บทที่ 531 จับสตรีมาแต่งด้วย
บทที่ 531 จับสตรีมาแต่งด้วย
“ใครบอกเช่นนั้น!” ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยิน นางก็พูดทันทีว่า “เจ้าหน้าตาดียิ่งนัก แค่ใส่เสื้อผ้าก็ไม่มีใครเห็นแล้ว แม้ว่าเจ้าจะถูกเห็นในคืนวันแต่งงาน แล้วถูกรังเกียจ แต่ข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว ไม่มีปัญหาแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่กล้าหาญเช่นนี้จากกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็ตะลึงเล็กน้อย ก่อนมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก?” ฉินเย่จืออดอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกันไม่ได้เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ ในหัวของลูกแมวตัวน้อยตัวนี้มีอะไรอยู่กันแน่! เหตุใดจึงมีถ้อยคำประหลาด ๆ มากมายที่ชวนให้ผู้คนตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้
กู้เสี่ยวหวานไม่เป็นกังวลเลยสักนิดว่าฉินเย่จือจะไม่สามารถแต่งภรรยาได้ บาดแผลเหล่านี้อยู่บนร่างกายทั้งสิ้น ซึ่งมิมีผู้ใดว่างเสียจนไปเผยร่างกายให้สตรีคนอื่นเห็นในเวลากลางวันแสก ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของฉินเย่จือยังมากไปด้วยเสน่ห์ และภรรยาที่เขาจะแต่งด้วยในอนาคตจะต้องมีเสน่ห์และงดงามมากอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าไม่มีสตรีคนไหนยอมแต่งงานกับฉินเย่จือจริง ๆ เช่นนั้นตัวกู้เสี่ยวหวานจะแต่งเอง ก็แค่แต่งงานไม่ใช่หรือ นางทำได้!
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ถ้านางสามารถแต่งงานกับฉินเย่จือได้จริง ๆ ก็คงจะดี
ฉินเย่จืออยู่ในบ้านกู้มานานมาก ซึ่งกู้เสี่ยวหวานเองก็รู้จักเขาดี เช่นนี้ยังดีกว่าให้นางสวมผ้าคลุมหน้าสีแดงแล้วยังไม่รู้ว่าคนที่แต่งด้วยเป็นหมูหรือหมา ตาโตหรือตาตี่ จะเป็นคนดีหรือไม่เสียอีก!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทว่าหลังจากมองไปที่ฉินเย่จือแล้ว นางก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อยอีกครั้ง
นางอายุต่างจากเขามาก ซึ่งก่อนที่นางจะทันโต เขาก็คงแต่งงานมีลูกไปแล้ว
นางอายุเพียงสิบขวบ ส่วนเขาอายุสิบหกแล้ว มันมีช่องว่างระหว่างอายุถึงหกปี
กว่านางจะถึงวัยปักปิ่น เขาก็อายุยี่สิบปีแล้ว ถ้าอายุยี่สิบปีแล้วยังไม่แต่งงาน เกรงว่าคนอื่นที่รู้เรื่องคงเอานินทากันแล้ว
ในใจกู้เสี่ยวหวานรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่หลังจากความเศร้าโศก นางก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
ไม่ว่าในกรณีใด ฉินเย่จือก็เป็นผู้มีพระคุณของนาง และบุณคุณนี้ ในชีวิตนี้นางจะต้องทำการตอบแทนอย่างแน่นอน
เมื่อฉินเย่จือเห็นกู้เสี่ยวหวานเหม่อลอย เขาก็ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่เมื่อมองดูสีหน้าเศร้าโศก กังวล และตื่นเต้นของกู้เสี่ยวหวานอยู่สักพัก ฉินเย่จือก็นึกสับสนเล็กน้อย
“เสี่ยวหวาน เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ?”
ฉินเย่จือเป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ เขาไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติที่เขาจะถาม!
กู้เสี่ยวหวานตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมารู้สึกตัว ในใจนางพลันรู้สึกอับอายเล็กน้อย และหูของนางก็เริ่มแดงอีกครั้ง!
เพียงเพราะคำพูดของฉินเย่จือ นางถึงกับคิดไปไกล มันช่าง…
เรื่องราวยังไม่แน่นอน กลับควบขับไปไกลนับพันลี้!
น่าเสียดายที่กู้เสี่ยวหวานจะไม่บอกคำพูดเหล่านี้กับฉินเย่จืออย่างแน่นอน
จะเป็นไปได้หรือที่นางจะให้เด็กสาวที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นไปบอกชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ว่า ถ้าไม่มีใครยอมแต่งกับเจ้า ในอนาคตข้าจะแต่งให้เจ้าเอง?
กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้านางเป็นคนเปิดเผยและกล้าหาญจริง ๆ ในชีวิตก่อนหน้านี้นางคงไม่รอจนกระทั่งนางอายุสามสิบปีแล้วยังไม่เคยแม้แต่จะจับมือกับบุรุษหรอก
กู้เสี่ยวหวานเห็นดวงตาที่งดงามของฉินเย่จือจ้องมองมาที่นางอย่างแทบแผดเผาเพื่อรอคอยคำตอบ กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าคิดว่าถ้าไม่มีสตรียอมแต่งกับเจ้าในอนาคต ข้าจะจับมาให้เจ้าแต่งคนหนึ่ง!”
“เสี่ยวหวาน เรื่องสามีภรรยาควรเป็นความปรารถนาของทั้งสองฝ่าย…” เมื่อได้ยินความกล้าหาญของกู้เสี่ยวหวานว่าจะจับคนมาแต่งให้เขา ฉินเย่จือก็อดนึกอยากหัวเราะและร้องไห้ไม่ได้
“ไม่เป็นไร เจ้าดูดีมาก ตราบใดที่แต่งเข้ามาแล้วก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้า หากนางกับเจ้าไม่มีความรู้สึกต่อกัน เจ้าก็สามารถสร้างความรู้สึกร่วมกับนางได้!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวสองสามคำอย่างเกินจริง ซึ่งพอพูดจบแม้แต่นางเองก็ยังไม่อยากเชื่อ
ช่วยไมได้ คำพูดได้พูดออกไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยน หูที่แดงอยู่แล้วก็แดงขึ้นไปอีก เมื่อเห็นฉินเย่จือมีท่าทีจะถามอีก กู้เสี่ยวหวานก็ตอบไม่ได้อีกต่อไป และยังอ้างว่ามีเรื่องต้องทำในครัวแล้วเผ่นหนีไปเร็วยิ่งกว่ากระต่าย
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานหลบหนีไป ฉินเย่จือก็อารมณ์ดี
ลูกแมวตัวนี้กำลังลืมตาพูดเหลวไหล! เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่นางคิดในใจไม่ควรเป็นเช่นนี้ ฉินเย่จือนึกอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่ง!
เมื่อครู่ที่แมวน้อยตัวนี้เหม่อลอย นางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!
ฉินเย่จืออยากรู้อยากเห็นมาก และคอยซักถามกู้เสี่ยวหวานจนกระทั่งพลบค่ำถึงสิ่งที่นางคิดในวันนี้!
กู้เสี่ยวหวานได้เตรียมใจไว้พร้อมแล้ว นางจะปล่อยให้เขาง้างปากเอาคำตอบจากนางได้อย่างไร นางปิดปากสนิทหรือไม่ก็หัวเราะกลบเกลื่อน แต่ไม่บอกความจริงกับฉินเย่จือ
ฉินเย่จือทำอะไรไม่ถูก ลูกแมวตัวน้อยตัวนี้ช่างปิดปากแน่นยิ่งนัก!
ทั้งครอบครัวช่างสงบสุข
เนื่องจากในครั้งนี้ฉินเย่จือได้ช่วยชีวิตไว้ กู้เสี่ยวหวานจึงดูกล้าจะใกล้ชิดกับเขามากขึ้นเล็กน้อย
เมื่อฉินเย่จือหายดีและสามารถออกไปข้างนอกได้ ชาวบ้านรอบ ๆ ต่างก็ตกตะลึง ทุกคนล้วนมองไปอย่างไม่อยากเชื่อว่าฉินเย่จือจะยังมีชีวิตอยู่และสบายดี ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งหมดอย่างไม่บุบสลาย
พวกเขาทั้งหมดอ้าปากกว้างจนแทบจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้
เวลานั้น ชายหนุ่มของตระกูลกู้กำลังจะตายมิใช่หรือ? เขายังรอดอยู่ได้อย่างไร?
นั่นมันหมาป่านะ!
ในขณะนั้น เมื่อมองดูที่ฉินเย่จือผู้พิงอยู่ด้านหลังหิน สภาพบาดแผลทั่วร่างกายของเขาไม่มีชิ้นดีเลย! ทว่าพวกเขากลับเห็นอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังดูเหมือนว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลย!
ทุกคนอยากรู้อยากเห็นมาก หมอหม่าผู้นี้ซึ่งได้ไปพบกับฉินเย่จือในเวลานั้นจึงย่อมตกเป็นเป้าหมายการซักถามของทุกคน
“นี่ ท่านหมอหม่า ชายหนุ่มผู้นั้นได้รับบาดเจ็บมากมายเพียงใด เหตุใดเขาจึงดูปกติไม่ต่างจากคนธรรมดาได้กัน!” ทุกคนถามอย่างถอนหายใจ
“ไม่ใช่สิ ครานั้นข้าเองก็เห็น ข้ายังนึกกลัวว่าเขาจะไม่รอดอยู่เลย นั่นคือหมาป่านะ!”
“ใช่ พรานคนหนึ่งของตระกูลจางก็ได้เจอหมาป่าในตอนนั้นด้วยมิใช่หรือ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้รอดชีวิตโดยการทิ้งขาเพียงข้างหนึ่งไว้บนภูเขา!”
“จิ๊ ๆ เด็กคนนี้โชคดีจริง ๆ!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนรอบตัวเขาอยากรู้อยากเห็น หมอหม่าก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองมากจนเริ่มพูดโอ้อวดทันที