ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 566 สองโจร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 566 สองโจร

บทที่ 566 สองโจร

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยในใจ หากรู้ก่อนหน้านี้ว่าจะถูกลักพาตัว ตนเองน่าจะตามพี่ฉือโถวไปตักน้ำที่ลำธาร

กู้เสี่ยวหวานประมาทเกินไป เหตุการณ์ของการเผชิญหน้ากับหมาป่าบนภูเขาเพิ่งจบลง และอาการบาดเจ็บของฉินเย่จือเพิ่งหายดี ตนเองเดินตามฉือโถวที่ไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ไปที่ภูเขา ทั้งยังอยู่เพียงลำเพียงอีกต่างหาก

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเสียใจ คิดไม่ถึงเลยว่าการที่นางขึ้นมาบนภูเขาจะมีคนมาจับตัวนางได้

ทันใดนั้น รถม้าก็กระแทกโคลงเคลง ตัวของกู้เสี่ยวหวานกระเด็นไปกระแทกกับพนังรถม้า กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงร้องออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเบา ๆ ดังขึ้น

แม้ว่ามันจะเบาราวกับเสียงของยุง แต่เพราะนางอยู่ใกล้จึงได้ยินมันอย่างชัดเจน

เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง จึงสงสัยว่ามีหญิงอีกคนหนึ่งอยู่บนรถม้าคนนี้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอ่ยเร่ง “พี่ใหญ่… พี่ใหญ่…”

จากนั้นเสียงของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้น และตามมาด้วยเสียงโวยวายจากด้านนอก “ทำไม? เจ้าไม่เห็นว่าข้ากำลังขับรถอยู่หรือ?”

“เปล่า พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงจากด้านใน สาวน้อยผู้นั้นฟื้นแล้วหรือไม่?”

สาวน้อย?

หมายถึงตนเองหรือ?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ตั้งสติและกลั้นหายใจอย่างระมัดระวัง ไม่ยอมให้ตัวเองทำเสียงใด ๆ อีก

คนข้างนอกที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ ฟังจบแล้วก็หยุดรถม้าทันที

เมื่อบริเวณโดยรอบเงียบลง ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานตึงเครียดจนนางขมวดคิ้วมุ่นและหลับตาลง นางไม่กล้าเคลื่อนไหว ไม่กล้าทำสิ่งใดที่จะทำให้เขารู้ว่าตนเองฟื้นแล้ว

เสียงดังกรอบแกรบดังขึ้น ม่านถูกยกขึ้นเปิดออก และจากนั้นก็ได้ยินเสียงก่นด่า “ทำไมเจ้าถึงน่ารำคาญเช่นนี้!”

“พี่ใหญ่ ข้าได้ยินจริง ๆ นะ เมื่อครู่ที่รถม้าแล่นผ่านหลุม ข้าได้ยินเสียงคนร้องออกมา!” คนในรถพูดอย่างประหม่า ก่อนจะได้ยินเสียงพ่นลมหายใจจากข้างนอก

กู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงเปิดผ้า ลมหายใจหนัก ๆ หยุดตรงหน้านางครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไป ราวกับว่าเขาไม่พบอะไรเลย และได้ยินเสียงพูดดังว่า “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ไม่มีเสียงอะไรเลยสักนิด!”

เมื่อได้ยินว่าเขาไม่เชื่อตนเอง เสียงที่แผ่วเบาก็เริ่มวิตกกังวลเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะความกลัว และแม้แต่คำพูดของเขาก็ไม่สอดคล้องกัน “ไม่ใช่ ไม่ใช่ เป็นความจริง!”

เขาหรี่ตาลง ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าแขนตนเองถูกบีบด้วยแรงมหาศาล จิตใจของนางว่างเปล่าและอยากจะกรีดร้องตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่าง นางจึงทำได้เพียงกัดริมฝีปากล่างแน่น ไม่ยอมให้ตัวเองส่งเสียงแม้แต่เล็กน้อย

กู้เสี่ยวหวานพยายามอย่างหนัก โชคดีที่ชายหยาบคายผู้นั้นเพียงแค่บีบแขนกู้เสี่ยวหวาน และปล่อยไป

“เห็นหรือไม่? เจ้ามันน่าสงสัย!” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้งอย่างไม่พอใจ “เจ้าต้องกล้ากว่านี้ เจ้าจะกินข้าวชามนี้ได้อย่างไร ไม่มีความกล้าเช่นนี้ไม่ได้!” จากนั้นเขาก็พูดอย่างชั่วร้าย แต่ไม่รู้ว่าได้พูดกับกู้เสี่ยวหวานหรือไม่ “สาวน้อย ไม่ว่าเจ้าจะตื่นอยู่หรือไม่ แต่เจ้าจำไว้ให้ดี ข้าเคยทำเรื่องต่าง ๆ ฆ่าคนเอย ขโมยของเอย หากเจ้ากล้าสร้างปัญหาให้กับข้า ข้ามีมีด ข้าจะแทงและส่งเจ้าไปนรกเสีย!”

จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงแหบแห้งสั่งให้ไปขับรถม้า และดูเหมือนว่าเขาจะเดินถึงด้านหน้ารถม้าแล้ว

จากนั้นรถม้าก็พุ่งไปข้างหน้า

คราวนี้กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าขยับเขยื้อนหรือส่งเสียงใด ๆ อีก พยายามอย่างเต็มที่ที่จะผ่อนคลายร่างกายและนอนนิ่ง ๆ อยู่ที่นั่น แต่ในใจของนางคิดว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้

ในรถม้าคันนี้ นอกจากตัวนางเองแล้วยังมีชายอีกสองคน และพวกเขาน่าจะเป็นคนที่ลักพาตัวนางมา

ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพหลอนหรือเปล่า แต่กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่ายังมีคนอื่นอยู่ในรถม้าอีกหนึ่งคน เพราะในตอนที่รถม้ากระแทก นางก็ได้ยินเสียงคนร้อง

แต่ทำไมตอนที่ตนเองถูกบีบแขนถึงไม่ร้องออกมาเลย?

เขาไม่ได้บีบนาง? หรือนางไม่ได้ตื่นมาตั้งแต่แรก?

กู้เสี่ยวหวานถูกใส่ลงในกระสอบ ข้างในจึงมืดสนิทและมองไม่เห็นสิ่งใด พูดตามหลักแล้ว ผ้ากระสอบสามารถมีแสงลอดเข้ามาได้เล็กน้อย แต่ความมืดข้างหน้าดูเหมือนว่าตอนนี้คงจะเป็นเวลากลางคืน ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่นางสลบไปคงไม่นานมาก

คนเหล่านี้คงจะรีบย้ายนางหลังจากที่พวกเขาลักพาตัวมา

ฉินเย่จือต้องรู้แล้วว่าตนเองหายไป และไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาช่วยตนเองทันหรือไม่

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าหากตอนนี้นางคิดจะหลบหนี การจะหลบหนีไปด้วยตัวเองนั้นคงเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝัน

นางยังเด็กและอ่อนแอ ตนเองเป็นเพียงเด็ก จะไปสู้อะไรกับผู้ใหญ่สองคนได้ แบบนั้นมันดูไร้หนทางเกินไป

แต่จะให้นั่งรอความตายอยู่อย่างนี้หรือ? รอให้พวกนี้มาฆ่าและนำไปขายอย่างนั้นหรือ?

ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!

กู้เสี่ยวหวานนอนนิ่งอยู่บนพื้นโดยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

แค่เรื่องนั้นตนเองยังทำไม่ได้ คาดว่าฉินเย่จือคงไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด

ในตอนนี้นางต้องเอาตัวรอด และตัวนางเองเท่านั้นที่จะมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกทำร้าย

ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางเลือกเดียวคือรออย่างอดทน เมื่อมีโอกาส กู้เสี่ยวหวานเชื่อว่านางจะสามารถหลบหนีได้! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจยาวและพยายามสงบสติอารมณ์

เวลาผ่านไปที่ละน้อย และความปั่นป่วนก็ทำให้กู้เสี่ยวหวานไม่มีอาการง่วงนอนเลย นางต้องตื่นอยู่ตลอดเวลาและรอโอกาส!

กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ในกระสอบพยายามอย่างเต็มที่ที่จะฟังสถานการณ์ภายนอก แค่ได้ยินเสียงพูดคุยก็ยังดี

อย่างไรก็ตาม ไม่มีเสียงข้างนอกเลยแม้แต่น้อย!

โจรลักพาตัวสองคนนี้จะพาตนเองไปไหน?

ในขณะนี้ รถม้าหยุดกะทันหัน

ถึงที่หมายแล้วอย่างนั้นหรือ?

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท