ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 510 กุ้ยตงเหมยเผยธาตุแท้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 510 กุ้ยตงเหมยเผยธาตุแท้

บทที่ 510 กุ้ยตงเหมยเผยธาตุแท้

กุ้ยตงเหมยตัวสั่วสะท้าน เมื่อมองไปที่ท่าทีที่ดุร้ายของฉินเย่จือ หัวใจของนางเต้นรัว แต่เมื่อคิดว่าตนมาที่นี่เพื่อประโยชน์ของฉินเย่จือ ความคับข้องใจในหัวใจของนางและน้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเมล็ดถั่ว นางมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความเสียใจและบ่นพึมพำ “พี่ใหญ่ฉิน ทำไมท่านถึงไล่ข้าออกไป ท่านกำลังป่วย ข้าเลยอยากมาดูแลท่าน! ท่านป่วย แม้แต่คนที่ดูแลก็ไม่มี ข้าเห็นแล้ว…รู้สึกเศร้าใจ!”

ไม่ว่าสิ่งที่กุ้ยตงเหมยพูดจะน่าประทับใจเพียงใด แต่การแสดงออกของฉินเย่จือก็ยังเย็นชา และแรงกระตุ้นก็เข้ามาอย่างท่วมท้น “กลับไปก่อนที่ข้าจะโกรธ!”

ท่าทางที่น่ากลัว กุ้ยตงเหมยก็ไม่กล้าพูดอะไร

กุ้ยตงเหมยก้าวถอยหลังด้วยความตกใจและมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความตกตะลึง ถ้านางไม่กลับไปในตอนนี้ เกรงว่าฉินเย่จือจะโยนตัวนางทิ้งไปไกล

กุ้ยตงเหมยโกรธขึ้นมาทันที ความคับข้องใจเมื่อครู่ ตอนนี้กลับกลายเป็นความโกรธแค้น นางชี้ไปที่ฉินเย่จือ แล้วตะโกนว่า “ท่านก็รู้ ข้ามองท่านแค่คนเดียว และนี่คือเหตุผลข้ามาที่นี่เพื่อดูแลท่าน แต่ท่านกลับบอกให้ข้าออกไป! ขอทานที่น่าสงสาร ท่านควรจะภูมิใจที่มีผู้หญิงมาชอบท่าน นั่นคือพรของท่าน! อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย…”

“กุ้ยตงเหมย หุบปากเดี๋ยวนี้!” เสียงคำรามดังมาจากด้านหลัง

กุ้ยชุนเจียววิ่งมาพร้อมกับยกกระโปรงขึ้น ขณะที่กุ้ยตงเหมยหันศีรษะ ก็เห็นกุ้ยชุนเจียววิ่งตรงเข้ามาหา และพุ่งมาหน้าตนในทันที

กุ้ยตงเหมยกำลังจะด่า แต่กุ้ยชุนเจียวผลักกุ้ยตงเหมยอย่างดุเดือด กุ้ยตงเหมยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อถูกกุ้ยชุนเจียวผลักนางก็เซถอยหลังและล้มลงบนพื้น

ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายกำลังจะแตกสลาย เจ็บปวดรวดร้าวถึงกระดูก

กุ้ยตงเหมยล้มลงกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้เป็นเวลานาน หลังจากที่นางฟื้นคืนสติ นางก็ลุกขึ้นชี้ไปที่หน้าของกุ้ยชุนเจียวและสาปแช่ง “กุ้ยชุนเจียว ท่านอยากตายหรือ ท่านกล้าดีอย่างไรมาผลักข้า!”

ในช่วงเวลานี้ อารมณ์ของกุ้ยตงเหมยเริ่มโกรธขึ้นเรื่อย ๆ กุ้ยตงเหมย เดิมทีเป็นคนฉุนเฉียวและโหดร้าย เมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวผลักตัวเองอย่างแรง และนางก็เสียหน้าต่อหน้าฉินเย่จืออีก

นอกจากจะเจ็บกระดูกในร่างกาย และในใจก็ยังเจ็บใจอีกด้วย

“กุ้ยชุนเจียว ท่านกล้าตีข้า ท่านมันไม่ใช่คน ข้าคือน้องสาวของท่านนะ!” กุ้ยตงเหมยหน้าซีด ตวาดใส่กุ้ยชุนเจียว และทั้งสองกัดกันอย่างดุเดือด

กุ้ยตงเหมยตะโกนใส่กุ้ยชุนเจียว “กุ้ยชุนเจียว คนไร้ยางอาย ท่านชอบผู้ชายได้ แต่ข้าชอบผู้ชายไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ข้าชอบผู้ชายคนไหนกัน?” เมื่อกุ้ยชุนเจียวเห็นกุ้ยตงเหมยโกรธนางก็โต้กลับอย่างรวดเร็ว

“หึ ท่านไม่ชอบผู้ชาย! อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องของท่านกับถูหมิ่น! พ่อค้าตัวเหม็นผู้นั้น ท่านเพิ่งอายุเท่าไรเอง อย่ามาหน้าไม่อายไปหน่อยเลย!” กุ้ยตงเหมยราวกับว่ากำลังจะบอกเรื่องอื้อฉาวทั้งหมดของกุ้ยชุนเจียวออกมา และกัดกุ้ยชุนเจียวไม่ยอมปล่อย

แม้ว่ากุ้ยชุนเจียวรู้ว่าฉินเย่จือรู้เรื่องของนางอยู่แล้ว แต่ชาวบ้านบางคนอาจจะผ่านไปได้ทุกเมื่อ ถ้าคนเหล่าได้ยิน ชื่อเสียงของนางก็จะเสื่อมเสีย

กุ้ยชุนเจียวทั้งโกรธทั้งเกลียด กุ้ยตงเหมยผู้นี้คลานออกมาจากท้องของแม่เดียวกันกับตนเอง ทำไมหัวใจของนางจึงดำถึงเช่นนี้ นางอยากจะทำให้ชื่อเสียงของพี่สาวอย่างตนเสียหายอย่างนั้นหรือ?

