ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 434 พังพอนมาแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 434 พังพอนมาแล้ว

บทที่ 434 พังพอนมาแล้ว

ในวันนี้ ฉินเย่จือพากู้หนิงผิงไปฝึกศิลปะการต่อสู้ และพากู้เสี่ยวอี้ไปที่บ้านของป้าจางเพื่อเรียนรู้วิธีการตัดเย็บ

จึงหาได้ยากที่กู้เสี่ยวหวานจะมีเวลาว่างเช่นนี้ นางกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ดังมาจากข้างนอก “เสี่ยวหวาน…”

น้ำเสียงนั้นฟังดูน่ารักราวกับเสียงน้องสาวของตนเอง

กู้เสี่ยวหวานวางหนังสือลงและเดินไปเปิดประตู ทันทีที่เปิดประตูก็พบกับหญิงในชุดสีฟ้าครามยืนอยู่ นางมองมาอย่างอ่อนโยน ครั้นกู้เสี่ยวหวานเห็นอีกฝ่าย ดวงตาของนางก็หรี่ลงทันที และมองไปยังคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

กู้ซินเถา

วันนี้กู้ซินเถาสวมชุดสีฟ้าครามที่มีเชือกคาดผมสีเดียวกันบนศีรษะของนางและมีปิ่นปักไว้ด้วย นางดูราวกับผู้หญิงอายุสิบห้าหรือสิบหกปี

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางแต่งตัวเช่นนี้ และมาที่บ้านของตน

ตามคำกล่าวที่ว่า ไม่มีธุระไม่มาซันเป่าเตี้ยน*[1] ตนเองและคนผู้นี้ไม่เคยติดต่อกัน แล้วนางมาทำอะไรที่นี่!

เมื่อกู้ซินเถาเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาเปิดประตู นางก็กล่าวออกมาอย่างสนิทสนม “เสี่ยวหวาน มาเปิดประตูเร็ว ข้าเอาขนมอร่อย ๆ มาให้”

ดีขนาดนั้นเลย? กู้เสี่ยวหวานกอดอกและจ้องไปที่กู้ซินเถาอย่างระมัดระวัง และไม่อาจคาดเดาได้ว่านางจะมาไม้ไหน

กู้ซินเถารู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานจ้องมองนางอย่างระมัดระวัง แต่เพื่อจุดประสงค์ของตน นางยังคงกล่าวอย่างสนิทสนม “เสี่ยวหวาน นี่คือขนมจากร้านขนมในเมือง เจ้าต้องไม่เคยกินแน่ แต่ข้าเอามาให้เจ้าชิมแล้ว!” หลังจากกล่าวจบ นางก็ชูของในขึ้นราวกับว่านางจงใจอยากให้กู้เสี่ยวหวานเห็นมัน

“ไม่จำเป็น!” กู้เสี่ยวหวานขัดจังหวะนางทันที โดยไม่แม้แต่จะดูกล่องขนม นางปฏิเสธอย่างเย็นชา “กู้ซินเถา เจ้าต้องการทำสิ่งใด! เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”

ใบหน้าขาวของกู้ซินเถาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความขุ่นเคืองในทันที และกล่าวว่า “เสี่ยวหวาน ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ข้า…ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษเจ้า ข้าหวังว่าเรื่องในอดีตเสี่ยวหวานจะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะให้อภัยและไม่เก็บมาใส่ใจ”

กู้เสี่ยวหวานโบกมือและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ ข้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ และข้าก็ไม่ได้ใจกว้างมากขนาดนั้น”

เรื่องนี้ก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว เลยต้องขอโทษมา ณ ที่นี้

พังพอนมาสวัสดีปีใหม่ให้กับไก่ จะมีเจตนาดีได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการสนใจนางและต้องการกลับไปที่ห้อง ครั้นกู้ซินเถาเห็นว่าตนเองไม่ได้เข้าไปในลานบ้าน กู้ซินเถาก็กังวลเล็กน้อยและตะโกนเสียงดังว่า “เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน อย่าไปเลย ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้วจริง ๆ ยกโทษให้พี่สาวสักครั้งเถอะ!”

ดวงตาที่สวยงามของกู้ซินเถาคลอไปด้วยน้ำตา นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างอ่อนโยนราวกับว่า หากกู้เสี่ยวหวานไม่เห็นด้วย น้ำตาก็จะร่วงลงมาทันทีราวกับลูกปัดที่ด้ายขาดทันที

ฤดูใบไม้ผลิแล้ว และก็มีชาวบ้านบางคนเทียวไปเทียวมาหน้าบ้าน กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการสร้างปัญหา ถึงเวลาเมื่อมีคนมาเห็น คนเหล่านั้นจะหาว่านางรังแกกู้ซินเถาเอาได้

เมื่อคิดถึงกู้ซินเถาเช่นนี้ นางไม่น่าจะทำอะไรตนเองได้ ในอดีตเป็นเพราะตนเองผอมและอ่อนแอจึงรู้สึกว่ากู้ซินเถาแข็งแรงกว่า แต่ในหนึ่งปีมานี้ กู้เสี่ยวหวานอยู่ดีกินดีและนอนหลับสบาย และเป็นเวลามากกว่าครึ่งปีที่ฉินเย่จือสอนศิลปะการต่อสู้ให้เป็นครั้งคราว หากกู้ซินเถาจะทำอะไรขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานก็ไม่หวั่น!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานทำได้เพียงหันหลังกลับและเปิดประตูให้กู้ซินเถาอย่างไม่เต็มใจ

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมาเปิดประตู กู้ซินเถาก็ยิ้มอย่างขอบคุณ “ขอบคุณนะเสี่ยวหวาน”

ในใจเต็มไปด้วยความพึงพอใจ และในตอนที่กู้เสี่ยวหวานไม่เห็น นางก็กระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจ

เมื่อนางเข้ามาในบ้าน กู้ซินเถากวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้านทันที

ข้าวของภายในบ้านทรุดโทรม สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การดูคือโต๊ะที่มีขนมอบมากมายบนนั้น บรรจุภัณฑ์ดูเหมือนขนมอบของร้านขนมอวี๋จี้ของเมืองรุ่ยเสียนมาก ดีกว่าที่ขนมที่นางนำมามาก ไม่รู้ว่าดีมากกว่าขนาดไหน

ปรากฏว่ากู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กินขนมอบอย่างดีกันแล้ว ตอนนี้นางกลับบอกว่ากู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไม่เคยกินมันเลย นางรู้สึกเขินเล็กน้อยและใบหน้าซีดเซียวลง แต่นางก็กลับมารู้สึกตัวทันทีและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “บ้านของเสี่ยวหวานมีขนมแล้ว แต่ของข้าด้อยกว่ามาก”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มองดูมัน และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “อืม ได้โปรดนำไปด้วยเมื่อเจ้ากลับไป!”

มีเพียงผีเท่านั้นที่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในขนมนี้ แต่กู้เสี่ยวหวานไม่มีความกล้าที่จะกินอะไรจากคนที่เคยคิดจะฆ่านาง!

ความโกรธและความอิจฉาในหัวใจของกู้ซินเถานั้นแข็งแกร่งมาก แต่เพื่อที่จะอยู่ที่นี่ กู้ซินเถาทำได้เพียงระงับความโกรธ และคลี่ยิ้มดังเดิม

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าใบหน้าของกู้ซินเถาบิดเบี้ยว แม้ว่านางจะยิ้ม หากแต่ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ กู้เสี่ยวหวานเฝ้าระวังและจ้องไปที่กู้ซินเถาอย่างเงียบ ๆ

ตรงมุมห้องมีเตียงและผ้าห่มบนเตียงพับไว้อย่างเรียบร้อย ดูเหมือนคนผู้นั้นจะอาศัยอยู่บนเตียงนั้น กู้ซินเถาจ้องมองไปที่เตียงด้วยความหลงใหล

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กู้ซินเถาด้วยความสงสัย และไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นนางมองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาที่เร่าร้อน

กู้เสี่ยวหวานไม่พอใจกับการถูกสอดแนม ดวงตาของนางฉายชัดถึงความเย็นชา “กู้ซินเถา เจ้ามาทำอะไรที่บ้านของข้ากันแน่!”

กู้ซินเถากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และเมื่อได้ยินคำถามของกู้เสี่ยวหวาน นางยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดว่ามันไม่กว้างขวางพอสำหรับครอบครัวของเจ้าสี่คนที่จะอัดกันในห้องเล็กนี้! ในอนาคต เมื่อหนิงอันและหนิงผิงโตขึ้นคงจะไม่สะดวกที่จะอยู่ด้วยกันอีก! อย่างไรก็ตามก็มีความแตกต่างระหว่างชายและหญิง!”

“งั้นก็ไม่ต้องรบกวนเจ้ามาคิดแทน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้ายังมีงานต้องทำ” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยไล่นางอย่างเย็นชา

เมื่อกู้ซินเถาได้ยินสิ่งนี้ นางจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “มีเรื่อง แน่นอนว่าข้ามีเรื่อง!”

หลังจากกล่าวจบ นางก็นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ โดยไม่รอคำเชิญของกู้เสี่ยวหวาน

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานมืดลงเมื่อเห็นว่านางทำราวกับว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านของตนเอง หญิงคนนี้ไร้ยางอายเกินไป

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจนางและหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

*[1] ใช้เปรียบเทียบว่า เมื่อไม่มีเรื่องก็คงไม่มา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท