บทที่ 646 หมอตำแยหวัง
บทที่ 646 หมอตำแยหวัง
หญิงชราปาดน้ำตาอีกครั้งเมื่อเอ่ยเรื่องเศร้า แล้วเอ่ยอย่างปวดใจ “ตั้งแต่ลูกสาวของข้าตั้งครรภ์ นางไม่เคยกลับบ้านข้าเลย เหมียวเอ้อร์บอกว่านางอยากจะดูแลเด็กในครรภ์ให้ดี เส้นทางก็เป็นหลุมเป็นบ่อ เมื่อคิดดูแล้วทุกอย่างล้วนถูกต้อง เมืองถู่ถังห่างจากเมืองหลิวเจียเป็นเวลาหนึ่งวัน มันไม่ง่ายเลยที่ลูกสาวของข้าจะเดินทางไปไหนมาไหน ดังนั้นจึงต้องไม่ทำผิดการพลาดใด ๆ ข้าจึงอยากจะไปดูนางด้วยตนเอง แต่เมื่อไปถึง เหมียวเอ้อร์กลับไม่ยอมให้ข้าเข้าไป โดยบอกว่าอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่ลูกสาวของข้าจะตั้งครรภ์ลูกคนนี้ และบอกว่านางมีความขัดแย้งกับครอบครัวแม่ ไม่สามารถให้นางเจอใครจากครอบครัวแม่ได้ หลังจากที่นางคลอดลูกแล้ว ความขัดแย้งนี้ก็สามารถขจัดได้!”
“นางเป็นลูกสาวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ข้าคิดถึงลูกสาวของข้า แต่เพื่อลูกของนาง ข้าจึงทำได้แค่รอ ข้ากลัวว่าตนเองจะประมาทและทำให้เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของข้า! ดังนั้นนางตั้งครรภ์อยู่สิบเดือน เข้าไม่ได้เจอนางมาปีหนึ่งแล้ว และคิดว่าจะได้เจอนางเมื่อนางคลอดบุตร แต่ใครจะไปรู้…” นางมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วคร่ำครวญ “แต่ใครจะรู้ว่าพวกเราจะถูกแยกจาก และไม่มีวันได้พบกันอีก!”
ความเศร้าที่หญิงชราพูดนั้นช่างน่าเศร้าอย่างยิ่ง และน้ำตาก็หลั่งรินลงมา
หลี่ฝานอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วมองหญิงชราที่ร้องไห้อย่างขมขื่น แต่เขาไม่รู้ว่าเหมียวเอ้อร์เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน!
เหมียวซื่อที่อยู่ข้าง ๆ ไม่พูดอะไร สีหน้าของนางบิดเบี้ยวน่าเกลียด กอดลูกสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไว้ในอ้อมแขน และมองด้วยสายตาเย็นชา
“ใต้เท้าผู้ยุติธรรมต้องตัดสินให้ชิวเฉ่าของข้า! เหมียวเอ้อร์คนหน้าซื่อใจคดฆ่าลูกสาวและหลานสาวของข้า ท่านต้องตัดสินเพื่อพวกนาง!” หญิงชราร้องออกมาด้วยความเศร้าโศก และล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
“อย่าพูดไร้สาระ ลูกสาวของเจ้าตายเพราะคลอดบุตรไม่ได้ ทุกคนในละแวกนั้นรู้ดี!” เหมียวซื่อปฏิเสธคำพูดของเซี่ยเหอซื่อและพูดอย่างขุ่นเคือง
“ใช่แล้ว เซี่ยชิวเฉ่าเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า ตอนที่คลอดลูกนางเสียเลือดมาก เด็กคนนั้นตัวเขียวและไม่ส่งเสียงร้องแต่น้อย เมื่อคลอดออกมาจึงรู้ว่านางตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์!” คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกล่าวอย่างเสียใจ
“ลูกสาวของข้ามีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีการแท้งบุตรเลย!” หญิงชราโต้กลับ
“เหอะ ๆ เจ้านี่ช่างตลกเสียจริง ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่มีลูกมาก่อน และไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ว่าผู้หญิงเมื่อจะคลอดลูกก็เหมือนเดินไปอยู่หน้าประตูนรกแล้ว ลูกสาวของเจ้าไม่ได้มีชีวิตที่ดีขนาดนั้น ถ้าคลอดไม่ออก เจ้าแห่งนรกจึงมาเอาชีวิตนาง เรื่องนี้สามารถโทษใครได้บ้างล่ะ! ถ้าอยากจะโทษก็ไปโทษเจ้าแห่งนรกนู่น!” เหมียวซื่อเย้ยหยัน
หญิงชราที่ถูกเหมียวซื่อโต้กลับ นางชี้ไปที่เหมียวซื่อ “เจ้า เจ้า…” เอ่ยอยู่นาน หากแต่พูดสิ่งใดไม่ออก
เหมียวซื่อถอนหายใจอย่างเย็นชา
ความกลัวที่ได้เห็นเซี่ยเหอซื่อหายไปแล้ว
เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น และเรื่องในตอนนั้นเหมียวเอ้อร์ก็ทำเป็นไม่รู้ แม้กระทั่งส่งผู้ที่รู้เรื่องนี้ไปในที่แสนไกล แล้วใครจะรู้!
“ข้ามีพยาน ข้ามีพยาน!” หญิงชราตะโกนเสียงดัง “ใต้เท้า ข้ามีพยานที่จะพิสูจน์ว่าทุกสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเหมียวซื่อก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครั้ง ความกลัวฉายชัดบนใบหน้า
หลี่ฝานกอดอก สิ่งนี้เริ่มน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าใต้เท้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งแสดงละครตามความต้องการของอีกฝ่าย และหลังจากละครจบลง เขาสามารถกลับไปได้
ละครที่ดีขนาดนี้ จะไม่ดูก็คงน่าเสียดาย
“เจ้ามีพยานหรือ?” จิตใจของลวี่เทาหม่นลง เดิมทีเขาต้องการจะจัดการหลี่ฝาน แต่เขาไม่คิดว่าเหมียวซื่อจะนำเรื่องเดือดร้อนกลับมาหาเขา และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป!
“ใต้เท้า เมื่อพาตัวมาแล้วท่านจะรู้! ข้าเชื่อว่าคนในที่นี้ก็รู้จัก!” หญิงชราพูดอย่างลึกลับและมองออกไปข้างนอก ทันใดนั้นก็มีหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
เมื่อนางเดินเข้ามา ทุกคนก็มองด้วยความประหลาดใจ ท่าทางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“นี่หมอตำแยหวังไม่ใช่หรือ? เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
“…”
จากนั้น ทุกคนในโรงศาลต่างมองดูหมอตำแยหวังอย่างสงสัย หมอตำแยผู้นี้ไปอยู่ที่อื่นเมื่อหลายปีก่อนไม่ใช่หรือ?
ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน คราวนี้ทุกคนคงนึกถึงการคลอดบุตรยากของเซี่ยชิวเฉ่าแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะรู้อะไรบางอย่าง?
ทุกคนตื่นเต้นเนื้อตัวสั่น และดูเหมือนว่าม่านของความน่าตกใจกำลังจะเปิดออก
ดวงตาของเหมียวซื่อเบิกกว้าง นางมองด้วยความไม่เชื่อขณะที่หมอตำแยหวังเข้ามาใกล้
หมอตำแยหวังคำนับลวี่เทาก่อน จากนั้นจึงไปที่เหมียวซื่อที่กำลังตกตะลึงและทักทาย “แม่นางว่าน ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
ก่อนที่เหมียวซื่อจะแต่งงานกับเหมียวเอ้อร์ แซ่ของครอบครัวนางคือแซ่ว่าน
เมื่อเหมียวซื่อเห็นว่าหมอตำแยจำนางได้ เหมียวซื่อก็ตื่นตระหนกและตะโกนว่า “เจ้าเป็นใคร? ข้าไม่รู้จักเจ้า ข้าไม่รู้จักเจ้า!”
“อ้าว? ไม่ได้เจอกันเพียงห้าปีเท่านั้น ร่างกายของข้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนัก แม่นางว่านลืมไปแล้วหรือ? เจ้าลืมข้าไปแล้วหรือ?” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางจึงมีท่าทีเศร้าสร้อย เมื่อมองดูเด็กชายที่ยืนพิงเหมียวซื่อ นางก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาอย่างคุ้นเคย “เด็กคนนี้ ข้าเป็นคนทำคลอดเขา!”
ประโยคนี้ให้ข้อมูลมากเกินไป เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนต่างตกตะลึง
เด็กคนนี้อายุเพียงสี่ขวบ และผู้หญิงคนนี้จากไปห้าปีแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่านางก็กลับมาในตอนนั้น?
หมายความว่าอย่างไร?
หลี่ฝานก็อยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ตัวใหญ่กว่าเด็กสี่ขวบในวัยเดียวกัน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อนจริง ๆ!
“เจ้า… พูด… พูดเรื่องบ้าอะไรอยู่!” เหมียวซื่อรีบกอดลูกคนโตและผลักไปข้างหลัง เพื่อซ่อนเขาจากสายตาของหมอตำแย
“แม่นางว่านเป็นคนขี้ลืม ดังนั้นข้าจะช่วยรื้อฟื้นความทรงจำให้เจ้าเอง!” หมอตำแยหวังยิ้มอย่างเย็นชาเมื่อเห็นท่าทางของเหมียวซื่อ
“เมื่อห้าปีที่แล้ว แม่นางว่านยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่แต่งงาน!” หมอตำแยหวังพูดเบา ๆ ทันทีที่นางพูดคำเหล่านี้ ทุกคนก็ตกตะลึงและมองไปยังเหมียวซื่อ เมื่อเห็นใบหน้าของเหมียวซื่อซีดเผือด นางได้แต่มองหมอตำแยอย่างตื่นตระหนก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดูท่าทางของเหมียวซื่อแล้วดูมีลับลมคมใน เรื่องราวมันชักจะซับซ้อนขึ้นแล้วนะคะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)