ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 600 อาจมีหลักฐาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 600 อาจมีหลักฐาน

บทที่ 600 อาจมีหลักฐาน

ดวงตาของชายผู้นั้นดุร้ายราวกับจะฉีกเนื้อของนางออกเป็นชิ้น ๆ

ฉินเย่จือทนไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของคนผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงใช้ร่างกายบังกู้เสี่ยวหวานไว้ด้านหลัง และมองไปยังคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร?”

ฉินเย่จือเกิดมาพร้อมกับนิสัยอันสูงส่งและเย็นชา ซึ่งทำให้คนที่เหลือรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบกายของเขาเย็นลงอย่างกะทันหัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า จากสายตาของอีกฝ่ายทำให้ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าทั้งสองคนสวมเครื่องแบบดูดีดกว่าอีกสี่คนที่อยู่ข้างหลัง แถบสีแดงบ่งบอกว่าพวกเขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น

เมื่อคนที่เป็นหัวหน้าเห็นว่าคนของเขานิ่งงันไปเพราะคำพูดของฉินเย่จือ เขาก็กลัวเกินกว่าจะออกหน้า และเอ่ยขึ้นโกรธเคือง “เจ้าพวกขี้ขลาด ยังไม่รีบมาอีก!”

เมื่อคนเหล่านั้นเห็นผู้เป็นนายเอ่ย พลันรู้สึกมีที่พึ่ง พวกเขาก้าวขารุดขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว ยืนห่างจากกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ถึงห้าหรือหกก้าว และมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างกระตือรือร้น!

“เจ้าคือกู้เสี่ยวหวานใช่หรือไม่?” หัวหน้าเจ้าหน้าที่เอ่ยถามอีกครั้งอย่างดุดัน และมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความดูถูก

ฉินเย่จือไม่เคยถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อน คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อย และอุณหภูมิรอบ ๆ ร่างกายก็เย็นลงเรื่อย ๆ

“ข้าคือฉินเย่จือ แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นใคร?”

กู้เสี่ยวหวานซึ่งอยู่ข้างหลังฉินเย่จือ ชะโงกหน้าออกมาเล็กน้อยและมองไปที่ผู้ประสงค์ร้ายเหล่านี้

เจ้าหน้าที่ของศาลาว่าการตะโกนเสียงดังกึกก้อง “กู้เสี่ยวหวาน ข้าไม่คิดว่าสาวน้อยอย่างเจ้าจะฆ่าคนได้ เจ้าลงมืออย่างแนบเนียน แต่นายท่านเป็นคนช่างสังเกตมาก ตอนนี้พวกข้าจะพาเจ้ากลับไปชี้แจงกับผู้ตาย!”

ผู้ตาย?

หัวใจของกู้เสี่ยวหวานต้นไม่เป็นจังหวะ!

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องของเหมียวเอ้อร์จะถูกค้นพบ!

เมื่อคนรอบข้างได้ยินสิ่งที่เจ้าหน้าที่พูด พวกเขาทั้งหมดต่างเหมือนระเบิดเวลา

“อะไรนะ สาวน้อยเสี่ยวหวานฆ่าคนหรือ?”

“นางฆ่าใครกัน!”

“เป็นไปได้อย่างไร สาวน้อยเสี่ยวหวานยังเด็กนัก!”

คนท่าทางใจดีออกหน้าให้กู้เสี่ยวหวาน “ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว นางเป็นแค่เด็กหญิงอายุสิบปี นางจะฆ่าคนได้อย่างไร!”

“ใช่ ๆ! พวกท่านต้องเข้าใจผิดเป็นแน่?”

“เข้าใจผิดหรือ?” เจ้าหน้าที่ชำเลืองมองคนสองคนที่กำลังพูดแทนกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้อย่างดุดัน และพูดอย่างไม่พอใจ “นี่เป็นคดีที่ใต้เท้าได้ไต่สวนด้วยตนเอง จะผิดได้อย่างไร! เจ้ากล่าวเช่นนี้จะไม่เป็นการสงสัยท่านใต้เท้าหรืออย่างไร?”

“ไม่…ไม่…ไม่ เพียงแต่สาวน้อยเสี่ยวหวานเป็นคนใจดี นางจะฆ่าคนได้อย่างไร!”

“การฆ่าคนเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ปกตินางไม่แม้แต่จะฆ่าไก่ด้วยซ้ำ!”

“ใช่ ๆ!”

บางคนเอ่ยสิ่งดี ๆ ของกู้เสี่ยวหวาน แน่นอนว่าย่อมมีบางคนตกหลุมพลาง

“ถุย กู้เสี่ยวหวานคนนี้ เดิมทีมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ยามปกติไม่แม้จะเอ่ยทักทายกัน เชิดหน้าสูงเสียดฟ้า หากไม่ใช่นางก็เกรงว่าจะถูกผีสิง!”

สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานมืดลง

นางไม่สนใจผู้อื่น เข่นฆ่าผู้คน สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องมันจะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร?

“ใช่แล้ว ท่านเจ้าหน้าที่ หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าหยิ่งยโสและบ้าอำนาจแค่ไหน พวกเราชาวบ้าได้รับความเดือดร้อนจากนางมามากแล้ว!”

“ถูกต้อง ป้าของนางถูกขังคุกหลายเดือนแล้ว!”

“พอแล้ว!” ฉินเย่จือตวาดลั่น เมื่อคนเหล่านั้นเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของฉินเย่จือ ความเย็นชาในดวงตาของเขาก็เหมือนกับมีดน้ำแข็ง หากคนกลุ่มนี้ยังคงพูดเรื่องไร้สาระต่อไป เขาจะไม่รังเกียจที่จะตบหน้าคนคนหนึ่ง!

ชาวบ้านปากเปราะคนหนึ่งตัวสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่สิ่งนี้ทำให้ชาวบ้านพูดมากขึ้น!

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินคนพูดว่าการจำคุกของซุนซื่อเป็นความผิดของนาง นางแทบอยากจะพุ่งไปตบหน้าของคนผู้นั้น!

หากไม่รู้ความจริงก็เพียงแค่หุบปาก ไม่มีผู้ใดหาว่าเป็นใบ้!

“ท่านเจ้าหน้าที่ เจ้าเห็นเหมือนกันหรือไม่ นางมีเทพเจ้าที่นางนับถือในครอบครัวของนาง ผู้ซึ่งทำให้เราหวาดกลัวเป็นครั้งคราว พวกเรากลัวนางจะตายแล้ว!”

“ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าไม่สามารถปิดบังท่านได้อีกต่อไป ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นี้มาจากที่ใด! เขาเข้าออกหมู่บ้านอู๋ซีของพวกเราอย่างสะดวกสบาย มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นฆาตกรหรือไม่! เขาอยู่กับเราทุกวัน ใครจะรู้ว่าเขาเคยทำอะไรไว้!”

“น่ากลัวจะแย่แล้ว!”

เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้กำลังพูดจาให้ร้ายตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ กู้เสี่ยวหวานต้องการรุดขึ้นหน้า และอธิบายเหตุผลแก่พวกเขา โดยไม่คาดคิดว่าฉินเย่จือจะเห็นการเคลื่อนไหวของนาง และดึงนางเอาไว้เบา ๆ และปกป้องนางไว้ด้านหลัง

ชาวบ้านเหล่านี้เพียงแค่ต้องการพูดออกมา!

อย่ากลัวไปเลย กุญแจสำคัญคือเจ้าหน้าที่เหล่านี้ พวกเขาพูดอยู่เสมอว่ากู้เสี่ยวหวานฆ่าคน พวกเขาหมายความว่าอย่างไร?

“พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ฉินเย่จือมองไปรอบ ๆ ชาวบ้านที่ยังพูดคุยและแสดงความคิดเห็นต่างก็หุบปากเมื่อเห็นสายตาของฉินเย่จือ มันสามารถแช่แข็งผู้คนได้

หาได้ยากที่รอบข้างจะเงียบสงบเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนที่ไม่คุ้นเคยกับการเห็นกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นว่าชาวบ้านเหล่าหวาดกลัว ฉินเย่จือ ก็ทำใจกล้าตะโกนขึ้น “พวกเจ้าเห็นหรือไม่ เขามักจะทำให้เราตกใจแบบนี้ เขากำลังข่มขู่ให้เรากลัว!”

ฉินเย่จือกวาดสายตามองไป เจ้าของเสียงคืออู๋เอ้อร์โก่วผู้เกียจคร้าน ซึ่งเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนทั้งวัน

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มคุมไม่ได้เล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงตะโกนใส่อู๋เอ้อร์โก่ว “เจ้าหุบปาก!”

ครั้งนี้เขามาเพื่อจับกุมกู้เสี่ยวหวาน หากมีเรื่องอื่นไว้ค่อยพูดทีหลัง!

“ออกไปให้พ้นแล้วส่งคนมา!” เจ้าหน้าที่เองก็หวาดกลัวฉินเย่จือไม่ใช่น้อย บรรยายกาศเย็น ๆ รอบกายฉินเย่จือทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า และมองไปที่ฉินเย่จือที่ปกป้องกู้เสี่ยวหวานซึ่งอยู่ข้างหลัง เขาเห็นนาง แต่ไม่อาจจับนางได้!

เกิดความกังวลเล็กน้อย!

“ข้าไม่รู้จักน้องชายคนนี้ ปากเอาแต่พูดว่าหวานเอ๋อร์ของข้าฆ่าคน ฆ่าใคร? มีหลักฐานหรือไม่” ฉินเย่จือถามอย่างใจเย็น

“หึ ใครถูกฆ่า? ไปถามนังเด็กตัวเหม็นนี่สิ แล้วเจ้าจะรู้!”

“นางฆ่าใครกันแน่ มีหลักฐานอะไร?” ฉินเย่จือยืดตัวตรง ดูเหมือนเขาจะสนับสนุนกู้เสี่ยวหวาน!

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท