บทที่ 491 กุ้ยชุนเจียวกระโดดน้ำ
บทที่ 491 กุ้ยชุนเจียวกระโดดน้ำ
ในเรื่องนี้ หากอะไรเกิดขึ้น นางคงรับไม่ไหว
ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังและขุ่นเคือง
ภาพของถูหมิ่น กุ้ยตงเหมย กู้เสี่ยวหวาน และหลี่ฝานล้วนปรากฏอยู่ในใจของนาง ในตอนนี้นางคิดอะไรไม่ออกและรู้เพียงว่าชื่อเสียงของตนกำลังจะถูกทำลาย หากมันถูกทำลาย นางจะมีหน้าอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร
ในเวลานี้ ท้องฟ้ามืดสนิทและชาวบ้านก็กลับบ้านไปหมดแล้ว
บนถนนไม่มีชาวบ้านหลงเหลืออยู่เลย กุ้ยซื่อที่วิ่งตามหลังกุ้ยชุนเจียวอย่างใกล้ชิด ไม่กล้าตะโกนเสียงดังเพราะกลัวว่าชาวบ้านคนอื่น ๆ จะได้ยิน อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวในใจ แม้ว่าร่างกายและจิตใจจะเหน็ดเหนื่อย แต่นางก็ยังคงไล่ตามเพราะกลัวว่ากุ้ยชุนเจียวคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และทำสิ่งโง่เขลาลงไป
ยิ่งกว่านั้น สถานที่ที่กุ้ยชุนเจียววิ่งไปคือริมแม่น้ำ หัวใจของกุ้ยซื่อก็ยิ่งประหม่ามากขึ้น ฝีเท้าของนางก้าวอย่างรวดเร็ว วิ่งพลางตะโกนอย่างตื่นตระหนก “ชุนเจียว อย่าคิดมากเลยนะ! บางทีสิ่งต่าง ๆ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่เจ้าคิด!”
กุ้ยชุนเจียวไม่ได้ยินอะไรเลย และยังเอาแต่วิ่งไปด้านหน้า เมื่อเห็นว่าน้ำในแม่น้ำใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กุ้ยชุนเจียวไม่ได้อยากจะหยุดด้วยซ้ำ
กุ้ยซื่อรู้สึกหวาดกลัวและร้องตะโกนเสียงแหลม “เจ้าอย่าทำสิ่งที่โง่เขลานะ!”
กุ้ยซื่อตะโกนเสียงแหลมตัดผ่านความเงียบสงบในยามค่ำคืน
ฝูงนกเหนื่อยล้าที่กลับมายังรังของพวกมันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงตะโกนของนาง โดยคิดว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา มันจึงกระพือปีกเสียงดัง
ในคืนที่เงียบสงบ ดูเหมือนจะมีเรื่องที่คาดไม่ถึง
กุ้ยชุนเจียววิ่งไปที่แม่น้ำและหยุดลงในที่สุด นางมองย้อนกลับไปที่กุ้ยซื่อที่วิ่งมาพร้อมกับความเศร้าโศกและความคับแค้นใจ จากนั้นนางจึงเตรียมตัวจะกระโดดลงไปในแม่น้ำโดยไม่คิด
เมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวกำลังคิดฆ่าตัวตาย กุ้ยซื่อก็ตะโกนออกไปตามสัญชาตญาณ นางรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและคว้ากุ้ยชุนเจียวที่กำลังกระโดดไว้ เนื่องจากใช้แรงมากเกินไป ทั้งสองจึงกลิ้งไปตามริมแม่น้ำ
กุ้ยซื่อกอดกุ้ยชุนเจียวเอาไว้และทั้งสองก็กลิ้งอยู่บนตลิ่ง กุ้ยซื่อรู้สึกเพียงว่ากระดูกทั่วร่างกายของนางกำลังจะหัก มันเจ็บปวดรวดร้าวเหลือทน
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของกุ้ยชุนเจียวนั้นสำคัญที่สุด! กุ้ยซื่อกัดฟันและกอดกุ้ยชุนเจียวไว้แน่น
หลังจากการเคลื่อนไหวของทั้งคู่หยุดลง กุ้ยชุนเจียวก็ตะเกียกตะกายพยายามลุกขึ้น สีหน้าไร้ชีวิตชีวา ท่าทางเช่นนั้นราวกับควักหัวใจกุ้ยซื่อออกมา
นี่คือเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง!
หัวใจของกุ้ยซื่อเจ็บปวดรวดร้าว นางกอดกุ้ยชุนเจียวแน่นและร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง “ชุนเจียว อย่าทำเรื่องโง่เขลาเลยนะ! เจ้าเป็นชีวิตจิตใจของข้า หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าก็ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
เมื่อกุ้ยชุนเจียวได้ยินคำพูดของกุ้ยซื่อก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แม้ว่าจะข้างนอกมืดสนิทไร้แสงจันทร์ แต่ระยะห่างของทั้งสองนั้นทำให้เห็นทุกอย่าง กุ้ยชุนเจียวมองดูท่าทางสิ้นหวังของกุ้ยซื่อ หัวใจของนางก็เจ็บปวดเช่นกัน นางกอดกุ้ยซื่อและร้องไห้ออกมา “ท่านแม่!”
กุ้ยซื่อกอดกุ้ยชุนเจียวไว้แน่นเพราะกลัวว่ากุ้ยชุนเจียวคิดมาก และกลัวว่านางจะกระทำการอุกอาจอีกครั้ง
“ชุนเจียว เจ้าอย่าทำเรื่องโง่เขลาสิ!” กุ้ยซื่อลูบหัวกุ้ยชุนเจียว ลูบหลังที่สั่นเทาและพูดอย่างลำบากใจ “ลูกเอ๋ย การที่เจ้าทำเช่นนี้ราวกับเป็นการฆ่าข้าทั้งเป็น!”
กุ้ยชุนเจียวสะอึกสะอื้นในอ้อมแขนของกุ้ยซื่อ ร่างกายของนางไม่สามารถหยุดสั่นได้ “ท่านแม่ ข้าไม่มีหน้าจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว!”
กุ้ยซื่อรู้ดีว่าสิ่งที่กุ้ยชุนเจียวกลัวคืออะไร แม้ว่ากุ้ยซื่อจะกลัวเช่นกันว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น แต่เพื่อที่จะรักษาอารมณ์ของกุ้ยชุนเจียวให้คงที่ กุ้ยซื่อก็เช็ดน้ำตาออกจากดวงตาของนางเบา ๆ พลางเอ่ยปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว เจ้าเด็กโง่ อย่าคิดไปในทางเลวร้ายนัก! ข้าเชื่อว่าเถ้าแก่หลี่จะไม่บอกเรื่องนี้กับน้องสาวเจ้าแน่!”
“ทำไมเขาจะไม่บอกล่ะ? ตงเหมยมักจะรบกวนคนอื่น ถ้าพวกเขารำคาญ พวกเขาจะบอกความจริงกับตงเหมยอย่างแน่นอน!” กุ้ยชุนเจียวหวาดกลัว
“ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล!” กุ้ยซื่อตบหลังกุ้ยชุนเจียวเบา ๆ “ไม่ต้องกังวล ให้ข้าคิดหาทางสักหน่อย!”
กุ้ยซื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของนางก็สว่างวาบขึ้นมาทันที “ข้าหาทางได้แล้ว”
เมื่อกุ้ยชุนเจียวได้ยินว่ากุ้ยซื่อคิดวิธีแก้ปัญหาได้ ใบหน้าของนางก็มีความหวัง “ท่านแม่ บอกข้าเร็วว่าวิธีแก้ปัญหาคืออะไร!”
“ไป ชุนเจียว ตอนนี้พวกเราไปหากู้เสี่ยวหวานก่อน!”
“ท่านแม่ จะไปหานางทำไม!” กุ้ยชุนเจียวยังคงไม่เข้าใจ
“ไปเถอะ เดินไปคุยไปกันเถอะ” กุ้ยซื่อลุกขึ้นจากพื้นด้วยท่าทางตื่นเต้น “ไป… พวกเราไปหากู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถ้าแก่หลี่ พวกเราก็ไปขอให้กู้เสี่ยวหวานช่วยคุยกับเถ้าแก่หลี่ และให้เหตุผลกับตงเหมย เมื่อตงเหมยไม่เห็นประโยชน์อะไรจากเถ้าแก่หลี่ นางก็จะกลับมาเอง!”
“แต่ถ้าตงเหมยไม่บรรลุเป้าหมาย นางก็จะไม่ยอมแพ้!” กุ้ยชุนเจียวเข้าใจนิสัยของตงเหมยดี นางเป็นคนประเภทที่ว่าหากนางต้องการอะไร นางจะหาวิธีเพื่อให้ได้มันมา ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม
สีหน้าของกุ้ยชุนเจียวเปลี่ยนไปเมื่อนึกถึงชุดสีฟ้าน้ำทะเลที่เถ้าแก่หลี่มอบให้นางในเวลานั้น
ตนเองใส่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นด้วยความรู้สึกเสียดาย เมื่อซักแล้วก็ใส่มันลงในกล่อง เมื่ออยากเห็นในภายหลังก็เปิดตู้เสื้อผ้า หากแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของชุดนั้นแล้ว
กุ้ยชุนเจียวกระวนกระวายใจ พลันคิดว่าตนเองวางไว้ผิดที่ ดังนั้นนางจึงค้นหาทุกหนทุกแห่ง ค้นหาทุกกล่องและตู้ และแม้แต่กุ้ยซื่อก็มาช่วยหาอีกแรง
น่าเสียดายที่ค้นหาทุกที่ในบ้านที่สามารถวางสิ่งของได้ แต่กลับไม่พบมันเลย
ไม่เพียงแต่ไม่พบเสื้อผ้า แต่กุ้ยซื่อยังพบว่าขวดน้ำมันหมูหายไปเกือบครึ่ง
หัวใจพลันสับสนงุงนงง นางถือขวดโหลพลางคิดว่าน้ำมันหายไปไหน ในขณะนั้นกุ้ยชุนเจียวกำลังรีบหาเสื้อผ้า นางจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย บางทีอาจเป็นหนูที่ขโมยมันไป!
หากแต่กุ้ยซื่อก็ครุ่นคิดเรื่องนี้ แต่นางรู้สึกไม่มั่นใจ น้ำมันหมูของนางถูกเก็บอยู่ในตู้มาตลอด มันเป็นไปไม่ได้ที่หนูจะเปิดกลอนและวิ่งเข้าไปขโมยมัน!
จนกระทั่งต่อมา หนูตัวหนึ่งในบ้านออกมาเพื่อขโมยอาหาร โดยมีบางอย่างติดอยู่ที่เท้า ซึ่งดูเหมือนเป็นเศษผ้าสีฟ้าน้ำทะเล
กุ้ยชุนเจียวอยากรู้อยากเห็นจึงไล่หนูออกไปและหยิบผ้าขึ้นมา ทันทีที่นางเห็นเศษผ้า กุ้ยชุนเจียวตะโกนอย่างบ้าคลั่งออกมา
เศษผ้าในมือของนางคือเสื้อผ้าสีฟ้าน้ำทะเลที่นางเคยสวมใส่อยู่ในเวลานั้น