บทที่ 479 ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอะไรเช่นนี้
บทที่ 479 ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอะไรเช่นนี้
กู้ซินเถาเป็นคนสุดท้ายที่ออกมา เมื่อเห็นว่าทุกคนตกตะลึงและมองไปที่สถานที่แห่งหนึ่งด้วยความประหลาดใจบนใบหน้า นางจึงมองไปอย่างสนใจ
เมื่อนางเห็นร่างที่คุ้นเคยในชุดสีคราม กู้ซินเถารู้สึกว่ามีลมหายใจอยู่ในอกและไม่สามารถหายใจออกมาได้
คือเขา!
กู้ซินเถาตกใจ และนางก็ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้
แม้แต่มือที่ถือผ้าเช็ดหน้าก็สั่นเล็กน้อย นางตื่นเต้นราวกับโบยบิน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าพี่ใหญ่ฉิน เขา…เขา…สำนึกผิดและมาหาข้า?
เมื่อกู้ซินเถาเห็นฉินเย่จือนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา เพียงแค่เห็นใบหน้าด้านข้าง ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพเซียนที่ทำให้เมื่อกู้ซินเถาเห็นก็ตกหลุมรักทันที
ในตอนนี้ ในใจของนางมีเจียงหย่วนและคำแนะนำของซุนซื่อเสียเมื่อใดกัน
ทั้งหัวใจและดวงตาเต็มไปด้วยฉินเย่จือแค่คนเดียว ระหว่างสวรรค์กับโลกราวกับทุกสิ่งดูหยุดนิ่ง ในสายตาของนาง สิ่งที่สามารถมองเห็น สิ่งที่อยากมองเห็น และสิ่งที่ต้องการมองเห็น ล้วนเป็นฉินเย่จือแค่คนเดียว
กู้ซินเถารู้สึกทึ่ง นางไม่เคยเห็นฉินเย่จือเป็นเช่นนี้ หลายวันมานี้การชอบฉินเย่จือของนางไม่ได้โจ่งแจ้งนัก แต่ตอนนี้หากไม่มีกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็ไม่เห็นตนเอง และตนเองต้องทำให้ชัดเจน
ฉินเย่จือสังเกตเห็นว่ามีดวงตากำลังจ้องมองเขาอยู่ จึงหันศีรษะไปทางคนกลุ่มนั้น
เมื่อหญิงสาวหนึ่งกลุ่มเห็นฉินเย่จือหันหลังกลับ ทันใดนั้นพวกนางก็กรีดร้องขึ้นมา “ว้าว เขามองมาที่ข้า!”
“ไร้สาระ เขามองมาที่ข้าต่างหาก!”
“เจ้านั่นแหละที่พูดไร้สาระ ข้าสวยกว่าเจ้า คนที่เขามองคือข้า!”
ทุกคนกำลังแข่งกันพูด แต่กู้ซินเถาไม่ได้ยินการทะเลาะวิวาทของพวกนางเลย และจุดสนใจทั้งหมดของนางอยู่ที่ฉินเย่จือ
ในเวลานี้ ฉินเย่จือพบว่ากู้ซินเถาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น ดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้ว ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
เมื่อมองย้อนกลับไป ดวงตาของฉินเย่จือยังคงจับจ้องอยู่ที่ทางออกของร้านจิ่นฝูเพราะกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะหาเขาไม่เจอหลังจากที่นางออกมา
ใบหน้าของกู้ซินเถาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หัวใจของนางพลันเต้นแรง ฉินเย่จือมาทำอะไรที่นี่?
เมื่อพิจารณาจากสิ่งนี้ ดูเหมือนว่านางจะมาถึงบ้านก่อน และฉินเย่จือค่อยตามนางมาอีกที
หรือว่าเขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงอยากตามตนเองมา?
กู้ซินเถารู้สึกตื่นเต้นอยู่ครู่หนึ่ง นางคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงแน่นอน เดิมทีที่ใดในโลกนี้จะมีคนโง่เขลาเช่นนี้ ผู้คนมักจะขึ้นไปที่สูงเสมอ และใครจะไปคลุกในโคลนตลอดชีวิต!
ฉินเย่จือคงจะเสียใจอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาจะตามนางมาที่เมืองหลิวเจีย แล้วไปรอที่ประตูร้านขายเครื่องประดับที่นางมาซื้อของทำไม เกรงว่าเขาคงจะตามตนมานานแล้ว! ไม่เช่นนั้นเขาจะมารอตนเองที่หน้าประตูได้อย่างไร!
