ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 569 กระท่อมกลางภูเขา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 569 กระท่อมกลางภูเขา

บทที่ 569 กระท่อมกลางภูเขา

“พี่ใหญ่ ข้าแค่รู้สึกตื่นตระหนก!”

“เจ้าจะตื่นตระหนกอะไร!”

“พี่ใหญ่ ข้ากลัวที่จะถูกตัดหัวเพราะการกระทำนี้!” เสียงแผ่วเบาเต็มไปด้วยความหวาดวิตก น้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใครบางคนบอกว่าผู้หญิงสองคนนี้จะไม่รอดอย่างแน่นอน ในใจก็ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก

หัวใจของกู้เสี่ยวหวานสั่นไหวมากขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดที่มีเสียงสูง พวกเขามอบพวกนางให้ใคร?

คนเหล่านั้นจะฆ่าพวกนางจริงหรือ?

ไม่ได้การแล้ว นางจะต้องหาทางหนีทีรอด หากรอให้ความตายมาถึง เกรงว่าตนจะออกไปไม่ได้

“กลัวอะไร เราแค่ปล้นเงินมาเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเกินกว่านี้ เมื่อถึงเวลาเราจะเอาเงินหนีไป ไม่ต้องห่วง มันจะไม่เป็นไร” ชายผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เหมือนเป็นคนที่ทำอะไรเช่นนี้บ่อย ๆ เขาจึงชินกับมัน และไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

กู้เสี่ยวหวานแอบบ่นในใจว่าพี่ชายผู้นี้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี และชักนำให้น้องชายกลายเป็นโจรลักพาตัว

ตามคำกล่าวที่ว่า การขโมยวัวเริ่มต้นด้วยการขโมยเข็ม ตั้งแต่แรกเริ่มพวกเขาเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย หากในภายหลังกล้ามากขึ้นและไม่ถูกลงโทษ จะไม่ฆ่าคนและทำเรื่องที่ยิ่งกว่านี้เลยหรือ?

กู้เสี่ยวหวานกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง แต่ในตอนนี้นางทำได้เพียงรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของสองคนนี้ ทั้งคู่น่าจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ส่วนตนนั้นยังเด็กอยู่ การจะสู้กับพวกเขานั้นเป็นเรื่องเสียเปรียบ

หลังจากนั้น กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าคนที่มีเสียงดังกำลังคลายการพันธนาการของคนข้าง ๆ นาง และกำลังเทคนผู้นั้นออกจากกระสอบ

ชายคนนั้นสบถสองสามคำก่อนจะเตะนาง “เวรเอ๊ย หลับลึกอะไรเช่นนี้”

คาดไม่ถึงว่าแรงเตะของเขาจะมหาศาล เขาเตะจนคนที่นอนอยู่บนพื้นร้องอุทาน “โอ๊ย…”

เสียงนี้?

กุ้ยชุนเจียว!

กู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปรากฏว่าคนที่ถูกลักพาตัวมาพร้อมกับนางคือกุ้ยชุนเจียวจริง ๆ

เดิมทีกุ้ยชุนเจียวสลบสไล แต่ตอนนี้ฟื้นคืนสติเต็มที่ นางถูกชายร่างสูงใหญ่เตะอย่างแรงซึ่งบังเอิญไปโดนกระดูกน่อง

ส่วนของน่องล้วนมีแต่กระดูกและไม่มีเนื้อเลย ดังนั้นเมื่อถูกเตะจึงรู้สึกเจ็บมาก เมื่อครู่กู้เสี่ยวหวานต่อสู้กับความเจ็บปวดด้วยกำลังทั้งหมดของนาง กลั้นเอาไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา

แต่กุ้ยชุนเจียวจะต้านทานได้อย่างไร นางเพิ่งได้สติขึ้นมา เมื่อถูกเตะอย่างกระทันหัน นางจึงส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

ชายผู้นั้นไม่คิดว่าการเตะจำให้กุ้ชุนเจียวตื่นขึ้นมา ไม่ได้คาดหวังว่ากุ้ยชุนเจียวจะร้องตะโกนเสียงดัง ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและปิดปากกุ้ยชุนเจียวทันที

ชายผู้นั้นปิดปากของเขาด้วยมือหนา กุ้ยชุนเจียวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองไปที่ชายแปลกหน้าที่อยู่ข้างหน้า เขาจ้องมาที่นางอย่างดุดัน มันแทบจะทำให้นางเสียสติไปทันที

นางจำได้ว่าตอนที่กำลังเก็บฟืนบนภูเขา นางถูกไม้ตีจนสลบไป

ที่นี่คือที่ไหน?

คนตรงหน้าคือใคร?

กุ้ยชุนเจียวตกใจกลัวและดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง เนื่องจากคนเหล่านั้นไม่ได้มัดมือและเท้าของนางไว้ นางจึงโบกมือไปมาและเตะเท้าไปทุกที่

เนื่องจากขาที่ตวัดไปมาทำให้เตะถูกกลางลำตัวของชายผู้นั้นอย่างจัง มันเจ็บปวดจนร้องโหยหวน

เมื่อเห็นอาการเจ็บปวดของน้องชาย ผู้เป็นพี่ใหญ่รีบรุดไปข้างหน้าและเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพยายามระงับความเจ็บปวด ชี้ไปที่กุ้ยชุนเจียวทั้งที่ยังคงกรีดร้องและพูดอย่างชั่วร้ายว่า “นังโง่ ยังไม่รีบหุบปากอีก!”

แต่หลังจากผ่านไปนาน เสียงกรีดร้องของกุ้ยชุนเจียวก็ยังไม่เงียบลง ดูเหมือนว่าชายผู้นี้ไม่กล้าเข้าใกล้กุ้ยชุนเจียวอีกเลย

เสียงของกุ้ยชุนเจียวดังมากจนราวกับจะเจาะแก้วหู กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว เสียงกรีดร้องของกุ้ยชุนเจียวดังระงม หากนางยังคงร้องอีกต่อไป เกรงว่า…

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินกุ้ยชุนเจียวยังคงกรีดร้อง เสียงนั้นอาจจะดึงดูผู้อื่นได้ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาดึกสงัด และสถานที่แห่งนี้อยู่ระหว่างทางขึ้นภูเขาและไม่มีผู้ใดก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เวลาที่ทำอะไรแย่ ๆ ในใจรู้สึกว่างเปล่า กลางดึกมีผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องเสียงดัง นั่นทำให้รู้สึกอึดอัดในใจเข้าไปอีก ชายเสียงสูงเห็นน้องชายของเขาอยู่ข้าง ๆ ยึกยักอยู่เนิ่นนานและไม่แม้แต่จะเข้าใกล้กุ้ยชุนเจียว มือและเท้าของนางเตะไปมา และในที่สุดเสียงคนก็เบาลง นางถูกเตะไปที่ร่างกายอีกครั้ง หากแต่นางก็ยังไม่หยุดร้อง

ชายผู้นั้นทำได้เพียงรอ หากแต่ไม่ขยับเข้าไปใกล้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหันกลับมาและพูดอย่างอึดอัดว่า “พี่ใหญ่…”

ชายเสียงสูงไม่สนใจสิ่งใดและเอ่ยว่า “ไร้ประโยชน์ แม้แต่สาวน้อยคนเดียวก็จัดการไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าทำเรื่องใหญ่กับข้าได้อย่างไร รีบกลับบ้านไปทำไร่ไถนาให้เร็วที่สุดเถอะ ไอ้บ้าเอ้ย…”

ชายที่ถูกตำหนิก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไรอีก

จากนั้นก็เห็นชายเสียงสูงเดินจ้ำอ้าวไปข้างหน้ากุ้ยชุนเจียว เขาฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของนางดังลั่น นั่นทำให้เสียงกรีดร้องของกุ้ยชุนเจียวหยุดกะทันหัน

“นังเด็กบ้า หยุดร้องเสียที หากเจ้ายังร้องอยู่เช่นนี้อีก ข้าไม่ทำเท่านี้แน่!” ชายเสียงสูงพยายามล้างแค้นเมื่อครู่ด้วยการตบถึงสองครั้ง

กุ้ยชุนเจียวตกตะลึงเมื่อถูกตบครั้งแรก

หนึ่งคือนางมึนเล็กน้อย และสองคือมองชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าราวกับเจ้าแห่งนรก หัวใจของนางพลันหวาดกลัวขึ้นมาทันใด

กุ้ยชุนเจียวที่ถูกตบสองครั้งติดต่อกัน รู้สึกเพียงว่าแก้มของนางบวมขึ้น

เมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวไม่ได้กรีดร้องอีกต่อไปแล้ว เขาจึงเอ่ยอย่างดุดันเสียงสูง “ร้องสิ เจ้าชอบร้องนักไม่ใช่หรือ? ร้องออกมาสิ!”

กุ้ยชุนเจียวมองไปที่ชายผู้นั้น ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว กอดตนเองแล้วถอยกรูดอย่างอกสั่นขวัญแขวน

“เจ้าอย่าเข้ามา เจ้าอย่าเข้ามา…”

กุ้ยชุนเจียวรู้สึกหวาดกลัวในเมื่อครู่นี้ แต่คราวนี้เมื่อนางเห็นคนผู้นี้ที่มีท่าทางชั่วร้าย ในใจกลัวแทบสิ้นสติ หากแต่จะให้กรีดร้องอีกครั้งได้อย่างไร นางทำได้เพียงร้องไห้ต่อไป “พวกเจ้าเป็นใคร? ข้าขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ ปล่อยข้าเถอะ! ข้าจะให้เงินเจ้า ข้าจะให้เงินเจ้า!”

“ถุย…” ทันทีที่ได้ยิน ชายเสียงสูงก็ถ่มน้ำลายใส่หน้ากุ้ยชุนเจียว น้ำลายอันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นชวนอาเจียนสาดกระเซ็นลงใบหน้าของกุ้ยชุนเจียว นางกำลังจะกรีดร้องออกมาอีกครั้ง

น่าขยะแขยง น่าขยะแขยงเกินไป

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท