บทที่ 518 ในภูเขามีหมาป่า
บทที่ 518 ในภูเขามีหมาป่า
ข้างนอกฝนตกโหมกระหน่ำ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็นกังวลหรือหวาดกลัวหรือไม่
“ไม่รู้ว่าเด็กสองคนนั้นจะกลัวหรือเปล่า! ข้าเกรงว่าพวกเขาสองคนจะเป็นห่วงแย่แล้ว” กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
พายุลูกใหญ่เช่นนี้ เมฆดำเข้าปกคลุมเมืองอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน!
มีคำกล่าวที่เป็นความจริงว่า เง็กเซียนองค์นี้เปรียบเสมือนเด็ก อยากร้องไห้ก็ร้องไห้ อยากหัวเราะก็หัวเราะ
ทั้งสองคนใกล้ชิดกัน และฝนห่าใหญ่เทลงมาราวกับข้างนอกถูกปิดกั้นด้วยสายฝน ถ้ำเล็กแห่งนี้สามารถรองรับได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แสงไฟสะท้อนใบหน้าของคนสองคนกลายเป็นสีแดง
อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
ไม่ว่าข้างนอกพายุฝนจะแรงแค่ไหนก็ไม่ต้องหวาดผวาอีกต่อไป!
ทั้งสองรอคอยอยู่เนินนาน รอให้ฝนข้างนอกหยุด ท้องฟ้าตอนนี้เกือบมืดสนิทแล้ว
ทั้งสองไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด
ถ้าจะลงเขาไปแบบบุ่มบ่าม เกรงว่าจะยิ่งอันตราย!
“เสี่ยวหวาน ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ทางก็เปียกชื้น ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เราอยู่บริเวณใดของภูเขา ข้าคิดว่าเราควรพักที่นี่สักคืน แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยออกมาเดินทาง เจ้าว่าอย่างไร” ฉินเย่จือเสนอแนะ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าตอบรับ
นางประมาทไม่ได้ และไม่สามารถเอาชีวิตของตนมาเสี่ยงกับอันตรายได้
พวกเขาไม่คุ้นเคยกับภูเขานี้เลย ที่ใดมีกับดัก ที่ใดมีหน้าผา พวกเขาก็ไม่รู้ การพุ่งไปข้างหน้าในคืนที่มืดมิดจะมีแต่ความสูญเสีย
“ค้างคืนในถ้ำนี้กันเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“ได้ เช่นนั้นเจ้าพักที่นี่ ข้าจะไปหาของกินและฟืน!” ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล ทั้งสองคนอยู่ในถ้ำเป็นเวลานาน และพวกเขาอยากจะหาอะไรกินเพื่อรองท้อง หากไม่เช่นนั้นเขาอาจจะไม่มีแรง
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว เมื่อคิดว่าจะอยู่ที่นี่คนเดียว ในใจก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยและพูดว่า “พี่ใหญ่ฉิน ข้าอยากไปกับเจ้า!”
ฉินเย่จือเห็นความกลัวในดวงตาของกู้เสี่ยวหวาน เขาคิดสักครู่และพูดว่า “ตกลง เจ้าต้องตามข้าตลอดเวลา อย่าหลงทางเป็นอันขาด”
กู้เสี่ยวหวานกำลังจะเดินไป หากแต่ฉินเย่จือกับดึงนางเอาไว้
หยิบแท่งไม้ที่หนาเท่าแขนเล็กขึ้นมาจากพื้น จากนั้นฉีกเสื้อผ้าบนตัวของเขา จุดไฟและส่งให้กู้เสี่ยวหวาน “เจ้าถือนี่ไว้และมองพื้นให้ดี”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานถือคบเพลิง นางจึงสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตรงหน้าได้ชัดขึ้น ความหวาดกลัวในใจพลันลดลงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยมีทักษะการเอาชีวิตรอด!
ตอนที่พวกเขาเข้าไปในป่าก็มักมองจะมองหาเครื่องหมายและสิ่งมีชีวิต และมักจะพบเวลาที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยเจอพายุฝนโหมกระหน่ำเฉกเช่นวันนี้มาก่อน
ยิ่งกว่านั้น พวกเขาต่างก็ทำเครื่องหมายไว้ ตราบใดที่พวกเขาตามเครื่องหมายไป พวกเขาก็จะหายทางกลับได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถพึ่งได้แค่การคาดเดาจากความรู้สึกเพื่อตัดสินว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
ฉินเย่จือกระชับฝ่ามือของกู้เสี่ยวหวานแน่นอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่ามือจะคลายออก
ฉินเย่จือไม่กล้าที่จะเดินไกลเกินไป เพราะท้องฟ้ามืดแล้ว และถ้าเขาจำทางกลับไม่ได้ ในตอนกลางคืนก็จะมีอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นได้ง่ายบนภูเขานี้
แน่นอนว่าฉินเย่จือรู้สึกว่าปลายหูของเขามีบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ
ฉินเย่จือรีบปกป้องกู้เสี่ยวหวานไว้ข้างหลัง และพูดอย่างจริงจัง “เสี่ยวหวาน อย่าขยับ!”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ขณะที่กำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็เห็นดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งปรากฏอยู่ในป่าข้างหน้า
ดวงตาเหล่านี้เปล่งประกายด้วยแสงสีเขียวจาง ๆ และในป่าภูเขายามค่ำคืนที่มืดมิดนี้ พวกมันดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเต้นผิดจังหวะ แย่แล้ว มันคือหมาป่า!
