ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 590 กุ้ยซื่อตายแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 590 กุ้ยซื่อตายแล้ว

บทที่ 590 กุ้ยซื่อตายแล้ว

“ตงเหมย ยาพร้อมแล้ว รีบดื่มมันเสีย!” กุ้ยชุนเจียวตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพของกุ้ยตงเหมย จึงรีบวางยาลงแล้วหันหลังเดินออกไป!

“อ้า…” จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง กุ้ยชุนเจียวหันกลับมาและเห็นกุ้ยตงเหมยวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับอ้าปากกว้าง เมื่อเห็นสภาพไม่เหลือความเป็นมนุษย์ของกุ้ยตงเหมย กุ้ยชุนเจียวทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความกลัว ในสายตาของกุ้ยชุนเจียว อีกฝ่ายวิ่งตรงเข้ามาเหมือนสัตว์ร้าย

“ไม่! ตงเหมย ข้าเป็นพี่สาวของเจ้านะ!” กุ้ยชุนเจียวกรีดร้องอย่างโศกเศร้า แต่ในขณะนี้กุ้ยตงเหมยได้สูญเสียสติไปหมดแล้ว

นางจำใครไม่ได้อีกแล้ว!

สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าใครก็เป็นคนไม่ดี!

ทุกคนล้วนชั่วร้าย!

กุ้ยตงเหมยรีบขึ้นคล่อมคว้าตัวกุ้ยชุนเจียว เปิดปากกว้างและกำลังจะกัดที่คอของกุ้ยชุนเจียว

กุ้ยชุนเจียวตัวสั่นด้วยความกลัว และด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนาง นางจึงเตะต่อยท้องของกุ้ยตงเหมยทันที

กุ้ยตงเหมยกรีดร้องและล้มลงกับพื้น

มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านนอก “ชุนเจียว ชุนเจียว มีอะไรผิดปกติหรือ?”

“ท่าน… ท่านแม่ มาช่วยข้าด้วย มาช่วยข้าด้วย!” ขาของกุ้ยชุนเจียวอ่อนแรงเกินกว่าจะเดินได้ นางเห็นกุ้ยตงเหมยนอนกุมท้องและร้องไห้อยู่บนพื้น สัญชาตญาณบอกให้นางไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว แต่ขาของนางกลับก้าวไม่ออก ดังนั้นจึงทำได้เพียงนั่งอยู่บนพื้นมองดูกุ้ยตงเหมยคลานเข้าหาเขาทีละน้อย

“ตงเหมย ตั้งสติหน่อยสิ ข้าเป็นพี่สาวของเจ้านะ!” กุ้ยชุนเจียวตะโกนด้วยความกลัว

แต่กุ้ยตงเหมยจะฟังสิ่งที่กุ้ยชุนเจียวพูดได้อย่างไร นางจึงคลานเข้ามาบีบคอกุ้ยชุนเจียวด้วยความสับสน

กุ้ยตงเหมยบ้าไปแล้ว!

กุ้ยชุนเจียวพูดไม่ออก ในขณะนี้ดวงตาของกุ้ยตงเหมยแดงก่ำ ใบหน้าของนางไร้ความรู้สึก ซึ่งดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

มือของกุ้ยชุนเจียวพยายามดึงมือของกุ้ยตงเหมยออกไป แต่ความแข็งแกร่งของนางจะเทียบกับกุ้ยตงเหมยที่ตอนนี้เสียสติไปแล้วได้อย่างไร?

ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถแกะมือของกุ้ยตงเหมยออกได้

เนื่องจากนางขาดอากาศหายใจ ใบหน้าของนางจึงเริ่มบวมแดง พยายามสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเปล่าประโยชน์

เมื่อกุ้ยชุนเจียวคิดว่านางกำลังจะตายด้วยน้ำมือของกุ้ยตงเหมย กุ้ยซื่อได้ยินเสียงที่โกลาหลที่ด้านนอกบ้าน จึงรีบออกมาดู

เมื่อนางเข้ามาก็เห็นว่าคอของกุ้ยชุนเจียวถูกกุ้ยตงเหมยบีบเอาไว้ เวลานี้ใบหน้าของกุ้ยชุนเจียวแดงก่ำและดวงตาของนางก็เหลืองขาว

กุ้ยซื่อตะโกนด้วยความตกใจ “ตงเหมย…” โดยไม่สนใจร่างกายของนาง จึงรีบวิ่งไปข้างหน้ากอดกุ้ยตงเหมยไว้ แล้วลากนางออกมา “เจ้าจะฆ่าใคร นั่นคือพี่สาวของเจ้า นั่นคือพี่สาวของเจ้านะ!”

แม้ว่ากุ้ยซื่อจะป่วย แต่พละกำลังของนางก็ยังมีมากกว่าเด็กอย่างกุ้ยตงเหมยนัก ตอนนี้กุ้ยซื่อแข็งแรงขึ้นมากแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยกุ้ยชุนเจียว หากนางไม่ช่วย เกรงว่ากุ้ยชุนเจียวจะไม่รอด

กุ้ยซื่อดึงกุ้ยตงเหมยออกไปพลัน จากนั้นตบกุ้ยตงเหมยและด่าทอว่า “นังสารเลว นางเป็นพี่สาวของเจ้านะ…”

ทว่ากุ้ยตงเหมยไม่รู้จักกุ้ยชุนเจียว นางจะจำกุ้ยซื่อได้อย่างไร นางรู้เพียงว่าทุกคนที่เข้ามาใกล้นางต้องตาย ทุกคนจะต้องตาย!

