บทที่ 560 หัวใจฉือโถวโศกเศร้า
บทที่ 560 หัวใจฉือโถวโศกเศร้า
“แต่ข้ากินยามาหลายวันแล้ว ทำไมทั้งตัวข้าถึงยังไม่มีแรงอีก!” กุ้ยซื่อทำท่าทางเหมือนเด็ก ดูหดหู่ยิ่งนัก
เมื่อไรนางจะหายจากการป่วยนี้สักที!
“…”
“ข้ายังอยากหายดีไว ๆ ข้ายังต้องไปตามหาตงเหมยอีก!” กุ้ยซื่อกระซิบ
ประโยคนี้กระตุ้นเส้นประสาทที่เปราะบางที่สุดของกุ้ยชุนเจียว
ตามหากุ้ยตงเหมยหรือ?
นางกำลังจะถูกกุ้ยตงเหมยฆ่า แต่มารดาของนางยังต้องการตามหาอีกฝ่ายอยู่อีก?
ในใจกุ้ยชุนเจียวนึกชิงชังยิ่งนัก นางรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เกิดจากกุ้ยตงเหมย หากไม่ใช่เพราะความโลภของกุ้ยซื่อและอีกฝ่าย เรื่องมันจะไม่เป็นอย่างนี้!
มือของกุ้ยชุนเจียวที่ถือชามยาสั่นเทาอย่างรุนแรง และน้ำสมุนไพรร้อนก็หกใส่มือของนางโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่วนผสมที่ถูกสาดลงบนเตียงก่อนกระเด็นไปทุกที่ และบางส่วนก็สาดใส่หน้าของกุ้ยซื่อโดยไม่ได้ตั้งใจ กุ้ยซื่อจึงกรีดร้องด้วยอาการแสบร้อน
“อ๊า…”
กุ้ยชุนเจียวได้ยินเสียงร้องที่น่าสังเวชของกุ้ยซื่อแล้วก็กลับมารู้สึกตัว นางเห็นว่ามีน้ำสมุนไพรอยู่บนผ้าปูที่นอน และอาการของกุ้ยซื่อก็ยังไม่ดีมากนัก น้ำสมุนไพรร้อน ๆ บางส่วนสาดโดนใบหน้าของนาง และผิวหนังบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที บนใบหน้าซีดปรากฏจุดสีแดงหลายจุดซึ่งดูไม่น่ามองอย่างยิ่ง
ยาหกหมดแล้ว แต่กุ้ยซื่อยังต้องกินยา จึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้มยาอีกชาม!
กุ้ยชุนเจียววิ่งออกไปอีกครั้งพร้อมกับชามในมือ
กุ้ยสวิ้นเหอออกจากบ้านไปแล้ว โดยในขณะที่เขาทำงาน เขาจะคอยสอบถามเกี่ยวกับกุ้ยตงเหมยว่านางอยู่ที่ไหน
ครอบครัวนี้เป็นเช่นนี้แล้ว จะต้องไม่เกิดเรื่องเพิ่มอีกต่อไป
ยามนี้ ความปรารถนาเดียวของกุ้ยชุนเจียวคือ ขอให้หลี่ฝานไม่เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของนางออกไป
ด้วยสภาวะของจิตใจนี้กุ้ยชุนเจียว เวลาก็ผ่านไปอีกสองวัน
หลังจากที่เรื่องของครอบครัวกุ้ยคลี่คลาย กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจ
เมื่อนางตื่นขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักว่าดวงอาทิตย์ขึ้นนานแล้ว
กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องนอกจากตัวนางเอง
“พี่ฉิน… หนิงผิง… เสี่ยวอี้…” ไม่มีเสียงตอบรับ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย พวกเขาเหล่านี้หายไปไหนกันหมด
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่โต๊ะและเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ กู้เสี่ยวหวานรีบเดินไปดู ก่อนก้อนหินหนักอึ้งในใจจะวางลง
ปรากฏว่าฉินเย่จือเห็นว่าที่บ้านไม่มีฟืนจึงพากู้หนิงผิงไปเก็บฟืน ในระหว่างทางก็ไปส่งกู้เสี่ยวอี้ที่บ้านของป้าจาง
เขาอยากจะปลุกกู้เสี่ยวหวาน แต่เมื่อเห็นว่านางนอนหลับสบายมากจึงไม่อยากปลุก ดังนั้นฉินเย่จือจึงทำอาหารเช้า หลังทักทายเด็กทั้งสองและรับประทานอาหารแล้วจึงเดินย่องออกไป
กู้เสี่ยวหวานสวมเสื้อผ้าของนาง ก่อนมายังห้องครัว ยกฝาหม้อขึ้น อาหารภายในยังคงนึ่งอยู่ พลันให้กู้เสี่ยวหวานหวั่นไหว
หลังจากอาบน้ำและทานอาหารแล้ว นางก็ปิดประตูและมุ่งตรงไปยังบ้านของป้าจาง
เมื่อเดินมาถึง กู้เสี่ยวหวานก็เห็นกู้เสี่ยวอี้และป้าจางคุยกันถึงวิธีการตัดเย็บ
ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัว ทุกคนในครอบครัวจางก็ยิ้มออกมา “สาวน้อยเสี่ยวหวานมาแล้ว…”
ฉือโถวงุ่มง่ามเล็กน้อย เขาลุกขึ้นและมองดูกู้เสี่ยวหวานพลางยิ้มอย่างมีความสุข ขณะเดียวกันก็เกาหัวอย่างเขินอาย
กู้เสี่ยวหวานเรียกอย่างอ่อนหวาน “ท่านลุงจาง ท่านป้าจาง พี่ฉือโถว…”
เมื่อทุกคนตอบรับก็เห็นกู้เสี่ยวอี้วิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ วันนี้ข้าตื่นเร็วกว่าท่าน!”
“ใช่ เสี่ยวอี้ของครอบครัวเราเป็นเด็กที่ขยัน วันนี้พี่สาวของเจ้าจึงขี้เกียจได้!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ดีจริง ๆ ในที่สุดก็มีคนสามารถช่วยนางได้
ถ้ากู้เสี่ยวหวานรู้สึกเหนื่อย นางก็สามารถนอนหลับได้จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น โดยครอบครัวของนางจะจัดการสิ่งต่าง ๆ เอง ดังนั้นนางจึงไม่ต้องเป็นกังวลเลย
“ท่านพี่ อาหารเช้าที่พี่ชายกับพี่ใหญ่ฉินทำอร่อยหรือไม่?” กู้เสี่ยวอี้ถามอย่างไร้เดียงสา
“แน่นอนว่ามันอร่อย ตราบใดที่พวกเจ้าเป็นคนทำ พี่สาวของเจ้าก็จะกินทุกอย่างอย่างเอร็ดอร่อย! เมื่อพี่สาวของเจ้าตื่น ยังกินข้าวต้มไปถึงสองชาม!” กู้เสี่ยวหวานเกาจมูกของเสี่ยวอี้และรู้สึกมีความสุขมาก
ป้าจางที่อยู่ข้าง ๆ รู้ว่าในวันนี้กู้เสี่ยวหวานหลับเพลินอย่างหาได้ยาก แต่เมื่อมีคนช่วยจัดการเรื่องในบ้าน ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลย นางจึงนึกยินดีกับกู้เสี่ยวหวาน “เมื่อก่อนข้าคิดเสมอว่าเจ้าเด็กเสี่ยวฉินมีหน้าตาเช่นนี้ ในใจจึงคล้ายรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าพวกเจ้าเข้ากันได้ดีดุจครอบครัว เจ้าเองก็มีคนให้พึ่งพาด้วย ป้าของเจ้าจึงมีความสุขกับเจ้าเช่นกัน!”
ตั้งแต่ฉินเย่จือมาอยู่บ้านกู้ เขาขยันขันแข็ง มีความสามารถ และเต็มใจที่จะทนต่อความยากลำบาก ป้าจางดูแล้วมีความสุขนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งก่อน เพียงเพื่อปกป้องความปลอดภัยของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็ไม่ต้องการแม้แต่ชีวิตของเขาเอง ความรักนี้น่าประทับใจจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและตอบว่าใช่ ดูเหมือนว่าป้าจางและคนอื่น ๆ จะยอมรับฉินเย่จือแล้ว
ในใจกู้เสี่ยวหวานมีความสุข แต่นางรู้สึกเศร้าเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่า ไม่รู้ว่าในอนาคตฉินเย่จือจะอยู่บ้านของนางได้นานแค่ไหน
แต่เพื่อไม่ให้ทุกคนหดหู่ กู้เสี่ยวหวานรีบเก็บความคิดนั้นกลับและกล่าวว่า “ใช่ พี่ฉินมาที่บ้านของข้า และเขาได้ช่วยข้าไว้มากจริง ๆ!”
ฉือโถวกำลังทำกล่องไม้ไผ่อยู่ด้านข้าง ช่วงนี้ลุงจางได้ทำการสอนเขาแบบตัวต่อตัว ซึ่งฉือโถวก็สามาถทำกล่องไม้ไผ่ที่ใส่ของได้ แม้จะไม่ได้ประณีตเหมือนลุงจาง แต่ก็ดีกว่าคนทั่วไปมาก
ทางฉือโถวได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน งานในมือของเขาก็หยุดลงทันที ดวงตาของเขามืดลงและดูผิดหวัง
เมื่อเขาได้เห็นฉินเย่จืออยู่ที่หน้าต่างบ้านของกู้เสี่ยวหวานในวันนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกโหวงเหวงไปอยู่พักหนึ่ง
เขาแอบเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน เมื่อกู้เสี่ยวหวานพูดถึงฉินเย่จือ หางตาของนางก็โค้งลงเล็กน้อย ดูเต็มไปด้วยความสุข
ดวงตาของฉือโถวมืดลง และก้มศีรษะลงอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ใครเห็นความโศกเศร้าของเขา
ป้าจางพยักหน้าดีใจกับกู้เสี่ยวหวาน “มีคนอยู่ที่บ้านคอยช่วยเช่นนี้ ข้าก็วางใจได้!”
ทุกคนเริ่มยุ่งกับงานของตัวเองอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่านางไม่อาจแค่ดูอยู่เฉย ๆ ได้ ดังนั้นนางจึงมองไปรอบ ๆ และวางแผนที่จะจัดเรียงกล่องไม้ไผ่เหล่านี้ทั้งหมด แต่เพียงเดินไปที่มุมกำแพง นางก็พบบางสิ่งบางอย่าง