มือของกู้เสี่ยวหวานดึงเสื้อผ้าของฉินเย่จือโดยไม่รู้ตัว
ราวกับรู้สึกถึงความกลัวของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือหันกลับมาและยิ้มปลอบใจให้นาง “อย่ากลัวไป เสี่ยวหวาน มีข้าอยู่! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรไปแน่!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า มือที่ถือคบเพลิงกำแน่นยิ่งขึ้น
บางทีหมาป่าเหล่านี้ไม่ได้ออกมาหาเหยื่อเพราะฝนตกในบ่ายวันนี้ คราวนี้ เมื่อพวกมันเห็นเหยื่อทั้งสองเดินมาหาถึงที่ พวกมันทั้งหมดกำลังจะเคลื่อนตัวและเข้าหาพวกเขาอย่างช้า ๆ ในลักษณะขนาบข้าง
ฉินเย่จืถือกริชที่เขาใช้เมื่อบ่ายนี้ในมือ หมาป่าเหล่านั้น แต่ละตัวกำลังขุดดินด้วยกรงเล็บด้านหน้า ตั้งใจจะกระโดดเข้าโจมตี
“เสี่ยวหวาน ถ้าพวกมันเข้าใกล้เจ้า ให้เจ้าโบกคบเพลิงแรง ๆ หมาป่ากลัวไฟ เข้าใจหรือไม่?”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า หมาป่าทั้งหกตัวล้อมฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานไว้ในวงกลม
ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าหมาป่าจะรอไม่ไหวและเป็นผู้นำในการโจมตี หลังจากนั้นก็วิ่งเข้าใส่ฉินเย่จือ
ฉินเย่จือไม่กลัว เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่แม้แต่จะขยับฝีเท้า กริชในมือของเขาฟันไปข้างหน้าอย่างดุเดือด คอของหมาป่าถูกกรีดแหวะและมันก็ตายทันที
หนึ่งตัวถูกกำจัด แต่ยังเหลืออีกห้าตัว!
ฉินเย่จือดูสงบนิ่งและไม่ตื่นตระหนกราวกับไม่สนใจหมาป่าเหล่านี้เลย กู้เสี่ยวหวานพึ่งพาเขาและรู้สึกสบายใจ ในสายตาของนาง หมาป่าเหล่านี้ไม่น่ากลัวอีกต่อไป
ตราบใดที่ฉินเย่จืออยู่เคียงข้าง เขาจะปกป้องตนเองได้อย่างแน่นอน!
กู้เสี่ยวหวานกำคบเพลิงแน่นและยกไปข้างหน้า หมาป่าเหล่านั้นหวาดกลัวเปลวไฟ และถอยกลับโดยสัญชาตญาณ
พวกมันล้วนไม่กล้าโจมตี
แต่หมาป่าตรงหน้าฉินเย่จือต่างกัน เมื่อพวกมันเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ถูกฆ่าโดยฉินเย่จือด้วยตาของพวกมันเอง หมาป่าที่เหลือคำรามอย่างโกรธจัดและกระโจนจากพื้นด้วยอุ้งเท้าหน้า ท่ามกลางเสียงคำราม หมาป่าสองตัวกระโดดขึ้นพร้อมกัน
ฉินเย่จือกลัวว่าหมาป่าทั้งสองจะทำร้ายกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงบินขึ้นและเตะมันอย่างสุดแรง
หมาป่าสองตัวที่กระโจนเข้ามาถูกเท้าของฉินเย่จือเตะกระเด็นไปไกล
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูฉินเย่จือบินขึ้นไปและการเคลื่อนไหวก็เสร็จสิ้นในครั้งเดียว
ชายผู้นี้บินได้จริง!
ในละครทีวีว่ากันว่า คนที่มีทักษะศิลปะการป้องกันตัวสูงจะใช้วิชาตัวเบาได้!
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานจ้องมองตนเองด้วยดวงตาเบิกกว้างและมีสีหน้าประหลาดใจ ฉินเย่จือก็ตบหลังนางและพูดเบา ๆ ว่า “หากมีคำถามให้ถามตอนที่เราปลอดภัยแล้ว!”
ลูกแมวตัวนี้สามารถตกอยู่ในภวังค์ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อันตรายได้จริง ๆ!