กุ้ยตงเหมยกระโดดไปข้างหน้าชนร่างของกุ้ยซื่ออย่างแรง ก่อนนั่งขึ้นคร่อมบนร่างกุ้ยซื่อ

กุ้ยซื่อคล้ายจะได้ยินเสียงกระดูกหักดัง “แคร่ก”

“อ๊า…” กุ้ยซื่อร้องออกมา

ก่อนที่นางจะได้สติจากความเจ็บปวด กุ้ยตงเหมยก็ต่อยหน้าอกของกุ้ยซื่อด้วยหมัดซ้ายและขวา

ครั้งสุดท้ายที่กุ้ยซื่อถูกหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง กุ้ยตงเหมย และกุ้ยสวิ้นเหอเตะ นางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส คราวนี้นางจะทนต่อการทุบตีของกุ้ยตงเหมยได้อย่างไร นางทนไม่ไหวจึงกระอักเลือดออกมา

จากนั้นเลือดก็ไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย

มันสาดกระเซ็นใส่ทั่วใบหน้ากุ้ยตงเหมย

เมื่อกุ้ยชุนเจียวเห็นกุ้ยซื่อกระอักเลือด เสื้อผ้าถูกย้อมเป็นสีแดงในเวลาไม่นาน กุ้ยตงเหมยยังคงไม่รู้ตัวและต่อยขวาซ้ายไปที่ร่างของกุ้ยซื่อไม่หยุด

กุ้ยชุนเจียวกรีดร้องและรีบวิ่งไปที่กุ้ยตงเหมย ก่อนผลักนางออกไป

แต่เลือดของกุ้ยซื่อไม่อาจหยุดได้ มันยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานเสื้อผ้าของกุ้ยชุนเจียวก็ถูกย้อมเป็นสีแดง

ในขณะนี้ กุ้ยตงเหมยเจอเข้ากับการผลักอย่างไร้ความปรานีของกุ้ยชุนเจียวก็ลืมตาขึ้น ก่อนมองไปที่ร่างของกุ้ยซื่อที่จมกองเลือดด้วยความสับสน

เมื่อนางเห็นเลือดบนร่างกายและใบหน้าของกุ้ยซื่อ กุ้ยตงเหมยก็จ้องมองด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าคิดถึงคืนนั้นอีกครั้ง นางกรีดร้องก่อนรีบออกจากห้องและหายเข้าไปในความมืดทันที

กุ้ยชุนเจียวกอดกุ้ยซื่อไว้ ขณะดูกุ้ยตงเหมยวิ่งออกไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้

กุ้ยตงเหมยบ้าไปแล้ว!

แม้แต่กุ้ยซื่อก็ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่

กุ้ยชุนเจียวไม่กล้าแตะต้องกุ้ยซื่อ จึงรีบออกไปตามหมอ แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่นางจะวางกุ้ยซื่อลงบนพื้น กุ้ยซื่อก็หลับตาลง ขาชักกระตุก ก่อนแน่นิ่งไป

ส่วนกุ้ยตงเหมยยามนี้ก็หายตัวไปแล้ว

กุ้ยซื่อนอนนิ่งอยู่บนพื้น และเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของนางก็ค่อย ๆ แข็งทื่อ

ไม่ว่ากุ้ยชุนเจียวจะร้องไห้มากแค่ไหน นางก็ทำสิ่งใดไม่ได้!

“ท่านแม่ ท่านแม่…” กุ้ยชุนเจียวคร่ำครวญอย่างใจสลาย ร่างกายในอ้อมแขนของนางค่อย ๆ เย็นลง ร่างกายของกุ้ยชุนเจียวสั่นสะท้าน

กุ้ยสวิ้นเหอวิ่งมาจากนอกบ้าน และเพิ่งกลับมาจากการไปตักน้ำในแม่น้ำ เขาได้ยินเสียงร้องโหยหวนของกุ้ยชุนเจียวจากข้างในบ้าน ถังน้ำตกลงพื้นด้วยความตกใจ และรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที

ทันทีที่เขาเข้ามาในบ้านก็เห็นกุ้ยชุนเจียวร้องไห้อย่างใจสลายให้กับร่างของกุ้ยซื่อในอ้อมแขนของนาง

มีเลือดอยู่ทั่วร่างกายของกุ้ยซื่อ ซึ่งกุ้ยชุนเจียวเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

กุ้ยซื่อนิ่งเงียบ ดวงตาของนางปิดสนิท ริมฝีปากของนางซีดและไร้ชีวิตชีวา

“ชุนเจียว…” กุ้ยสวิ้นเหอถามอย่างสั่นเทาเมื่อเห็นสภาพของกุ้ยซื่อ

เมื่อกุ้ยชุนเจียวเห็นบิดาของนางเข้ามา นางก็พูดเสียงดัง “ท่านพ่อ ท่านแม่ นาง…นางตายแล้ว!”

“อะไรนะ?” กุ้ยสวิ้นเหอรู้สึกดังสายฟ้าฟาดในวันที่ท้องฟ้าสดใส ทำให้เขาตะลึงงัน

“เจ้าพูดอะไร ชุนเจียว แม่ของเจ้า… เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเจ้า?” กุ้ยสวิ้นเหอยืนอยู่ที่ประตูแต่ไม่มีความกล้าที่จะเข้ามา ได้แต่จ้องไปยังที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดของกุ้ยซื่ออย่างว่างเปล่า

กุ้ยซื่อตายแล้ว?

ภรรยาของเขาตายแล้วหรือ?

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท