บทที่ 639 ขึ้นศาล
บทที่ 639 ขึ้นศาล
“เกิดอะไรขึ้น?”
“หลี่ฝานถูกจับได้อย่างไรกัน?”
“รีบไปดูกันเถอะ!”
จากนั้นก็เห็นหลี่ฝานถูกเจ้าหน้าที่ห้าคนถือดาบคุ้มกันไป ติดตามโดยกลุ่มคนมีชีวิตชีวาที่ต้องการดูเรื่องครึกครื้น ซึ่งพวกเขาตามติดไปจนถึงศาลาว่าการ
ครั้นเห็นผู้คนมากมายตามหลังเขามา หลี่ฝานก็ไม่กลัวเลย และก็ไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องทำลายภาพลักษณ์ของเขา สิ่งที่นายท่านพูดก่อนนี้ทำให้เขามั่นใจ
ยิ่งคนมามุงดูเรื่องครึกครื้นมากเท่าไรยิ่งดี ยิ่งเรื่องใหญ่ขึ้น เมื่อถึงเวลาก็มาดูกันว่าพวกมันจะมีจุดจบอย่างไร
เมื่อทุกคนมาถึงที่ว่าการอำเภอ เจ้าหน้าที่ก็หยุดพวกเขาไว้ โดยมีเพียงหลี่ฝาน หัวหน้าของศาลาว่าการ และเจ้าหน้าที่อีกคนเท่านั้นที่เข้าไปในห้องโถงได้
ทันทีที่หลี่ฝานมาถึงห้องโถง เขาก็เห็นภรรยาคนที่สองของเหมียวเอ้อร์คุกเข่าอยู่กลางโถง
อีกฝ่ายกอดลูกของตนและร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลอยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นหลี่ฝานมาถึง นางดูประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นสีหน้าของนางก็สดใสขึ้นเมื่อเห็นกุญแจมือบนมือของหลี่ฝาน
นางรีบดึงเด็กทั้งสองขึ้น พวกเขาพุ่งตัวเข้าใส่และร้องไห้เสียงดังอย่างน่าสังเวช “ใต้เท้า ท่านต้องให้ความยุติธรรมแก่ข้าน้อยนะเจ้าคะ เหมียวเอ้อร์ของครอบครัวข้าเสียชีวิตอย่างผิดปกติ”
ปัง!
เสียงค้อนประธานดังขึ้น
เหมียวซื่อสำลักชั่วครู่และเสียงร้องไห้ก็ติดอยู่ในลำคอ นางสะอื้นไห้ ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ราวกับว่าร่ำไห้มาเป็นเวลานาน
ด้วยน้ำมูกและน้ำตา ใบหน้าอีกฝ่ายดูเปรอะเปื้อนมาก ไม่รู้ว่าไม่ได้ล้างมานานแค่ไหนแล้ว เด็กสองคนในอ้อมแขนของนางก็เหมือนกัน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าเองก็สกปรก
หลี่ฝานเดินไปที่กลางโถงอย่างใจเย็น
ชายบนแท่นยกเคราขึ้นและมองมาที่หลี่ฝานอย่างเคร่งขรึม
หลี่ฝานชำเลืองมองและยิ้มเล็กน้อย ในขณะนี้ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ข้างกายเขาปลดกุญแจมือ หลี่ฝานลูบข้อมือที่ชาของเขาและพูดอย่างรวดเร็วว่า “หลี่ฝาน คารวะใต้เท้า”
แซ่อย่างเป็นทางการของใต้เท้าผู้นั้นคือลวี่ และชื่อของเขาคือ ลวี่เทา ซึ่งตำแหน่งเทียบเท่ากับนายอำเภอของเมืองหลิวเจีย เขาคอยดูแลความสงบของเมืองและจัดการกับเรื่องบางอย่างในเมือง
แม้ว่าตำแหน่งจะไม่ใหญ่โต แต่เขาก็ยังดูแลเมืองที่มีผู้คนเป็นพัน ๆ ในบรรดาผู้คนนับพันเหล่านี้ เขาเป็นหัวหน้า และต้องผ่านเขาไปก่อน ซึ่งเมื่อมันต้องผ่านเขาไป ย่อมต้องมีค่าน้ำร้อนน้ำชาเป็นธรรมดา
ด้วยใบหน้าที่มืดมน ลวี่เทามองไปที่แม่และลูกชายที่น่าสงสารของตระกูลเหมียวอย่างเห็นอกเห็นใจ จากนั้นจึงหันศีรษะไปมองที่หลี่ฝานอย่างจนใจ หัวใจเขายุ่งเหยิงมาก
“หลี่ฝาน ตระกูลเหมียวฟ้องกู้เสี่ยวหวานในข้อหาฆาตกรรม เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่? ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้โปรดออกไปโดยเร็วที่สุด!” ลวี่เทาไม่ต้องการให้หลี่ฝานมามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรมิตรภาพของเขากับหลี่ฝานก็นับว่าใช้ได้ ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ หลี่ฝานเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ใหญ่โตและหรูหราที่สุดในเมืองหลิวเจีย
ถ้าเขาต้องการกินดื่มในวันธรรมดา เขามักจะไปที่ร้านจิ่นฝูนี้เสมอ เขาไม่ต้องจ่ายเงิน และบางครั้งเมื่อเขาเห็นของอร่อย เขาก็สามารถเอากลับไปชุดหนึ่งโดยไม่ต้องจ่ายเงิน แม้ว่าจำนวนจะไม่มากนัก แต่การกินแบบนี้ทุก ๆ สองสามวัน หลังจากผ่านไปสองสามปีมันจะเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมาก!
ทางหลี่ฝานไม่เคยขอเงินจำนวนนี้จากเขา ซึ่งเขามองว่าเป็นหลี่ฝานคิดจะประจบประแจงตน
เนื่องจากเขาเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่ายมากขนาดนี้ เขาจึงต้องชดใช้คืน ครั้งนี้ สิ่งแรกที่เขาพูดคือ หลี่ฝานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งเขาแค่ต้องการให้หลี่ฝานออกไปให้เร็วที่สุดและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลี่ฝานยิ้มและมองไปที่ใบหน้าของเหมียวซื่อที่แดงก่ำจากการร้องไห้ ซึ่งดูน่าเวทนานัก
เหมียวซื่อผู้นี้งดงามจริง ๆ
เหมียวซื่อผู้นี้คือสตรีที่เหมียวเอ้อแต่งด้วยหลังภรรยาคนแรกนางเสียชีวิตจากการคลอดบุตรยาก ต่อมาเหมียวเอ้อไปทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านจิ่นฝู เนื่องจากเงินเดือนดี หลังจากนั้นไม่นาน เหมียวเอ้อจึงพบกับเหมียวซื่อ
เหมียวซื่อผู้นี้มีอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ นางให้กำเนิดลูกสองคน คนโตอายุเพียงสี่ขวบ และคนเล็กอายุเพียงสองขวบ
ทั้งสองเป็นลูกชาย
ดูเหมือนว่าเหมียวเอ้อจะโชคดีจริง ๆ!
“ใต้เท้าลวี่ ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นคนทำบัญชีในร้านจิ่นฝูของข้า แน่นอนว่านางต้องเกี่ยวข้องกับร้านจิ่นฝู ถ้านางเกี่ยวข้องกับร้านจิ่นฝู นางก็ต้องเกี่ยวข้องกับข้า” หลี่ฝานกล่าวด้วยรอยยิ้ม โดยไม่มีท่าทีจะเอาคำพูดอีกฝ่ายมาใส่ใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่ฝานพูด เหมียวซื่อที่อยู่ด้านข้างก็มีความสุขมาก นางเกิดความคิดจึงร้องไห้ดังขึ้น “ใต้เท้า ท่านต้องให้ความยุติธรรมแก่ข้าน้อยนะเจ้าคะ ตอนนี้เหมียวเอ้อร์จากไปแล้ว เหลือเพียงพวกเรา เด็กกำพร้ากับแม่ม่าย แล้วพวกเราจะอยู่กันอย่างไรกันในอนาคต!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ ดูเหมือนว่านางตั้งใจที่จะพึ่งพาหลี่ฝาน?
หลี่ฝานเลิกคิ้วขึ้นและมองไปยังใต้เท้า
เดิมทีลวี่เทาต้องการบอกให้หลี่ฝานกลับไปโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ซึ่งเขามองไปที่หลี่ฝานที่ดูเฉยเมย จากนั้นก็มองไปยังเหมียวซื่อที่ใบหน้าดูทั้งเศร้าสร้อยและโกรธเคือง
“หลี่ฝาน เจ้าบอกว่าเจ้าไล่เมี่ยวเอ้อร์ออกหรือ?” ลวี่เทาถามด้วยใบหน้าที่มืดมน
เขาไปร้านจิ่นฝูตลอดทั้งปี ถ้าหลี่ฝานไม่อยู่ใกล้ ๆ ก็จะเป็นเหมียวเอ้อร์ที่คอยช่วยเหลือเขา เขาสนิทกับเหมียวเอ้อร์มาก บางครั้งถ้าหลี่ฝานต้องการขอให้เขาทำอะไร อีกฝ่ายจะบอกผ่านเหมียวเอ้อร์มา ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับเหมียวเอ้อร์มากกว่า
หลี่ฝานพยักหน้าและรับคำ “ถูกต้อง ข้าไล่เขาออก!”
“ทำไมเจ้าถึงไล่เหมียวเอ้อร์ออกล่ะ? แล้วทำไมเจ้าถึงจ้างกู้เสี่ยวหวานแทน? อธิบายเหตุผลให้ชัดเจน มิฉะนั้น ข้าจะเชื่อว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมของกู้เสี่ยวหวาน!” ลวี่เทาเคาะค้อนเสียงดังจนชวนตกใจ พวกเหมียวซื่อไม่กล้าร้องไห้อีกต่อไป พวกเขาสะอื้นไห้พลางมองไปที่หลี่ฝานอย่างเศร้าสร้อย
หลี่ฝานไม่ได้มองพวกเขาและพูดอย่างใจเย็นว่า “เหตุผลนั้นง่ายดายนัก เป็นเพราะเหมียวเอ้อร์โลภและยักยอกเงินจากร้านอาหารของข้าไปสองพันสามร้อยตำลึง!”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ฝาน ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันสูดหายใจลึก ก่อนเงียบงันและจ้องมองไปที่เหมียวซื่อด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
สองพันสามร้อยตำลึง?
ทันทีที่เหมียวซื่อได้ยิน นางก็ร้องขึ้นทันที “เถ้าแก่หลี่ ท่านอย่าพูดเหลวไหลนะเจ้าคะ เหมียวเอ้อร์ของครอบครัวข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น!” หลังจากชะงักไปเล็กน้อย นางก็พูดอย่างชั่วร้าย “เถ้าแก่หลี่ อย่าอาศัยที่เหมียวเอ้อร์ของครอบครัวข้าจากไปแล้วพูดเหลวไหลที่นี่ ท่านกล้าใส่ความเหมียวเอ้อของครอบครัวข้า ระวังจะโดนฟ้าผ่านะเจ้าคะ!”
“เหมียวซื่อ อย่าส่งเสียงดังในห้องพิจารณาคดี!” ลวี่เทาเคาะค้อนอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทีไม่เต็มใจและท่าทางที่จะตะโกนออกมาอีกครั้งของเหมียวซื่อ เขาก็รีบพูดว่า “ถ้าเจ้ายังคงตะโกนรบกวนศาลอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”