เฉิงไท่เจ๋อกับหยางชิ่งหน้าเครียดทันที
จากคำชี้แนะของหยางชิ่งก่อนหน้านี้ พวกเขาเข้าใจเจตนาของโค่วหลิงซวีหมดแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าโค่วหลิงซวีจะซ่อนแผนสำรองเอาไว้ ไม่น่าเชื่อว่าจะลงมือสังหารทั้งตระกูลโค่วเองอย่างไม่ลังเล แล้วตอนนี้ก็จะสู้ตัวต่อตัวอีก
วิธีการนี้ช่างโหดนัก ทำเอาฝั่งนี้ลุกลี้ลุกลนรับมือไม่ถูก!
นำชีวิตของคนตระกูลโค่วมารวบรวมขวัญกำลังใจทหาร ถ้าโค่วหลิงซวีไม่ยอมสวามิภักดิ์ ต่อให้ฝ่ายเจ้าจะใช้กำลังกดดันขนาดไหน แต่ก็ยากที่จะบีบบังคับให้สวามิภักดิ์ได้ ถ้าสังหารกำลังพลของอีกฝ่ายจนหมด จนฝ่ายตัวเองก็เสียหายย่อยยับไปด้วย นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมียวอี้ต้องการ เห็นได้ชัดว่าโค่วหลิงซวีเพ่งเล็งถึงจุดนี้ ถึงได้ลงมืออย่างเหี้ยมโหดกับคนตระกูลโค่ว!
ตอนนี้โค่วหลิงซวีเอาแต่พูดว่าทำเพื่อพี่น้องของทั้งสองฝั่ง อยากจะสู้ตัวต่อตัวกับเหมียวอี้ เจ้าควรจะรับคำท้าหรือไม่ล่ะ?
โค่วหลิงซวีทำเพื่อพี่น้องของทัพเหนือถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าเหมียวอี้ยังมีหน้ามาปฏิเสธอีกเหรอ? ถ้าปฏิเสธแล้ว แล้วจะให้พี่น้องฝั่งทัพใต้มองเจ้าอย่างไร? กลัวโค่วหลิงซวีเหรอ?
กลัวหรือไม่กลัวนั้นเป็นเรื่องรอง เจ้าสามารถบัญชาการให้ทัพใหญ่โจมตีได้เลย แต่เจ้าจะไม่ได้อะไรทั้งนั้น นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว ยังทำให้ฝ่ายตัวเองเสียหายหนักมากอีกด้วย
เจตนาของโค่วหลิงซวีชัดเจนมาก เลิกคิดก็ได้เลยว่าเขาจะยอมมอบกำลังพลของตัวเองให้ไปสวามิภักดิ์แต่โดยดี ต่อให้ข้าตายข้าก็จะกัดเนื้อของเจ้าให้หลุดไปด้วยสักชิ้นหนึ่ง
แล้วถ้ารับคำท้าล่ะ? โค่วหลิงซวีเป็นอ๋องสวรรค์ที่มีความอาวุโส มีพลังไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าไม่มีความมั่นใจแล้วจะมาท้าสู้ตัวต่อตัวกับเจ้าเหรอ? ถ้าเหมียวอี้แพ้ให้กับโค่วหลิงซวี ยังไม่ต้องพูดถึงว่าทำลายขวัญกำลังใจทหาร ยังจำเป็นที่จะให้ฝั่งนี้สู้กับกำลังพลฝ่ายตรงข้ามจนเสียหายทั้งสองฝ่ายอีกหรือ? ถ้าเหมียวอี้พลาดแล้วโดนจับล่ะ อีกฝ่ายก็จะเอาชีวิตของเหมียวอี้มาขู่เข็ญ เช่นนั้นฝั่งนี้ก็ทำได้เพียงถอยทัพ เท่านี้ก็จะแก้ไขวิกฤตให้ทัพเหนือได้แล้ว
ต่อให้โค่วหลิงซวีแพ้แล้ว ก็จะเป็นอย่างที่หยางชิ่งอธิบายไว้ก่อนหน้านี้ เหมียวอี้ก็จะไม่กล้าแต่ต้องคนของตระกูลโค่วอีก เพราะต้องถามก่อนว่าทัพเหนืออนุญาตหรือเปล่า เจ้ายังคิดจะฮุบกำลังพลของอีกฝ่ายไว้ใช้ประโยชน์อย่างราบรื่นอยู่หรือเปล่าล่ะ?
“ตัดทางถอยเพื่อนเดินหน้า!” หยางชิ่งกล่าวอย่างเสียดาย แอบโทษเหมียวอี้ว่าทำให้ตัวหมากที่เดินดีอยู่แล้วกลายเป็นหมากที่แย่ เดิมทีกันกำลังพลไว้แล้ว สามารถกำจัดไปพร้อมกับโค่วหลิงซวีได้เลย พอแม่ทัพหลักล้มแล้ว ตอนหลังเมื่อจะรับกำลังพลทัพเหนืออีกก็ไม่ค่อยเปลืองแรงแล้ว เดิมทีเป็นแผนเด็ดที่ตั้งใจวางไว้อย่างดี ตอนนี้จบกัน กลายเป็นขี่หลังเสือแล้ว
เฉิงไท่เจ๋อพยักหน้าเบาๆ สีหน้าขรึมเครียด นี่คือแบบฉบับของการตัดทางถอยเพื่อนเดินหน้า ในช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้ อีกฝ่ายสามารถนำชีวิตของทุกคนในตระกูลโค่วมาเป็นตัวหมากเพื่อนเดินต่อไป ช่างสุดยอดจริงๆ เฉิงไท่เจ๋อแอบทอดถอนใจที่ตัวเองสู้ไม่ได้ พึมพำด่าว่า “หมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์!”
เหมียวอี้ที่ดูอยู่ข้างๆ กระเหี้ยนกระหือรือ หยางชิ่งรีบห้าม “ท่านอ๋อง เสี่ยงไม่ได้ขอรับ ในปีนั้นโค่วหลิงซวีผงาดขึ้นมาได้ท่ามกลางเจ้าอาณาเขต ทั้งยังปกครองอาณาเขตมาได้หลายปี ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียงแน่นอน!”
สายตาเหมียวอี้จ้องไปขี้โค่วหลิงซวี แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบว่า “แล้วข้าจะมีดีแค่ชื่อเสียงเชียวหรือ?”
เฉิงไท่เจ๋อก็รีบห้ามเช่นกัน “ท่านอ๋อง ท่านบุรุษหยางไม่ได้หมายความอย่างนี้ เพียงแต่เราไม่จำเป็นต้องตกหลุมพลางโจรเฒ่านี่!”
จะไม่ให้กังวลก็คงยาก กำลังพลของฝั่งนี้ล้วนถูกบิดขึ้นมาภายในช่วงเวลาสั้นๆ มีเพียงเหมียวอี้เท่านั้นที่จะเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของทุกคนได้ และมีเพียงเหมียวอี้ที่สยบทุกคนมาได้ตลอดทางเท่านั้นที่สามารถข่มให้ทุกคนกลัวได้ ถ้ามีเหมียวอี้อยู่ก็ไม่มีใครกล้ากระโดดโลดเต้นซี้ซั้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับเหมียวอี้ แล้วเบื้องล่างใครจะต้องยอมเชื่อฟังใครล่ะ? เขาเฉิงไท่เจ๋อจะยอมเชื่อฟังเถิงเฟยเหรอ? เถิงเฟยก็คงไม่ยอมเชื่อฟังเขาเหมือนกัน แค่กำลังพลทัพใต้ของเหมียวอี้ ดีไม่ดีก็อาจจะแบ่งแยกเป็นกลุ่มก้อนแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะบิดให้เข้ารูปจนเป็นกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า ขอเพียงไม่มีปลายเชือกที่ผูกกัน เบื้องล่างก็จะเสี่ยงกับการถูกยุบทันที
เมื่อเห็นว่าเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ทุกคนล้วนมีความหวัง จะมาล้มเหลวตอนสุดท้ายได้อย่างไรกัน
เหมียวอี้กล่าวอย่างสุขุม “อย่าบอกนะว่าจะให้ข้าถอนทัพตอนนี้? แบบนี้ก็สมใจโค่วหลิงซวีน่ะสิ? หรือจะทำศึกเลือดกับทัพเหนือให้ถึงที่สุดจะได้ชัยชนะจอมปลอมให้คนอื่นมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ?”
เฉิงไท่เจ๋อพูดไม่ออก ถ้าเลิกบุกโจมตี ก็อย่าว่าแต่เขาที่รู้สึกเสียดาย เกรงว่าต่อไปหนิวโหย่วเต๋อก็ต้องกังวลเช่นกัน ว่าจะได้ชื่อว่าโดนโค่วหลิงซวีขู่ประโยคเดียวก็ถอยแล้ว แต่ถ้าสู้ล่ะ? ชัยชนะที่แลกมาด้วยความเสียหายใหญ่หลวงนี้ เท่ากับสร้างปัญหาให้ตัวเอง ขี่หลังเสือแล้วลงยากจริงๆ
แม้แต่หยางชิ่งเองก็ยังขมวดคิ้ว รู้สึกว่าสถานการณ์นี้แก้ไขยาก
“หนิวโหย่วเต๋อ ยังลังเลอยู่ทำไม อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัว?” โค่วหลิงซวีตะโกนถามอยู่ไกลๆ เสียงดังมาก จงใจถามให้ทุกคนได้ยิน
เหมียวอี้ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “โค่วหลิงซวี เจ้าฟังให้ดีนะ ถ้าสู้กันตัวต่อตัว เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก ข้าไม่อยากสังหารเจ้า ข้าให้โอกาสเจ้าเลือกเป็นครั้งสุดท้าย นำทัพเหนือมาสวามิภักดิ์เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องเสียสละอย่างกล้าหาญอีกแล้ว! ข้าจะประกาศเป็นครั้งสุดท้าย ให้โอกาสเจ้าเลือกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว ต่อให้เจ้าคิดวางแผนเป็นร้อยวิธี ข้าก็จะตัดรากถอนโคนตระกูลโค่วแน่นอน ใครก็ปกป้องไม่ได้ทั้งนั้น!”
คำพูดนี้ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่ก็แปลกพิลึก เฉิงไท่เจ๋อกับหยางชิ่งมองไปที่เหมียวอี้พร้อมกัน ต่างก็ฟังออกถึงพลังอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่จนปกคลุมทุกอย่างได้ นั่นคือความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญอย่างหนึ่ง สามารถฮุบกลืนฟ้าดินได้!
ขณะเดียวกันก็ทำให้คนรู้สึกแปลกๆ เหมือนปิดคลุมอุบายชั้นยอดของโค่วหลิงซวีลงไปในชั่วพริบตาเดียว ก่อนหน้านี้ทุกคนกำลังสับสนวนเวียนเพราะกำลังขึ้นหลังเสือ แต่ในสายตาเหมียวอี้เหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า
อย่างน้อยกำลังพลของเหมียวอี้ที่ไม่รู้ความจริง พอได้ยินแบบนี้แล้วก็ฮึกเหิมทันที รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจของอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ผู้สง่าภูมิฐาน ไม่ได้ด้อยกว่าอ๋องสวรรค์คุมทัพเหนือเลยสักนิด!
‘ต่อให้เจ้าคิดวางแผนเป็นร้อยวิธี ข้าก็จะตัดรากถอนโคนตระกูลโค่วแน่นอนใครก็ปกป้องไม่ได้ทั้งนั้น!’ คำพูดนี้ดังก้องอยู่ในหัวโค่วหลิงซวี ทำให้เขาเบิกตากว้าง จ้องเหมียวอี้ไม่ละสายตา ชั่วพริบตานี้เขารู้สึกได้ว่าตัวเองถูกพลังอำนาจของหนิวโหย่วเต๋อกลบแล้ว เขารู้สึกกดดันเหมือนขึ้นหลังเสือ
คิดจะหลอกลวงข้าวเหรอ? โค่วหลิงซวีปลุกพลังอำนาจ ดวงตาเผยความเด็ดเดี่ยว ที่บอกว่าตัดทางถอยเพื่อนเดินหน้า เขาเองก็บีบตัวเองให้ถึงทางตันแล้วเช่นกัน ไม่มีทางถอยแล้ว ตระกูลโค่วถูกเขาฆ่าตายแทบจะหมดแล้ว ถ้ายอมสวามิภักดิ์ตอนนี้ เขาจะทนความรู้สึกได้อย่างไร? ต่อให้เขามีชีวิตต่อไปได้ ก็ไม่มีทางเงยหน้าได้เลยตลอดชีวิต!
“ทำไมต้องบ่นมาก กล้าสู้กับข้าหรือเปล่า!” โค่วหลิงซวีชี้เขาพลางตะโกนถาม
เหมียวอี้หันกลับไปพูดกับหยางเจาชิงว่า “โค่วเหวินไป๋!”
หยางเจาชิงพยักหน้า แล้วบีบหลังคอคนคนหนึ่งออกมา ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นโค่วเหวินไป๋ที่ตกอยู่ในมือเหมียวอี้ตั้งนานแล้ว
ก่อนที่จะลงมือครั้งนี้ เหมียวอี้ก็ให้คนเตรียมตัวประกันเอาไว้แล้ว คิดว่าบางทีอาจจะแสดงประโยชน์ได้ เตรียมไว้ข้างกายก่อน ตอนนี้ดูท่าแล้วคงใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว
เมื่อเห็นคนคนนี้ โค่วเจิงก็เบิกตากว้าง “ท่านพ่อ เหวินไป๋ เป็นเหวินไป๋ เหวินไป๋ยังไม่ตาย!”
เขาอยากจะให้สุยฉูฉู่ ฮูหยินที่เศร้าโศกมาหลายปีได้เห็นว่าลูกชายยังไม่ตาย ทว่าสายไปแล้ว ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
ถังเฮ่อเหนียนขมวดคิ้ว โค่วหลิงซวีเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อมีเจตนาอะไร ตัวเองสังหารคนของตระกูลโค่วไปมากมายขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าจะถูกบีบได้เพราะตัวประกันคนเดียว หลานชายคนโตแล้วอย่างไรล่ะ?
ในค่ายทัพของทัพเหนือมีคนจำโค่วเหวินไป๋ได้ หลายคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ วรยุทธ์ของโค่วเหวินไป๋ไม่ได้ก้าวหน้ามากนัก หยางเจาชิงบีบหลังคอโค่วเหวินไป๋ คลายผนึกพลังอิทธิฤทธิ์ให้โค่วเหวินไป๋แล้ว ยังคงเหมือนลูกไก่ตัวหนึ่ง
โค่วเหวินไป๋ลองดิ้นรนดูสักพัก เห็นภาพอเนจอนาถตรงหน้าแล้วก็ตกใจเช่นกัน หลังจากเห็นคนที่อยู่ในค่ายทัพฝ่ายตรงข้ามชัดเจนแล้ว ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังว่า “ท่านปู่ ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย ข้าคือเหวินไป๋ไง ช่วย…”
เฉิงไท่เจ๋อก้มหน้า เห็นเพียงเหมียวอี้ยื่นมือมาทางด้านข้าง ชักกระบี่วิเศษข้างเอวเขาออกมา
วางกระบี่แนวนอนตรงหน้า ใช้นิ้วดีดเสียงดัง ‘แกร๊ง’ แล้วหันกลับมาพูดกับเฉิงไท่เจ๋อด้วยรอยยิ้มว่า “กระบี่ไม่เลว!”
เฉิงไท่เจ๋อรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยังยิ้มตาม “ถ้าท่านอ๋องชอบ ก็เอาไปได้เลย”
ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะหมุนคมกระบี่กดตรงซี่โครงใต้รักแร้ของโค่วเหวินไป๋ โค่วเหวินไป๋ตัวสั่นเล็กน้อย หันหน้ากลับมาช้าๆ มองเหมียวอี้อย่างหวาดกลัว ไม่กล้าขยับซี้ซั้วแล้ว ปากกล่าวเสียงสั่นว่า “อย่า อย่า…”
โค่วเจิงที่อยู่ตรงข้ามเบิกตากว้าง กำสองหมัดแน่น
“อา…” โค่วเหวินไป๋ส่งเสียงร้องโอดครวญ ลากเสียงยาว
เหมียวอี้อมยิ้มขณะมองคนตระกูลโค่วที่อยู่ตรงข้าม แทงกระบี่เข้าไปในร่างกายของโค่วเหวินเทียนทีละนิด เลือดสดซึมออกมา โค่วเหวินไป๋ดิ้นรนอย่างเจ็บปวด
ทุกคนที่มองเห็นฝั่งนี้ล้วนกำลังจ้อง โค่วเจิงให้ใจที่อย่างร้อนรน ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ถูกถังเฮ่อเหนียนกดเอาไว้แน่น
โค่วหลิงซวียกมือขึ้น สั่งห้ามทัพอารักขาฝั่งซ้ายและขวาที่วู่วามจะลงมือ เขาขบกรามแน่น จ้องฉากนี้ไม่ละสายตา
ทุกคนของทัพเหนือสีหน้าคับแค้นเดือดดาล รู้สึกถึงความอัปยศอย่างใหญ่หลวง
แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกอย่างหนึ่งว่า หนิวโหย่วเต๋อกำลังคิดจะบอกฝั่งนี้ ว่าจะลงมือสังหารทุกคนของทัพเหนือเหรอ?
ทุกคนของทัพเหนือต่างก็รู้ว่าถ้าสู้กันขึ้นมา จุดจบก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ความรู้สึกหวาดกลัวโถมเข้ามาอีกครั้ง
เฉิงไท่เจ๋อกับหยางชิ่งตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าเหมียวอี้กำลังแสดงฉากโหดร้ายอำมหิตต่อหน้าฝูงชนก็มีจุดประสงค์อะไร
“ข้าบอกไว้แล้ว ว่าถ้าพลาดโอกาสนี้ไป ต่อให้เจ้าคิดวางแผนเป็นร้อยวิธี ข้าก็จะตัดรากถอนโคนตระกูลโค่วแน่นอน ใครก็ปกป้องไม่ได้ทั้งนั้น!” พอเหมียวอี้พูดจบ ก็ตวัดกระบี่ขึ้นพร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูด แสงสะท้อนคมกระบี่แวบผ่าน ตัดศีรษะโค่วเหวินไป๋เสียเลย เสียงร้องโหยหวนเงียบลงแล้ว
หยางเจาชิงถือโอกาสผลักร่างที่ยังดีดดิ้นออกมา
เหมียวอี้เสียบกระบี่กลับคืนฝักตรงเอวเฉิงไท่เจ๋อ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “กระบี่ของพี่ชาย น้องชายจะแย่งของรักได้ยังไง แค่ยืมมาใช้สักครั้งเท่านั้นเอง”
เฉิงไท่เจ๋อยิ้มแห้ง การกระทำของเหมียวอี้ทำให้เขาขนลุกนิดหน่อย รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
เหมียวอี้ตาเป็นประกาย แล้วก็จ้องไปที่โค่วหลิงซวีอีก ชี้ไปที่โค่วเจิง แล้วก็ชี้ถังเฮ่อเหนียน น้ำเสียงเรียบนิ่งดังออกมา “ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าให้เกลี้ยง ขอเพียงตอนนี้เจ้าฆ่าโค่วเจิงกับถังเฮ่อเหนียนแล้ว ข้าก็จะยอมสู้ตัวต่อตัวกับเจ้า! ไม่ใช่แค่สู้ตัวต่อตัวกับเจ้านะ ต่อหน้าทุกคนของทัพใต้ ต่อหน้าทุกคน ข้าให้คำสัญญากับเจ้าเลย ถ้าข้าแพ้ กำลังพลของข้าจะถอยกลับทันที ไม่ล่วงเกินทัพเหนืออีกแม้แต่น้อยแน่นอน! โค่วหลิงซวี เป็นยังไง เพื่อพี่น้องของทัพเหนือ เจ้าจะฆ่าหรือไม่ฆ่า?”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา หยางชิ่งก็แอบชมว่าสุดยอด สังหารโค่วเหวินไป๋ต่อหน้าฝูงชน ทั้งยังบีบให้โค่วหลิงซวีกระโดดลงกับดักที่ตัวเองขุดไว้อีก ต้องการสังหารคนของตระกูลโค่วให้สิ้นซากจริงๆ!
ชั่วพริบตานี้ เขาพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
ถ้าพูดถึงหัวสมอง โค่วหลิงซวีกับเหมียวอี้อาจจะสู้เขาไม่ได้ แต่วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของโค่วหลิงซวีก่อนหน้านี้กลับทำให้เขาไปต่อไม่เป็น และวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของเหมียวอี้ตอนนี้ก็เหนือความคาดหมายของเขาเช่นกัน เขามองเห็นคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ตัวเองไม่มีจากตัวของสองคนนี้อย่างชัดเจน นั่นก็คือความสุขุมเยือกเย็น คุณสมบัติที่จะปกครองใต้หล้า!
เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เหมียวอี้มีความสามารถที่จะสังหารโค่วหลิงซวีจริงๆ?
มองไปที่โค่วหลิงซวี แล้วก็มองไปที่เหมียวอี้ เฉิงไท่เจ๋อแอบส่ายหน้าทอดถอนใจ พึมพำในใจว่า คนโหด แต่ละคนล้วนเป็นคนโหด เป็นความโหดที่ฆ่าคนมาไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว ไม่ใช่ความโหดเรื่องฆ่าคนแน่นอน แต่เป็นความโหดที่อธิบายไม่ถูก เป็นสิ่งที่เขาไม่มี