ยิ่งกู้ซินเถาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
อีกสักครู่นางจะก้าวไปข้างหน้า เมื่อคิดถึงวิธีที่ฉินเย่จืออ้อนวอนตนเองด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยต่อหน้าผู้หญิงเหล่านี้ อย่าหยิ่งในศักดิ์ศรีไปหน่อยเลย
กู้ซินเถาได้รับชัยชนะและก้าวไปข้างหน้าเพื่อเดินไปหาฉินเย่จือ
ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่คาดคิด ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว กู้ซินเถามองตามเขาไป และเห็นคนที่ทำให้นางต้องการหักกระดูกในทันที กู้เสี่ยวหวาน
ครั้นเห็นฉินเย่จือเดินไปช่วยพยุงกู้เสี่ยวหวานขึ้นเกวียนวัวอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงขับเกวียนวัวออกไปโดยไม่มองกู้ซินเถาเลย
ความตื่นเต้นเมื่อครู่ของกู้ซินเถา กลับกลายเป็นใบหน้าของนางแข็งค้างในตอนนี้ นางจ้องมองอย่างโกรธเคืองที่ด้านหลังของเกวียนวัวที่กำลังแล่นออกไป ได้แต่หวังว่าตนจะรีบไปตบกู้เสี่ยวหวานอย่างแรง หลังจากนั้นจึงแย่งฉินเย่จือมา
กู้ซินเถายังคงคิดกับตัวเองจนเกวียนวัวหายลับไป เมื่อทุกคนเห็นว่าฉินเย่จือได้พาเด็กสาวที่นับได้ว่าเป็นสาวสวยไปแล้ว พวกนางทั้งหมดก็ถอนหายใจ “หึ ๆ เด็กสาวข้างกายของนายน้อยผู้นั้นคือใครกัน! ช่างโชคดีเสียจริงที่มีพี่ชายที่หล่อเหลาถึงเพียงนั้น! ข้าอยากเป็นน้องสาวของเขา เขาหล่อมากจริง ๆ!”
“ใช่แล้ว ๆ หล่อมาก พวกเจ้าเห็นหรือไม่ เมื่อครู่สายตาที่เขามองมาช่างมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก สันจมูกนั้น ริมฝีปากนั้น โอ้สวรรค์!”
“ใช่แล้ว เกรงว่าในเมืองหลิวเจียของเขาคงไม่มีผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้ น่าเสียดายที่เราไม่ได้ออกมาข้างหน้าเพื่อพูดอะไรกับเขาสักคำ!”
กู้ซินเถาเห็นว่าผู้หญิงเหล่านนั้นที่อยู่ข้าง ๆ นางทั้งหมดกำลังพูดถึงฉินเย่จือ และดูเหมือนว่าพวกนางทั้งหมดต้องการฉินเย่จือ กู้ซินเถาไม่สามารถยับยั้งใบหน้าของนางได้และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คางคกคิดจะอาจเอื้อมกินเนื้อห่านฟ้า*[1] ไม่ส่องกระจกบ้างหรือว่าตนเองหน้าตาเป็นอย่างไร!”
ทันทีที่ผู้หญิงเหล่านี้ได้ยินคำพูดูถูกเหยียดหยามของกู้ซินเถา หลังจากกู้ซินเถาพูดจบ นางก็เดินออกไป ทุกคนต่างมองหน้ากัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า และพวกเขาต่างก็เห็นความรังเกียจในสายตาของกันและกัน
“เจ้าภูมิใจอะไรกัน รู้สึกราวกับว่าเราต้องปีนเสาเพื่อเป็นสหายกับนางอย่างนั้นแหละ!”
“ใช่หรือ หยิ่งทะนงถึงเพียงนั้น ไม่ใช่เพราะนางถูกนายน้อยเจียงทอดทิ้งแล้วหรอกหรือ ภูมิใจอะไรกัน!”
“จุ๊ ๆ อย่าพูดถึงเลย นางยังเดินไปได้ไม่ไกล!”
ทุกคนหุบปากและมองตามแผ่นหลังของกู้ซินเถาไปอีกครั้ง ท่าทางของพวกนางแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าคำที่ดูถูกกู้ซินเถาในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางพูด
คนกลุ่มนี้ไม่ชอบกู้ซินเถามานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่กู้ซินเถาอาศัยอยู่ในบ้านสองทางเข้าในเมืองและอยู่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมือง แต่พวกนางอาศัยอยู่ในตรอกเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น ทุกวันต้องโค้งคำนับแต่ไม่เงยหน้าขึ้น ตรอกเล็ก ๆ นั้นเป็นที่อยู่ของกลุ่มคนที่ฆ่าหมูและขายเนื้อ และคนขายผัก แม้แต่นายน้อยสักคนก็ไม่สามารถเห็นได้
ตั้งแต่กู้ซินเถาย้ายเข้ามา ผู้หญิงเหล่านี้ชอบไปเดินเล่นบนถนนเมื่อไม่มีอะไรทำ
ถนนที่กู้ซินเถาอาศัยอยู่เป็นถนนที่หรูหราและดีที่สุดในเมือง ผู้คนที่อาศัยอยู่บนถนนสายนี้ล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจในเมืองนี้ หากสามารถได้รับความโปรดปรานจากนายน้อยผู้มั่งคั่งบนถนนสายนี้ ทั้งชีวิตก็จะรุ่งโรจน์ขึ้น
เดิมทีผู้หญิงเหล่านี้ หลังจากที่ครอบครัวของกู้ซินเถาย้ายเข้ามา ซุนซื่อได้กล่าวกับกู้ซินเถาไว้แล้วว่าห้ามติดต่อกับกลุ่มผู้หญิงจากสามลัทธิเก้าอาชีพ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น หญิงสาวจากครอบครัวที่ร่ำรวยก็ไม่เต็มใจที่จะเป็นเพื่อนกับกู้ซินเถา
[1]* คางคกคิดจะอาจเอื้อมกินเนื้อห่านฟ้า หมายถึง คิดมุ่งหวังอยากจะทำอะไรที่เกินตัว หรือหวังสูงเกินไป