้ก็เพื่อให้เจ้าแต่งงานในแบบที่สวยงาม และเพื่อที่เจ้าจะได้อยู่ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าในช่วงที่เหลือของชีวิต เจ้ามองดูตัวเจ้าตอนนี้สิ ตอนนี้เจ้าอยู่ในที่แบบใดกัน ข้ากับแม่ของเจ้าแค่เห็นก็รู้สึกปวดใจ เจ้าสงสารพ่อแม่ของเจ้าเถอะ เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเรา ข้าจะเลี้ยงเจ้าอย่างดีเอง!”
กุ้ยชุนเจียวร้องไห้ฟูมฟาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนอื่นว่าร้ายถูหมิ่น ซึ่งทำให้ใจนางอึดอัดใจ หรือเพราะกุ้ยสวิ้นเหอกล่าวคำที่ซาบซึ้งใจ และรู้สึกละอายใจที่นางเป็นคนไม่รู้ความ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าชอบพี่หมิ่น พวกท่านให้ข้าแต่งงานกับเขาเถอะ พี่หมิ่นบอกว่าในชีวิตนี้เขาจะรักข้าแค่คนเดียว หากข้าไม่แต่งกับเขา เขาจะตาย!” มาถึงตอนนี้กุ้ยชุนเจียวก็ยังคงคิดถึงแต่เรื่องของถูหมิ่น
เมื่อกุ้ยซื่อและกุ้ยสวิ้นเหอมารวมกันถึงจุดนี้ พวกเขาทำได้เพียงประนีประนอม “เอาล่ะ ข้าและแม่เจ้าจะสัญญาว่าเราจะไม่แยกเจ้ากับถูหมิ่นออกจากกัน ตกลงหรือไม่? หากเจ้าอยากอยู่กับถูหมิ่น พวกข้าก็เห็นด้วย ตราบใดที่เจ้าไม่หนีจากพวกข้าไป เจ้าอยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”
น้ำตาของกุ้ยซื่อหลั่งรินออกมา “ชุนเจียว ตราบใดที่เจ้าสบายดี ข้าจะฟังเจ้า และข้าจะตามใจเจ้า!”
กุ้ยซื่อกุมศีรษะของนางและร้องไห้ราวกับจะขาดใจ
กู้เสี่ยวหวานซึ่งมองจากด้านข้าง หยาดน้ำสีใสพลันไหลริน
กู้เสี่ยวหวานก็เคยมีพ่อแม่ที่รักตนเองแบบนี้เช่นกัน
พ่อกู้และแม่กู้คอยสนับสนุนนางอย่างไม่มีเงื่อนไข ยืนข้างหลังและพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ว่านางจะทำผิดอะไร พ่อกู้กับแม่กู้ก็จะให้อภัยนางเสมอและคุยกับนางอย่างมีเหตุผล วิเคราะห์เหตุผลเพื่อที่นางจะได้ไม่ทำผิดพลาดในจุดเดิมอีกในอนาคตแล้วล้มลง