ความเจ็บปวดในหัวใจของกุ้ยชุนเจียวเป็นสิ่งที่กุ้ยตงเหมยไม่สามารถรู้สึกได้เลย

ถ้ากุ้ยตงเหมยยังเด็ก กุ้ยชุนเจียวอาจรู้สึกว่าเด็กคนนี้เปิดปากและไม่มีเจตนาร้าย เป็นคนที่มีอะไรก็พูดออกมา

แต่ตอนนี้คำพูดของกุ้ยตงเหมยราวกับเข็มและมีดที่ทิ่มแทง ทำให้หัวใจของนางคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ

นี่คือน้องสาวแท้ ๆ คนอื่นก็ไม่เท่าน้องสาวแท้ ๆ ผู้นี้!

กุ้ยชุนเจียวไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เมื่อเห็นกุ้ยตงเหมยมีท่าทางดุร้ายและกำลังจะพูดอะไรสกปรกออกมา นางก็รีบวิ่งไปเข้าหากุ้ยตงเหมยและปิดปากนางอย่างสิ้นหวัง

ปากของกุ้ยตงเหมยถูกปิดไว้แน่นจนลมไม่สามารถเข้าได้เลย เสียงของกุ้ยตงเหมยอู้อี้ แต่กุ้ยชุนเจียวใช้แรงทั้งหมดที่มีและไม่ยอมปล่อยนางไป

กุ้ยตงเหมยดิ้นรนอย่างหนักและกัดไปที่มือของกุ้ยชุนเจียวอย่างแรง จากนั้นยกขาขวาขึ้นและเตะไปที่น่องของกุ้ยชุนเจียวอย่างแรง เตะโดนกระดูก และกุ้ยชุนเจียวก็เจ็บปวดในทันที นางร้องออกมาและปล่อยกุ้ยตงเหมย นางถอยหลังไปสองสามก้าว โอบแขนของนางไว้รอบขา และเหงื่อของความเจ็บปวดก็ไหลออกมา

“นังบ้า ใครใช้ให้ท่านมารังแกข้ากันล่ะ!” กุ้ยตงเหม่ยถ่มน้ำลายใส่ผมของกุ้ยชุนเจียว กุ้ยชุนเจียวที่จับขาของนางนั่งบนพื้น ความเจ็บปวดนั้นบีบคั้นหัวใจ นางไม่เห็นแม้แต่น้ำลายที่กุ้ยตงเหมยถ่มใส่ผมของนางด้วยซ้ำ

กุ้ยตงเหมยหันศีรษะไปก็เห็นฉินเย่จือที่ดูการแสดงด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่ข้างหลัง นางชี้ไปที่ฉินเย่จือและสาปแช่ง “ฉินเย่จือ ข้ามาเยี่ยมท่านด้วยเจตนาดี แต่ท่านกลับไม่เห็นค่าและไล่ข้าออกไป! ท่านก็เป็นเพียงขอทานตัวเหม็น ในตอนที่ท่านมาขออาหารที่บ้านกู้เสี่ยวหวานท่านก็ยังเป็นขอทาน อย่าคิดว่าครอบครัวของท่านมีเงินเพียงเล็กน้อยแล้วมาทำตัวสูงส่ง แม้ว่าในอนาคตเจ้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ท่านก็ยังเป็นขอทานที่ต่ำต้อยอยู่! ข้าจะบอกท่านไว้ว่าคนอย่างข้า กุ้ยตงเหมยไม่ยอมถูกรังแกง่ายเช่นนั้นหรอก สักวันข้าจะทำให้ท่านเสียใจแทบตาย!” หลังจากกุ้ยตงเหมยด่าจบและจ้องไปที่กุ้ยชุนเจียวที่นั่งกัดฟันกรอดอยู่บนพื้น ดวงตาของนางเย็นชา จากนั้นก็ถอนหายใจเย็นชาและเดินจากไป

อาโม่ที่อยู่ไม่ไกลได้ยินว่ากุ้ยตงเหมยใช้คำดูถูกเจ้านายของเขา เขาก็โกรธจนเส้นเลือดเกือบจะแตก เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะออกมาข้างหน้าและตบผู้หญิงที่โง่เขลาคนนี้สองสามครั้ง เบิกตาสุนัขของนางให้กว้างจะได้มองเห็นได้ชัดเจน หยาบคายมากจริง ๆ นางรู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับใครกันแน่

ฉินเย่จือสั่งตนเองไม่ให้ใช้ศิลปะการต่อสู้ในหมู่บ้าน อาโม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องระงับความโกรธของเขาและซ่อนตัวอยู่ในความมืด เขาแทบรอไม่ไหวที่จะสับนางให้เป็นเนื้อบดเพื่อที่จะระบายความเกลียดชังในใจได้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท